“นั่นแกกำลังทำอะไร”
เสียงผู้ชายดังขึ้นมา ฉันจึงรีบผลักตัวพี่ติณออกแล้วรีบดึงเสื้อของตัวเองลงด้วยความตกใจสุดขีด
พี่ติณพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้นหันไปมองทางต้นเสียง คนที่เดินเข้ามาในห้องรับแขกคืออากิตติ เป็นอาของพี่ติณฉันจำได้ เพราะเคยเจอกันบ่อยๆ ในตอนที่ครอบครัวของเรายังไม่มีปัญหากัน
“แกก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวของใคร” อากิตติท้วงขึ้นมาด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ “ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้!!”
“เพราะรู้ ผมถึงทำ”
“…….” ฉันยืนนิ่งเมื่อได้ฟังคำตอบของพี่ติณมันก็รู้สึกเจ็บจี๊ดในใจอย่างบอกไม่ถูก
“พาเธอขึ้นไปที่ห้อง”
พี่ติณสั่งลูกน้องของตัวเองที่เพิ่งเดินมา ฉันถูกพาตัวขึ้นมาบนชั้นสองของบ้านในทันที เลยไม่รู้ว่าพี่ติณกับคุณอาของเขาคุยเรื่องอะไรกัน
#ภายในห้อง
ภายในห้องถูกจัดเป็นโทรสีดำทั้งหมด ฉันจึงรู้ได้ทันทีว่านี่คือห้องนอนของพี่ติณ เพราะเขาชอบตกแต่งห้องนอนของตัวเองเป็นโทรสีดำแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ฉันนั่งลงบนเตียงพร้อมกับถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า มันยังคงรู้สึกกลัวกับสิ่งที่ต้องเจอต่อจากนี้ แต่ฉันก็ตัดสินใจไปแล้ว และคงไม่เปลี่ยนใจ
แกร็ก~ ในขณะที่กำลังคิดฟุ้งซ่าน ประตูห้องนอนได้ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างของพี่ติณที่เดินเข้ามาภายในห้อง ทำให้ความกลัวในใจของฉันมันปะทุขึ้น
ไม่คิดว่าเขาจะขึ้นมาเร็วขนาดนี้
พี่ติณจัดการล็อกประตูห้องแล้วหันมาบอกเสียงเย็น “เธอควรแก้ผ้ารอฉัน”
“……” ฉันค่อยๆ เม้มปากแน่น แค่คำพูดนั้นก็ทำให้ความกลัวในใจมันปะทุขึ้นเท่าตัว
พี่ติณเดินมาหยุดตรงหน้าของฉัน จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อออก มันรู้สึกแปลกตาที่เห็นว่าบนร่างกายนั้นมีรอยสัก แต่ก็คงไม่ได้แปลกอะไรเพราะผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่คนที่ฉันเคยรู้จักต่อไปอีกแล้ว
พอพี่ติณกำลังจะถอดกางเกงของตัวเองฉันก็ต้องรีบเบือนหน้าหนีทันที เพราะไม่อยากเห็น
“นิ่งอยู่ทำไม รีบๆ ถอดเสื้อผ้าออกซะ” เสียงของพี่ติณออกคำสั่งอีกครั้ง
ฉันจึงค่อยๆ ยกมือตัวเองขึ้นมาถอดเสื้อออกช้าๆ เขาคงไม่คิดว่าฉันนั้นก็มีความรู้สึกอับอายเป็นเหมือนกัน แต่ถึงยังไงฉันก็ต้องทำตาม
ฉันเลือกที่จะหลับตาลงแล้วถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกทีละชิ้นๆ จนในที่สุดร่างกายนั้นก็เปลือยเปล่า การหลับตาแบบนี้มันพอจะช่วยให้ฉันรู้สึกอับอายน้อยลงได้
เพราะนี่คือครั้งแรกที่ฉันแก้ผ้าต่อหน้าผู้ชาย
พรึบ!
ร่างของฉันถูกผลักลงให้นอนราบไปกับที่นอนอย่างแรง จนเผลอลืมตาขึ้น และฉันก็ได้เห็นร่างกายกำยำของพี่ติณที่กำลังเปลือยเปล่าไม่ต่างกัน นั่นจึงทำให้ฉันต้องรีบหลับตาลงอีกครั้ง
ร่างหนาของพี่ติณแทรกมาอยู่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของฉัน ตอนนี้หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวไม่เป็นท่า อยากจะผลักพี่ติณออกแล้ววิ่งหนีไปให้พ้นจากที่นี่ แต่ฉันเลือกเอง เลือกจะเปลือยกายให้เขาทำแบบนี้เอง
“ลืมตาสิ ไม่อยากเห็นหรือไงว่าฉันจะเอาเธอท่าไหนบ้าง หึ!” ฉันกำมือแน่นเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้น มัยยิ่งตอกย้ำว่าฉันกำลังจะเสียความบริสุทธิ์ไปให้เขา
ฉันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่มันถูไปมาช้าๆ ที่ตรงร่องแคบของตัวเอง ก่อนจะรู้ได้ว่าคือแก่นกายใหญ่ของพี่ติณ นั่นจึงทำให้ฉันเริ่มกลัวจนตัวสั่น
ปัก! เสียงพี่ติณอัดกระแทกเอวสอบเข้ามาแรงๆ จนทำให้ผิวเนื้อกระทบกัน
“อึก กรี๊ด พะ พี่ติณ จะ เจ็บหนูเจ็บ” ร่างกายของฉันสะดุ้งเฮือกแล้วรีบดันตัวเองออกอัตโนมัติเมื่อรู้สึกเจ็บปวดตรงบริเวณร่องแคบของตัวเองเหมือนมันฉีกขาด
“อ๊า~ เธอยังบริสุทธิ์” เสียงของพี่ติณพูดออกมาเบาๆ เขาหยุดนิ่งไม่ได้เคลื่อนไหวตัวเอง
ส่วนฉันก็นอนตัวเกร็งเพราะความเจ็บปวด หยดน้ำตามันไหลลงมาอาบแก้มทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ฉันสัมผัสได้ว่าพี่ติณโน้มตัวลงมา ก่อนที่จะได้ยินเสียงคำสั่ง
“ลืมตา”
ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างว่าง่าย พอลืมตาขึ้นมาน้ำตามันก็ไหลพลากอาบแก้มยิ่งกว่าเดิม และในตอนนี้ใบหน้าของพี่ติณมันอยู่ใกล้ใบหน้าของฉันมากๆ
“ยอมให้ฉันทำเอง จะร้องไห้เพื่ออะไร ?”
ฉันค่อยๆ เบือนแล้วตอบ “รีบๆ ทำให้เสร็จเถอะค่ะ หนูอยากกลับบ้าน”
“เธอได้กลับบ้านแน่ๆ ฉันคงไม่พิศวาสถึงขนาดนั้น”
ลมหายใจร้อนผ่าวเป่าลดกระทบลงมาบนผิวเนื้อของฉัน จากนั้นพี่ติณก็หยัดกายขึ้น
“ถึงจะเป็นครั้งแรกของเธอ แต่อย่าคิดว่าฉันจะเบาแรงให้ เพราะความเจ็บปวดของเธอมันทำให้ฉันมีความสุข”
จบคำพูดของพี่ติณเรียวขาทั้งสองข้างของฉันก็ถูกจับแยกออกจากกันกว้างๆ และความโหดร้ายก็เริ่มขึ้น
พี่ติณเริ่มอัดกระแทกเอวสอบอย่างรุนแรง ป่าเถื่อน เขาทำแรงมากๆ จนฉันแทบไม่มีเสียงจะร้องท้วงออกมาเพราะความเจ็บปวด มันเจ็บจนตัวเกร็ง เจ็บจนร้องไม่ออก
มันคงจะจริงที่ความเจ็บปวดของฉันคือความสุขของพี่ติณ ทุกครั้งที่ฉันร้องบอกว่าเจ็บด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พี่ติณก็จะเร่งอัดกระแทกเอวสอบอย่างป่าเถื่ิน
เมื่อทุกอย่างจบลง ฉันก็รีบลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ คราบเลือดบริสุทธิ์ของตัวเองนั้นมันยังติดอยู่บนผ้าปูที่นอน ถึงจะเป็นสีดำแต่ฉันก็พอมองออก แถมเลือดนั้นยังเปรอะเปื้อนที่ขาของฉันด้วน
ฉันค่อยๆ ใส่เสื้อผ้าอย่างคนที่หมดแรง มันยังคงเจ็บตรงนั้นแทบจะยืนไม่ไหว แต่ก็ต้องรีบลุกขึ้นแต่งตัวเพราะอยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
ตอนนี้พี่ติณกำลังนอนอยู่บนเตียง เขาไม่แม้แต่จะสนใจหันมามองฉันเลยด้วยซ้ำ
“ฉันจะทำตามที่เธอขอ และหวังว่าเธอจะไม่โผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีก”
“….ค่ะ”
“ฉันไม่ไปส่ง รีบๆ กลับไปซะ ฉันต้องการพักผ่อน”
ฉันกลั้นน้ำตาเอาไว้รีบๆ ใส่เสื้อผ้าแบบลวกๆ เพราะถูกไล่ขนาดนี้แล้ว ไม่อยากจะอยู่นานหรอก แค่ได้ยินว่าเขาจะทำตามข้อแลกเปลี่ยน มันก็ทำให้ใจชื้นแล้วแหละ