[บันทึกความทรงจำ 'เมิ่งอิงฮวา’: จบ]
เมื่อไปถึงบ้านของลี่หงไป่ถานแทบล้มทั้งยืน เปลวไฟสีเพลิงแสดแผดเผาบ้านทั้งหลังจนควันโขมง
"ท่านแม่!!!!" เด็กน้อยไท่คุณเมื่อเห็นว่าบ้านตนโดนเผาแถมร่างมารดายังอยู่ในนั้นก็หมายจะวิ่งเข้าไปทันที แต่ไป่ถานที่ไวกว่าคว้าร่างน้อยไว้ได้ก่อน
"ฮือออ ข้าจะไปช่วยท่านแม่ท่านน้าปล่อยข้านะขอรับ!!" ไท่คุณออกแรงผลักไป่ถานออกแต่ก็ไม่ได้ดิ้นแรงๆเพราะกลัวว่าท่านน้าจะเจ็บ
"เสี่ยวคุณมันอันตราย หากเจ้าเข้าไปตอนนี้แล้วจะไม่ได้กลับออกมาอีกแล้วหนา" ไป่ถานกอดไท่คุณไว้อย่างปลอบประโลม
เด็กน้อยสะอื้นไห้เมื่อไม่สามารถเข้าไปช่วยมารดาตนได้ ดวงตาหงส์มองบ้านตนที่ถูกแผดเผาโดยในคนหมู่บ้านเดียวกันอย่างเหม่อลอย
เหตุใดถึงต้องเผาบ้านและมารดาเขาด้วย!! หากท่านแม่ไม่หายใจเหมือนท่านพ่อก็ต้องมีพิธีไม่ใช่หรือ...
ไท่คุณวัยเจ็ดหนาวนั้นโตพอที่จะรู้ว่าความตายเป็นอย่างไรเพราะตนเพิ่งสูญเสียบิดาไปเมื่อเดือนก่อน ที่ตนนั้นวิ่งไปหาหมอเว่ยก็เพราะว่าในใจลึกๆก็หวังว่าให้หมอมารักษาตรวจดูอาการอีกครั้งเผื่อมารดาเขานั้นอาจกลับมาหายใจ...
แต่ความหวังนั้นกลับล่มสลายเมื่อหมอเฒ่านั่นตะโกนว่ามารดาเขาตายด้วยโรคระบาดรีบสั่งให้ชาวบ้านมาช่วยกันเผาเพื่อหยุดยั้งเชื้อ
จางไท่คุณซบหน้าลงบ่าท่านน้าไป่ถานเพื่อนสนิทของท่านแม่พลางกอดคอร้องไห้จนตัวโยนเมื่อคิดว่าตนนั้นไม่สามารถช่วยเหลืออะไรมารดาตนได้เลย
'เขาปกป้องอะไรไม่ได้แม้กระทั่งบ้านของเขา...'
ไป่ถานกระชับเด็กน้อยในอ้อมกอดพลางลูบหลังปลอบใจจนไท่คุณผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการร้องไห้อย่างหนัก
หลังจากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นจางไท่คุณนั้นถือว่าไร้ญาติขาดมิตรขนาดแท้เพราะทั้งบิดามารดาล้วนเป็นเด็กกำพร้าด้วยกันทั้งสิ้น
วันต่อมา ไป่ถานที่พาไท่คุณมาเก็บเถ้ากระดูกมารดาเพื่อนำไปฝังที่สุสานของหมู่บ้านนั้นอดที่จะสงสารเด็กตรงหน้านี้ไม่ได้ แม้ชาวบ้านจะรวมตัวกันสร้างกระท่อมหลังเล็กให้เด็กน้อยแทนบ้านเก่าแล้วก็ตาม แต่สำหรับเด็กวัยเท่านี้การอยู่คนเดียวคงลำบากนัก เมื่อคิดได้ดังนั้นไป่ถานจึงตัดสินใจที่รับอุปการะเด็กน้อยคนนี้ทันที
"ไท่คุณไปอยู่ด้วยกันกับน้าดีรึไม่"
"ท่านน้า..." จางไท่คุณเงยหน้าสบตาหญิงสาว
"หากเจ้าเติบโตขึ้นค่อยมายังบ้านเดิมก็เป็นได้ ในตอนนี้ตัวเจ้ายังเป็นเด็กนักเพื่อให้ท่านแม่กับท่านพ่อเจ้าที่อยู่ข้างบนฟ้าหมดห่วงเจ้าไปอยู่กับน้าเถอะนะ" ไป่ถานหว่านล้อม
"ขอรับท่านน้า" เด็กน้อยทำท่าครุ่นคิดก่อนตอบกลับ
หลังจากที่จางไท่คุณได้ย้ายไปอยู่กับไป่ถานนั้นทางด้านอิงฮวาเองก็ต่อต้านอยู่ไม่น้อยเพราะกลัวโดนแย่งความรักจากมารดา
อิงฮวากลั่นแกล้งไท่คุณบ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็นการลอบเข้าไปในห้องเพื่อโปรยใบไม้ที่ฟูกนอนไท่คุณหรือตอนกินข้าวก็มักจะตักแต่ผักให้คนอายุมากกว่าแลไม่เว้นแม้แต่ตอนมารดาเข้าเมืองไปขายผ้าที่ปักแล้วปล่อยให้เด็กทั้งสองเฝ้าบ้านตามลำพัง
เมิ่งอิงฮวามักจะออกคำสั่งให้ไท่คุณเป็นม้าให้ตนขี่เล่นแล้ววิ่งรอบบ้านทันที
แต่ยิ่งกลั่นแกล้งเท่าใดกลับได้แต่รอยยิ้มกลับมาเสมอ.. จวบจนเวลาผ่านไปสิบปีที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน
และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นต่างๆ ที่ทำให้เมิ่งอิงฮวากับจางไท่คุณเกิดความใกล้ชิดกันก่อนจะก่อเกิดความรักเล็กๆในใจของทั้งสองขึ้นมา...
ไท่คุณในวัย17หนาวนั้นจัดได้ว่าหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงโปร่งคล้ายบัณฑิตในสำนักส่วนอิงฮวาเองอีกปีเดียวก็จะย่างเข้าวัยปักปิ่น* เธอนั้นยิ่งโตยิ่งงดงามเหมือนมารดาเรียกได้ว่าเป็น 'โฉมสะคราญ' คนหนึ่งเลยทีเดียว
อิงฮวาและไท่คุณได้ฝึกการอ่านเขียนจากไป่ถานมาโดยตลอด ยิ่งตัวหนังสือของไท่คุณนั้นจัดได้ว่าสวยงามยิ่งกว่าบัณฑิตหลายคนเสียอีก
ตอนนี้เด็กหนุ่มได้งานทำเป็นผู้ช่วยในการบันทึกสินค้าเข้าออกที่เหลาอาหารแห่งหนึ่ง เงินส่วนหนึ่งที่ได้มาไท่คุณเก็บไว้สร้างบ้านของตนส่วนอีกส่วนหนึ่งตั้งใจจะมอบให้ท่านน้าไป่ถานเพื่อทดแทนบุญคุณ
เด็กทั้งสองเติบโตมาอย่างสง่างามชนิดที่ว่าทั้งสองนั้นมีแม่สื่อมาหาหลายครั้งด้วยกันเพื่อทาบทามก่อนจะถึงวัยปักปิ่นและสวมกวานเพื่อจองตัวไปเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวจากทั้งในหมู่บ้านหรือนอกหมู่บ้านเลยทีเดียว
แต่แม่สื่อทั้งหลายหลายที่ถูกไหว้วานมาต่างต้องเดินคอตกกลับไปเพราะไป่ถานแจ้งว่าหากอิงฮวาพ้นวัยปักปิ่นเมื่อใดก็จะหมั้นหมายกับไท่คุณทันที แล้วทั้งสองจะแต่งกันอีกทีเมื่อจางไท่คุณพ้นวัยสวมกวาน**
ไป่ถานพอจะรู้ว่าทั้งสองรู้สึกดีต่อกันมานานแล้วจนเมื่อวันหนึ่งเด็กทั้งสองเดินเข้ามาบอกกับเธอเองว่าทั้งสองนั้นมีความรู้สึกชอบพอกัน ซึ่งเธอนั้นไม่ได้ขัดข้องอะไรและยิ่งวางใจเพราะเธอเลี้ยงไท่คุณมาเองกับมือตั้งแต่ตอนนั้น
เด็กน้อยขี้แยคนนั้นเติบโตขึ้นมาอย่างหล่อเหลาอีกทั้งยังเป็นคนดีและขยันขันแข็งทำให้เธอวางใจในเรื่องการคบหาทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ลืมที่จะเตือนไปว่าอย่าเพิ่งทำข้าวสารให้เป็นข้าวสุก ทุกอย่างล้วนต้องเป็นไปตามประเพณีขนบธรรมเนียม
ไท่คุณเองก็ไม่ได้มีความคิดจะชิงสุกก่อนห่ามแต่อย่างใด..ตกปากรับคำอย่างดีจนเมื่อเวลาผ่านไปถึงวัยสวมกวานไท่คุณก็นำเงินเก็บมาสู่ขออิงฮวาทันที เงินนั้นมากถึงสิบตำลึงทอง สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านทั่วไปเป็นอย่างมาก
ไหนจะเรือนหอหลังงามที่สร้างใหม่จากบ้านเดิมของอดีตผู้ใหญ่บ้านนั่นอีก เรือนหอนี้อิงฮวากับไท่คุณปรึกษากันว่าจะทำที่บ้านของอิงฮวาเพราะเนื้อที่เยอะกว่าที่ดินเดิมของไท่คุณแถมยังติดกับต้นน้ำเหมาะแก่การอยู่อาศัยมากกว่า
และแล้วพิธีการงานมงคลต่างๆก็ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ ทางไท่คุณนั้นที่เป็นฝ่ายแต่งเข้าบ้านอิงฮวาได้ตัดสินใจใช้สกุลเมิ่งแทนสกุลเดิมแล้ว
ทั้งคู่อยู่กินมาได้สามเดือนก็มีเจ้าก้อนแป้ง หมอบอกว่าท้องใหญ่แบบนี้อาจต้องเป็นแฝดเป็นแน่...และเมื่อครบกำหนดก็เป็นจริงดังที่หมอว่าเมื่อเจ้าก้อนแป้งทั้งสองได้ตื่นขึ้นมาลืมตาดูโลก
เวลาผ่านไปได้สองปีก็เกิดเรื่องเศร้าขึ้น เมื่อไป่ถานมารดาของอิงฮวานั้นเสียชีวิตตอนเข้าเมืองเพราะถูกโจรป่าที่ออกอาละวาดดักปล้นฆ่าตาย
เรื่องนี้สร้างความเสียใจให้ครอบครัวเมิ่งเป็นอย่างมากแต่แล้วความเศร้าโศกที่เพิ่งผ่านมาได้ไม่นานก็เกิดเรื่องขึ้นอีก...
เมื่อทางการนำคนมาเกณฑ์ผู้ชายในหมู่บ้านไปเป็นทหาร เพราะตอนนี้ศึกที่ลั่วหยางนั้นดุเดือดเป็นอย่างมากทำให้ทหารไม่พอจนทางการต้องออกมาเกณฑ์ผู้ชายในแคว้นไปเป็นทหาร
โดยมีข้อตกลงว่าจะออกเป็นหนังสือแจ้งให้ว่าหากผู้ชายในครอบครัวใดไปในครั้งนี้ยามทหารขาดแคลนอีกภายภาคหน้าจะได้รับการยกเว้นทันทีชั่วรุ่นลูกหลาน
เมื่อเห็นดังนั้นไท่คุณเองก็เสนอตัวออกไปเพราะทำเพื่อเจ้าก้อนแป้งน้อยและครอบครัวตนเผื่อไว้ในอนาคต
เรื่องศึกสงครามนั้นหาได้มีจบสิ้นไม่มันคงจะต้องมีการมาเกณฑ์คนอีกเป็นแน่...
อิงฮวากอดสามีแน่นมือบางกำหนังสือสัญญาที่ได้มาจนยับยู่ยี่
"พี่สัญญาว่าจะกลับมา...ฝากดูลูกด้วย" ไท่คุณสบตากับคนรักก่อนจะก้มตัวไปหอมแก้มเจ้าแฝดที่นอนหลับอยู่
"ท่านพี่"
อิงฮวาโถมตัวกอดสามีอีกครั้งก่อนจะเขย่งขึ้นจูบปลายคาง มือขาวบางสวมเส้นด้ายที่ตนตั้งใจถักให้สามีอย่างแผ่วเบา
"สัญญาแล้วนะเจ้าคะ...ข้าจะรอ"
ไท่คุณพยักหน้าก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบเมียรักอย่างรักใคร่ น้ำตาคนทั้งสองไหลออกมาเงียบๆด้วยความเจ็บปวด
"พี่สัญญา"
"..."
และนี่ก็เป็นความทรงจำทั้งหมดที่อิงฮวาได้รับมา แต่สิ่งที่น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือสามีของเธอหน้าเหมือนสามีคนแรกในโลกปัจจุบันเป็นอย่างมาก สองคือเธอและร่างนี้หน้าตาเหมือนกันอย่างกับฝาแฝด
ยิ่งแม่กับพ่อนั้นคือคนเดียวกันกับโลกก่อนเลยก็ว่าได้...บางทีนี่อาจจะเป็นอดีตของเธอกระมังอิงฮวาคิดในใจก่อนจะพึมพำออกมาว่า
"หวังว่าชาตินี้ฉันคงไม่ได้เป็นคนกินผัวหรอกนะ...รีบๆกลับมาได้แล้วไท่คุณ"
* วัยปักปิ่นคือ หญิงอายุครบ 15 ปี มี พิธีปักปิ่น หรือพิธีปักปิ่นมวยผม แสดงว่าก้าวเข้าสู่วัยสาว พร้อมที่จะออกเรือนแล้ว
**พิธีสวมกวานคือ ****(Guān lǐ)
ประเพณี ก้าวพ้นวัย (Coming of age) มีในหลายชาติพันธุ์ สาระของประเพณีเป็นการย้ำเตือนให้เด็กที่ก้าวพ้นวัยเด็กไปเป็นผู้ใหญ่ ให้รู้ตระหนักในภาระหน้าที่ของการเป็นผู้ใหญ่ ทั้งไม่อาจจะเที่ยวเล่นอย่างเด็กที่ขาดความรับผิดชอบอีกต่อไป
**หมายถึงการนำแถบผ้ามาพันมัดผมไว้ให้เป็นระเบียบ
เด็กชายจีนเมื่อมีอายุครบ 20 ปีเต็ม ก็จะมีพิธีสวมกวาน เรียกว่า "จี๋กวาน**" แต่ก็จะมีบางที่ที่อายุ 16 ปีก็เข้าพิธีนี้ได้แล้ว