บทที่หก การเข้าป่ากับพรข้อที่สอง

1873 Words
อิงฮวาเดินเข้าไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมอาหาร เธอสำรวจวัตถุดิบแบบครุ่นคิด            อืม...มีไข่ไก่10กว่าฟอง มีเนื้อหมูตากแห้งอยู่จำนวนหนึ่งและมีผักอยู่นิดหน่อย เมื่อเห็นวัตถุดิบทั้งหมดแล้วเธอจึงเลือกทำเมนูง่ายๆคือ ข้าวไข่เจียวและน้ำแกงเนื้อตากแห้งใส่ผัก            ยังดีที่เธอเคยไปตั้งแค้มป์ออกค้างแรมที่ป่ากับเพื่อนสาวที่เป็นทหารมาก่อนเพราะนั้นอยากสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ ดังนั้นเรื่องการจุดไฟเลยไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอ            มือขาวจัดการหุงข้าวแล้วหันมาทำน้ำแกงต่อ อิงฮวาจัดการใช้มีดตัดเนื้อแห้งมาประมาณครึ่งจิน* ก่อนจะหันเนื้อให้พอดีคำแล้วนำไปต้มลงในน้ำที่กำลังเดือดตามด้วยใส่ผักที่มีลงไปสุดท้ายปิดท้ายด้วยการปรุงรสจากเกลือและซอสถั่วเหลืองหมัก             กลิ่นหอมอ่อนๆของอาหารเป็นตัวเรียกให้เจ้าลูกหมาทั้งสองตามกลิ่นมา            "หอมจังเลยขอรับท่านแม่" เสี่ยวฉินทำจมูกฟุดฟิดก่อนจะเดินมาเกาะขามารดาอย่างออดอ้อน             "มีอะไรให้ช่วยไหมขอรับ" เสี่ยวเฉิงแฝดพี่เดินมาหามารดาเหมือนกัน            ฟืดดดด            วันนี้อาหารที่ท่านแม่ทำหอมยิ่งนัก! เสี่ยวเฉิงคิดในใจแล้วสูดกลิ่นหอมเข้าไปเต็มปอด            อิงฮวาเหลือบมองลูกน้อยทั้งสองอย่างนึกเอ็นดู เจ้าคนน้องทำจมูกฟุดฟิด ส่วนคนพี่รึก็สูดลมหายใจเข้ายาวๆดังฟืดฟาด            "ไปนั่งรอแม่ที่โต๊ะไป น้ำแกงเสร็จแล้ว รอแม่ทอดไข่เจียว เดี๋ยวเสร็จแล้วจะยกไปให้นะ"            อิงฮวากดจมูกลงแก้มเด็กทั้งสองก่อนจะลูบหัวน้อยๆนั้นด้วยแววตารักใคร่            "ขอรับ/ขอรับ" ทั้งสองทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินดุ๊กดิ๊กๆปีนขึ้นไปนั่งรอยังที่ประจำของตนที่โต๊ะกินข้าว            อิงฮวาจัดการตอกไข่สามฟองลงในชามตามด้วยการใช้ตะเกียบคนให้ขึ้นฟูและปรุงรสเล็กน้อยโดยใส่ซอสถั่วเหลืองหมัก เกลือและก็น้ำตาลเล็กน้อย            ไข่เจียวฟูบนกระทะส่งกลิ่นหอมเรียกน้ำย่อย ทำให้เจ้าเด็กแฝดทั้งสองยิ่งดูลุกลี้ลุกลน            อิงฮวามองภาพนั้นอย่างขบขันก่อนจะยกจานไข่เจียวและน้ำแกงชามโตวางไว้บนโต๊ะและหันไปตักข้าวให้ตนเองและลูกน้อยทั้งสอง            เสี่ยวฉินกับเสี่ยวเฉิงเองมองอาหารบนโต๊ะด้วยแววตาเป็นประกาย หากสังเกตจะเห็นว่ามุมปากเล็กๆนั่นมีน้ำลายซึมออกมาเล็กน้อย            วันนี้ท่านแม่ของพวกเขาทำอาหารหอมน่ากินกว่าทุกครั้งมากสองแฝดคิดในใจ            อิงฮวาจัดการเปิดฉากการกินโดยการคีบไข่เจียวฟูกรอบขึ้นมาชิมก่อนจะพยักหน้าลงไปมาแบบพึงพอใจ            เด็กน้อยทั้งสองเมื่อเห็นว่ามารดาทานอาหารแล้วตนเลยลงมือทานกันบ้างและเมื่ออาหารเข้าปากก็ทำตาโต            ‘นี่มันอร่อยสุดๆไปเลย!’ เด็กทั้งสองคนคีบนู้นตักนี่พร้อมกับพุ้ยข้าวคำโตตาม            "ไม่ต้องรีบในครัวยังมีน้ำแกงอีกส่วนไข่เจียวหากไม่พอแม่จะทอดเพิ่มให้"            "ขอรับ! ไข่เจียวกรอบสุดๆไปเลยขอขอรับเสี่ยวเฉิงชอบกินแบบนี้"            "เสี่ยวฉินก็ชอบขอรับ อร่อยกว่าทุกทีเลย!" แฝดน้องพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อ            "ชอบก็กินกันเยอะๆ แม่จะไปเตรียมของเข้าป่าสักครู่ หากกินเสร็จแล้วพวกเจ้านำจานไปล้างด้วยนะ"            "ขอรับ/ขอรับ"            เมื่อทั้งหมดทานข้าวเสร็จอิงฮวาก็เรียกลูกน้อยมาหา วันนี้เธอตัดสินใจที่จะพาเด็กๆเข้าป่าด้วยเพื่อฝึกฝนให้พวกเขาเรียนรู้และช่วยเหลือตัวเองในภายภาคหน้าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด            โดยอิงฮวาไม่ลืมที่จะขอพรให้ครอบครัวของเธอ พรข้อที่สองนั้นเธออธิษฐานว่า             'ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ต่างๆที่คิดร้าย คิดไม่ดีต่อตัวเธอและคนในครอบครัวเมิ่งขอให้มันไม่สามารถเข้าใกล้พวกเราได้ หากเจอในระยะประชิดก็ขอให้มันล้มหมดสติตรงหน้าพวกเธอเป็นเวลาสองชั่วยาม**'            ดังนั้นตอนนี้กำไลที่เธอสวมนั้นลูกประคำสีนิลก็เปลี่ยนเป็นสีขาวด้วยกันถึงสองเม็ดแล้ว                        "เสี่ยวเฉิงเสี่ยวฉินวันนี่แม่จะพาพวกเจ้าเข้าป่า"            "จริงหรือขอรับ/จริงหรือขอรับ" ทั้งสองตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ท่านแม่อนุญาตให้ไปด้วย เจ้าลูกหมาทั้งสองกระโจนมาเกาะขาเธออย่างออดอ้อน หากทั้งสองมีหางมันคงส่ายไปมาเป็นแน่            "จริงสิ แต่ต้องผูกเชือกนี้ติดกับแม่เข้าใจหรือไม่"            "ทำไมต้องผูกหรือขอรับ?" เสี่ยวฉินถามด้วยความสงสัย            "นี่เป็นการเข้าป่าไม่ใช่การไปเที่ยวเล่น มันอันตรายนักแถมพวกลูกยังเป็นเด็กจ้ะ ที่ต้องผูกติดเพราะว่าเราจะได้ไม่หลงกันไงจ๊ะเข้าใจหรือไม่            "ขอรับ/ขอรับ"             อิงฮวาจัดการใช้เชือกสองเส้นที่หามาได้ผูกกับเอวตนและลูกน้อยเชื่อมติดกัน โดยเชือกนั้นมีความยาวด้านละประมาณสองเมตรก่อนจะยื่นตะกร้าใบเล็กให้เด็กน้อยคนละใบ และปิดท้ายโดยการที่เธอสะพายตะกร้าใบใหญ่ไว้ด้านหลัง            โชคดีที่บ้านเธออยู่ท้ายสุดของหมู่บ้านทำให้ภูเขาฝั่งนี้ไม่ค่อยมีคนเดินมากนัก            สามคนแม่ลูกจับมือเดินขึ้นเขาอย่างอารมณ์ดี ข้างทางเจอของกินได้มากมายเช่นผักโขม กระเทียม ต้นหอม และนั่นต้นหั่วหลงกั่ว!!*** อิงฮวาไม่รอช้าเลือกเด็ดผลที่สุกมาใส่ไว้ในตะกร้าทันที            "มันกินได้หรือขอรับท่านแม่" เสี่ยวเฉิงถามมารดาอย่างสงสัยเพราะไม่เห็นชาวบ้านที่ไหนกินเจ้าผลประประหลาดนี่สักคน            "ใช่ๆ ป้าลี่หลินบอกว่ามันอาจมีพิษ" เสี่ยวฉินพยักหน้าแบบเห็นด้วยเพราะป้าลี่หลินแม่ของ อาตง เพื่อนพวกเขาเคยชี้ให้ดูและบอกให้ระวังอย่าเผลอจับ            "มันกินได้ นี่เรียกว่า หั่วหลงกั่ว เดี๋ยวถึงบ้านแม่จะชิมให้ดู เอาล่ะตอนนี้มาทวนความรู้กันดีกว่า!" อิงฮวาที่เก็บผลหั่วหลงกั่วจนพอใจแล้วทำการทบทวนความรู้ให้เหล่าเด็กน้อยทันทีว่าวันนี้ตนสอนอะไรให้ลูกบ้าง            เด็กทั้งสองนับว่าความทรงจำดี หากเทียบกับเด็กในยุคที่เธอจากมาด้วยอายุสามขวบย่างสี่ขวบนับว่าพัฒนาการและการจดจำดีมากนัก            เสียงเจื้อยแจ้วทั้งสามแม่ลูกยังคงดำเดินต่อไปเรื่อยๆจนถึงยามอู่(11.00 – 12.59 น.)             โครกกก             เสียงท้องร้องของเจ้าเด็กทั้งสองสลับกันดังขึ้นทำให้การเรียนรู้ต้องพักไว้ชั่วคราว อิงฮวาจัดการพาลูกน้องทั้งสองมานั่งใต้ร่มต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งแล้วจัดการแจกซาลาเปาไส้เนื้อตากแห้งให้เด็กๆคนละลูก            "อร่อยมาเลยขอรับ/อร่อยมาเลยขอรับ" แฝดสองเอ่ยชมเมื่อได้กัดอาหารเข้าไปคำแรก             ถึงแม้ว่าซาลาเปาจะเย็นแล้วแต่ก็ไม่ได้ลดความอร่อยลงแต่อย่างใด แป้งนุ่มๆกับไส้เนื้อข้างในผสมกันกลมกล่อมอย่างยิ่งจนเด็กๆกินไปถึงสองลูกด้วยกันเลยทีเดียว            เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้วก็เตรียมตัวกลับ วันนี้เข้าป่านับว่าได้ของดีเยอะแยะเหมือนกัน             "ท่านแม่เสี่ยวฉินปวดเบาขอรับ"            "หืม งั้นลูกไปปลดทุกข์หลังต้นไม้นั่นนะแม่กับพี่ใหญ่จะรออยู่ใกล้ๆ ก่อนปลดทุกข์ก็ดูรอบๆแบบระวังด้วยเข้าใจหรือไม่?"            "ขอรับ" เสี่ยวฉินน้อยพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะวิ่งหายไปหลังต้นไม้ทันที            "เห็ดนั่นมีพิษหรือไม่ขอรับท่านแม่" เสี่ยวเฉิงที่ตอนนี้กำลังสนใจว่าสิ่งไหนกินได้หรือไม่ได้เอ่ยถามมารดาเมื่อสายตาตนไปสะดุดเข้ากับเห็ดที่ขึ้นบนขอนไม้ผุๆในโพรงหญ้า            "เอ๊ะไหน ไหนแม่ดูซิ!" อิงฮวาเดินเข้าไปดู นี่มันเห็ดหอมนี่นาแถมมีเยอะซะด้วย!             "กินได้ลูกนี่มันไม่มีพิษ เจ้านี่เรียกว่าเห็ดหอม อร่อยมาก เสี่ยวเฉิงของแม่สายตาช่างเฉียบแหลม!"            อิงฮวาจัดการให้รางวัลโดยการฟัดแก้มลูกน้อยไปสองที ซึ่งเสี่ยวเฉิงเองก็พอใจกับรางวัลมากจนยิ้มแก้มปริไปหมด            เสี่ยวฉินเองที่ปลดทุกข์เสร็จเดินออกมาเห็นท่านแม่กำลังฟัดแม่แก้มพี่ใหญ่อยู่ก็มุ่ยหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่ตนจะเดินไปหามารดาแล้วเอียงหน้าไปบ้าง            อิงฮวาที่เห็นเจ้าคนเล็กก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้เลยจัดการฟัดแก้มซาลาเปาไปสองฟอดเช่นกัน            "มาช่วยเก็บเห็ดกันเถอะ!"            "ขอรับ/ขอรับ"             ทั้งสามช่วยกันเก็บเห็ดโดยมีอิงฮวาที่คอยวิธีอธิบายการเก็บให้ลูกน้อยฟัง จนตอนนี้เห็ดทั้งหลายก็เต็มตะกร้าใบเล็กที่ทั้งสองถือมา            ขณะที่กำลังจะเดินทางกลับเสี่ยวฉินเองก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนปลดทุกข์นั้นเจอเห็ดแปลกๆเป็นก้อนๆ จึงพามารดาไปดูเผื่อว่ามันอาจกินได้เหมือนเห็ดที่พี่ใหญ่เจอ            เมื่ออิงฮวาที่ตามไปดูลมแทบจับทันที นี่มันเห็ดหลินจือนี่นา!!! แถมแต่ละดอกยังใหญ่โตซะด้วย!            หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก !! มีถึงสามดอกใหญ่กับอีกสามดอกเล็กด้วยกัน!            "เห็ดนี้เขาเรียกเห็ดหลินจือหายากยิ่งนักและขายได้ราคาดียิ่ง เพราะเขานำไปทำเป็นยา มาดูนี่มาแม่จะสอนเก็บ" อิงฮวาสอนวิธีการเก็บโดยมีเด็กน้อยนั่งฟังด้วยตาเป็นประกาย             ท่านแม่บอกว่ามันขายได้ราคาดี ดังนั้นเด็กทั้งสองจึงจำลักษณะเจ้าเห็ดนี่เป็นพิเศษพร้อมทั้งจำรายละเอียดวิธีการเก็บที่มารดาสอนอย่างตั้งใจ            เมื่ออิงฮวาจัดการเก็บเห็ดหลินจือหมดแล้วก็เอาผ้าเช็ดหน้าที่พกมาด้วยขึ้นห่อเก็บเห็ดไว้อย่างดีก่อนจะนำใส่ตะกร้าแล้วหาใบไม้มาปิดไว้            แม้ว่าป่าแถวนี้ไม่ค่อยมีคนมาก็จริงแต่ก็ควรระวังไว้ก่อนก็ดีมิใช่หรือ..            "เก่งมากเจ้าลูกหมาทั้งสองของแม่" เมื่อจัดการเก็บเห็ดหมดแล้วก็คว้าลูกน้อยมากอดอย่างเต็มรัก ก่อนที่ทั้งสามจะพากันเดินกลับบ้านพอเดินลงมาก็เจอชาวบ้านสองสามคนจึงแวะทักทายกันนิดหน่อยก่อนจะแยกย้ายออกมา *จิน เท่ากับ ครึ่งกิโลกรัม หรือ 500 กรัม ** ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง ***หั่วหลงกั่ว=แก้วมังกร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD