บทที่ 9 ทะเลหมอก

3565 Words
                                                                                        บทที่ 9                                                                                     ทะเลหมอก                                             'แดดแรงทำหน้าพัง พี่ไรเฟิลน่ารักจังทำน้องแพรหน้าแดง'               "น้องแพร"             "..."             "น้องแพรไหมคะ"             ไรเฟิลเรียกคนที่นอนหลับอุตุอยู่ในผ้าห่มเสียงเบา ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้าแล้ว และเนื่องจากพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น บรรยากาศโดยรอบจึงยังไม่สว่างมากนัก              และเพราะม่านหมอกปกคลุมไปทั่วจึงส่งผลให้ทั้งหุบเขาค่อนข้างมืดสลัว เขาอยากให้แพรไหมตื่นมาเห็นในเวลานี้             "ตื่นได้แล้ว"             "อืม"             "ยัยขี้เซาเอ๊ย"             ไรเฟิลอมยิ้มเมื่อเห็นแพรไหมทำหน้าบูดเหมือนตูดลิง ใครก็ไม่สบอารมณ์ทั้งนั้นแหละหากถูกปลุกในตอนเช้าตรู่แบบนี้ ยิ่งอาการหนาวก็ยิ่งเหมาะแก่การนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม และในอ้อมกอดของคนรัก             แต่พี่ไรเฟิลยังไม่ใช่             "ตื่นเร็ว ไปดูทะเลหมอกกัน"             "อะไรนะคะ"             แพรไหมเด้งตัวขึ้น อาการง่วงเหงาหาวนอนเมื่อครู่หายไปแล้ว เหลือเพียงดวงตากลมโตที่เบิกกว้างราวกับตื่นเต้นนักหนาเท่านั้น             "ทะเลหมอก"             "ว้าวววว"             ร่างเล็กรีบลุกจากที่นอนที่ไม่ค่อยจะนุ่มจะสักเท่าไหร่ แต่ทั้งคืนเธอกลับรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย และคงเป็นเพราะอ้อมกอดของพี่ไรเฟิล ที่ทำให้เธอหลับลึกและหลับสบายตลอดทั้งคืนขนาดนี้             พอเดินออกมาจากเต็นท์แพรไหมก็เห็นว่ากองไฟถูกก่อเรียบร้อยแล้ว คงจะเป็นฝีมือใครไปไม่ได้นอกจากพี่ไรเฟิลสินะ เขาตื่นเช้าจัง             หมอกหนาบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็น ในตอนนี้แพรไหมเห็นเพียงม่านหมอกเท่านั้น ไม่มีทะเลหมอกอย่างที่พี่ไรเฟิลว่าสักหน่อย             "โกหกน้องแพรเหรอคะ"             น้องแพรหันมาถามด้วยสีหน้างอง้ำ             "เปล่าซะหน่อย"             "แล้วไหนล่ะคะทะเลหมอก"             "ก็รออีกสักหน่อยไม่ได้หรือไงคะ น้องแพรไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะพาไปดู"             "จริงนะคะ"             พี่ไรเฟิลพยักหน้าน้อย ๆ เขาจะโกหกเธอไปเพื่ออะไรกัน             สุดท้ายแพรไหมก็ต้องปฏิบัติตามคำที่เขาบอก น้ำในขวดถูกนำมาล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น เพราะเต็นท์ของเธอไม่มีน้ำสะอาดจากบ่อบาดาลเหมือนกับโซนบริการนักท่องเที่ยวด้านล่าง น้ำในขวดจึงเป็นตัวช่วยได้เป็นอย่างดี             เมื่อปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเสร็จแพรไหมก็เดินกลับมาหาเขาที่นั่งรอเธออยู่พร้อมกับแก้วชาหอมกรุ่นควันลอยฟุ้ง พี่ไรเฟิลใส่ใจดีจัง พ่อคนอบอุ่น             และเมื่อแพรไหมนั่งลง แก้วชาร้อน ๆ ก็ถูกส่งมาให้เธอตามคาด             "ขอบคุณค่ะ"             แพรไหมรับมาและกล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม             "แต่ว่าน้องแพรยังดื่มตอนนี้ไม่ได้ค่ะ"             "ทำไมล่ะคะ"             ไรเฟิลเอ่ยถามด้วยความสงสัย             "เพราะว่า..."             "ว่า..."             "น้องแพรปวดฉี่ค่ะ"             คนฟังหัวเราะออกมาฉับพลัน แพรไหมกำลังปวดฉี่จึงเป็นเหตุผลให้ดื่มน้ำชาในตอนนี้ไม่ได้สินะ แล้วทำไมเมื่อครู่เธอไม่ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนล่ะ             "ทำไมไม่ฉี่ก่อนคะ"             "ที่ไหนคะ"             โอเคเข้าใจแล้ว ที่น้องแพรไหมยังฉี่ไม่ได้ ก็เป็นเพราะว่าไม่รู้ว่าจะปลดทุกข์ตรงไหนสินะ             "หลังพุ่มไม้นั่น"             ไรเฟิลเลือกที่ให้เสร็จสรรพ ถ้าให้เดินกลับลงไปเข้าห้องน้ำด้านล่างคงต้องใช้เวลาประมาณสี่นาที และเขาเองก็ขี้เกียจพาแพรไหมลงไป             "ไม่มีทาง"             "งั้นก็อั้นไว้อย่างนั้นแหละ"             แพรไหมส่งสายตาอาฆาตมาให้เขา จะให้อั้นไว้ได้ยังไงปวดหนักขนาดนี้ แล้วถ้าจะให้เธอไปฉี่หลังพุ่มไม้ก็ไม่มีทางอีกนั่นแหละ             "น้องแพรเห็นห้องน้ำอยู่ด้านล่าง"             "แต่พี่ไม่อยากพาไป"             "ไปเองก็ได้"             แพรไหมลุกขึ้นพร้อมใบหน้าที่งอง้ำ เดาได้แม่นยำว่ากำลังงอนเขาอยู่แน่นอน             "ใจร้าย นิสัยไม่ดี จะปล่อยน้องแพรไปคนเดียวจริง ๆ เหรอ ถ้าเกิดถูกเสือกัดกินขึ้นมาจะทำยังไง"             คนที่เดินหนีเขาหวังจะเข้าห้องน้ำบ่นไปตลอดทาง ไม่สิไม่ใช่ตลอดทาง ก้าวแรกบ่นว่าเขาใจร้าย ส่วนก้าวที่สองก็หาว่าเขานิสัยไม่ดี ทั้งที่ยังหนีเขาไปได้ไม่ไกลแต่คนตัวเล็กก็พ่นคำด่าออกมาตั้งมากมายเสียแล้ว             และที่สำคัญ ที่นี่ไม่มีเสือสักหน่อย จะมาจับน้องแพรกินได้ยังไง ยัยบ๊องเอ๊ย               และในท้ายที่สุด ไรเฟิลก็ต้องเป็นฝ่ายยอมพาน้องแพรไหมเดินลงมาเข้าห้องน้ำด้านล่างจนได้  ไม่ได้ใจอ่อนหรอกนะ ก็แค่ตัดรำคาญเฉย ๆ             "น้องแพรกลัวเสือค่ะ"             แพรไหมสอดมือเข้าไปคล้องแขนเขาเอาไว้ ขอพาเจ้าเสือมาเป็นข้ออ้างก็แล้วกันนะ ความจริงเธอก็แค่อยากอยู่ใกล้เขา อยากแตะนั่นจับนี่เขาเท่านั้นเอง เพราะพี่ไรเฟิลน่ะตัวอุ่นมาก ๆ เลย             "ไม่มีเสือหรอกน่า"             ร่างสูงจับมือที่เกาะแขนเขาอยู่ออก ไรเฟิลจ้องหน้าคนตัวเล็กที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจกับการกระทำของเขา             แตะนิดแตะหน่อยก็ไม่ได้              "รำคาญน้องแพรขนาดนั้นเลยเหรอคะ"             ไรเฟิลไม่ตอบ แต่สอดประสานมือหนาเข้ากับมือเล็กนุ่มนิ่มนั้น  ทั้งสิบนิ้วเกาะเกี่ยวกัน ไม่มีช่องว่างให้ลมได้พัดผ่าน และไรเฟิลก็พามือของแพรไหมเข้าไปซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อของตัวเอง              "มาสิคะ"             ร่างสูงก้าวเดิน แต่แพรไหมกลับยืนนิ่ง เป็นอะไรอีกล่ะนั่น              "คนบ้า"             น้องแพรไหมต่อว่าเขาแต่ใบหน้ากลับเห่อร้อน พี่ไรเฟิลไม่ให้เธอเกาะแขน แต่กลับจับมือเธอเอาไว้แล้วนำทั้งมือเขาและมือเธอไปซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อแขนยาวของตัวเองแทน             พี่ไรเฟิลขยันน่ารัก และน้องแพรไหมก็ขยันตกหลุมรักเสียจริง             ทั้งคู่เดินช้า ๆ ลงมายังพื้นที่บริการกางเต็นท์ของไร่ สาเหตุที่เดินช้า ก็เพราะแพรไหมอยากซึมซับบรรยากาศและอยากให้เขาจับมือพี่ไรเฟิลนาน ๆ ยังไงล่ะ             โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ หรอกนะ             "ปล่อยมือพี่ก่อนค่ะ"             "แหะ ลืม"             เมื่อมาถึงห้องน้ำแพรไหมก็ตั้งท่าจะเข้าไปทั้งที่ยังจับมือเขาอยู่ นั่นทำให้ไรเฟิลขืนตัวไว้สุดแรง ทำเนียนเหลือเกินนะน้องแพรไหม             "พี่ไรเฟิลเข้ามาด้วยสิคะ น้องแพรกลัวเสือ"             "น้องแพร!"             "แหะ"             แพรไหมยิ้มแห้ง ๆ เมื่อได้ยินเขาเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงดุ ๆ ก็แค่อยากล้อเล่นเอง ทำเป็นเข้ม              หลังจากยืนรออยู่ไม่นานในที่สุดแพรไหมก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา ร่างเล็กแย้มยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้ปลดทุกข์เรียบร้อยแล้ว น่าหมั่นไส้จริง ๆ              "พี่ไรเฟิลไม่เข้าเหรอคะ"             "พี่เข้าแล้ว ตั้งแต่น้องแพรยังไม่ตื่น"             "อย่าบอกนะว่า..."             แพรไหมละไว้ในฐานที่เข้าใจ อย่าบอกนะว่าพี่ไรเฟิลเข้าห้องน้ำหลังพุ่มไม้นั้นจริง ๆ             "อืม"             โป๊ะเช๊ะ ไอ้พี่ไรเฟิลบ้า กลางป่ากลางเขาแบบนั้นทำไปได้ยังไง             "บอกแล้วไงว่าพี่ชินแล้ว เวลาเข้าป่าแล้วไม่มีห้องน้ำก็ทำแบบนั้นแหละ"             "อี๋"             "อี๋ทำไมคะ พี่ทำความดีนะ รดน้ำต้นไม้ไง"             แพรไหมทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ จึงได้รับรางวัลเป็นการหยิกแก้มนุ่มนิ่มไปหนึ่งที ว่าแต่เขาจะหยิกทำไมนะ แล้วเหตุผลอะไรที่ต้องให้รางวัลน้องแพรไหมเป็นการหยิกแก้มกันล่ะ              นึกออกแล้ว ให้รางวัลความน่ารักก็แล้วกัน เพราะสีหน้าอย่างนี้เขาไม่เคยเห็น คนอะไรขนาดคิ้วขมวดยังน่ารัก             แล้วแก้มขาว ๆ ที่ไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มนั่นอีก แม้จะเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เคยชินสักที               ไรเฟิลพาน้องแพรไหมกลับขึ้นมาข้างบนอีกครั้งหลังจากปฏิบัติภารกิจเสร็จ ชาที่เขาชงให้เย็นชืดหมดแล้ว และเขาเองก็คิดว่าไม่มีเวลากินแล้วล่ะ ตอนนี้สว่างแล้ว ไม่มืดสลัวเหมือนตอนเช้าที่ผ่านมา และไรเฟิลก็คิดว่าได้เวลาพาน้องแพรไหมไปดูสิ่งสวยงามตามธรรมชาติแล้วล่ะ             "ใส่ไว้"             หมวกไหมพรมถูกสวมลงบนหัวของแพรไหม จากนั้นไรเฟิลก็สวมให้กับตัวเองบ้าง หมวกนี่แม่เขาเป็นถักเอง และท่านก็นำมาใส่ไว้ในรถให้เขาตลอดเพราะกลัวว่าหากโดนหมอกแล้วจะไม่สบาย              "อะไรคะ"             ไรเฟิลถามร่างเล็กที่มองเขาตาแป๋ว อะไรจะไปเพ้อฝันขนาดนั้นกันนะน้องแพรไหม             "น่ารักจังเป็นห่วงน้องแพรด้วย"             "ก็...เดี๋ยวโดนหมอกจะไม่สบาย ไม่อยากดูแล"             "..."             "ตามนั้นแหละ พี่ไม่อยากดูแลน้องแพรไหม"             แพรไหมลอบยิ้ม ดูร้อนรนจังเลยนะคะพี่ไรเฟิล น้องแพรยังไม่ได้ว่าอะไรเลย รีบอธิบายอะไรขนาดนั้น พี่ไรเฟิลอาการไม่ปกติแล้ว สงสัยคงกำลังก้าวลงหลุมรักที่น้องแพรไหมขุดไว้แน่เลย             คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนแหละนะ อิอิ             "จะพาน้องแพรไปไหนคะ"             "ตามมาเงียบ ๆ เดี๋ยวเสือได้ยินจะมาคาบไปกินนะ"             โหพี่ไรเฟิล คิดว่าเธอเป็นเด็กอนุบาลหมีน้อยหรืออย่างไร โกหกว่ามีเสืองั้นหรือจ้างให้ก็ไม่เชื่อ แต่จะแกล้งเชื่อแล้วกันนะคะ             "น้องแพรกลัวจังเลยค่ะ จับมือน้องแพรหน่อยสิคะ"             ร่างสูงเอื้อมมือมาจับอย่างว่าง่าย จากนั้นก็พามือเธอเข้าไปในกระเป๋าดังเดิม น่ารักที่สุดเลยพี่ไรเฟิลของน้องแพรไหม             "จับแล้วห้ามพูดนะคะ"             "โอเคค่ะ"             แพรไหมยิ้มร่า เธอรู้สึกว่ายิ่งอยู่ใกล้เขาก็ยิ่งตกหลุมรัก ทุกอย่างที่พี่ไรเฟิลทำมันดูจริงใจและใส่ใจไปหมด แม้เจ้าตัวจะยังไม่รู้ตัวก็เถอะ             เดินมาได้สักพักไรเฟิลก็พาร่างเล็กมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผาเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมา แพรไหมตาโตเมื่อมองลงไปยังเบื้องล่าง             หมอกสีขาวปกคลุมไปทั่วบริเวณ เธอจำได้ว่าแถวนี้เป็นหุบเขา และมียอดเขาเล็ก ๆ สลับซับซ้อนเรียงรายกันไป แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถมองเห็นภูเขาพวกนั้นได้อีกแล้ว เพราะเบื้องหน้ามีเพียงหมอก หมอก และหมอก             "ทะเลหมอก"             สารภาพว่านี่เป็นครั้งแรกที่แพรไหมได้เห็นทะเลหมอกกับตาตัวเอง และก็ยอมรับว่าสวยมาก             ภาพหมอกที่ลอยนิ่งไม่เคลื่อนไหว บนท้องฟ้าดวงอาทิตย์เริ่มปรากฏให้เห็นบ้างแล้ว แม้จะมีหมอกจาง ๆ บดบังอยู่ก็ตาม             "สวยจังเลยค่ะ"             แพรไหมยังไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับลมหนาวที่พัดมากระทบร่าง เพราะมัวแต่ลุ่มหลงกับภาพตรงหน้าจึงไม่ทันสังเกตว่าคนข้างกายกำลังลอบมองเธอพร้อมกับแย้มยิ้มอย่างชอบใจ             ไม่รู้สิ ไรเฟิลแค่ชอบรอยยิ้มของแพรไหมเท่านั้นเอง             "สวยมาก"             ร่างเล็กหันมาส่งยิ้มให้เขา และไรเฟิลก็ตาพร่าในทันที อาจเพราะหมอกที่ทำให้เขามีอาการแบบนี้             "ขอบคุณที่พาน้องแพรมานะคะ"             ไรเฟิลไม่ตอบ เขาได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น สาเหตุน่ะหรือ ก็เป็นเพราะว่าเขาหาเสียงตัวเองไม่เจอยังไงล่ะ เนื่องจากเมื่อครู่เขาโดนดาเมจจากรอยยิ้มพิมพ์ใจในระยะประชิด             แพรไหมหันไปให้ความสนใจกับทะเลหมอกอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าธรรมชาติจะรังสรรค์สิ่งสวยงามขนาดนี้ออกมาได้ หากเทียบกับรูปภาพที่เธอเคยเห็น แม้จะยอมรับว่าในรูปภาพสวยมาก แต่ทะเลหมอกที่ได้เห็นกับตาและได้สัมผัสกับตัวย่อมสวยงามกว่าเป็นล้านเท่า             จะว่าไปแล้วตั้งแต่มาที่นี่เธอก็ยังไม่ได้จับโทรศัพท์เลยนะ ไม่รู้ว่าเอาไปทิ้งไว้ที่ซอกไหนของห้อง อาจจะเป็นเพราะว่าที่นี่มีอะไรสวยงามให้ดู มีงานให้ทำตลอดมั้งเธอถึงหลงลืมไปเลยว่าเคยมีโทรศัพท์             ลมหนาวพัดผ่านร่างกาย แม้พระอาทิตย์จะกำลังส่องแสงผ่านม่านหมอกลงมาก็ตาม เนื่องจากเป็นหน้าผาที่ยื่นออกไปทำให้เวลาลมที่พัดปะทะเข้ากับร่างกายเต็ม ๆ              "หนาวจังเลยค่ะ"             "ไหนบอกว่าอยู่เมืองนอกจนชินกับอากาศหนาวแล้วไงคะ"             "ลมเย็นพัดมาแบบนี้ไม่หนาวไม่ได้หรอกนะคะ"             ไรเฟิลคลายมือที่ประสานกันอยู่เมื่อครู่ออก ร่างสูงขยับเพียงก้าวเดียวก็มายืนซ้อนอยู่ด้านหลังแพรไหมได้สำเร็จ             มือทั้งสองข้างโอบไปรอบเอวเล็กคอดที่อยู่ในเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ โดยที่ไม่ต้องร้องขอ ครั้งนี้ไรเฟิลทำให้อย่างอัตโนมัติทันที             ไหล่บางถูกคางมนเกยก่าย ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาเป่ารดแก้ม แพรไหมอมยิ้มกับการกระทำที่แสนอบอุ่นของเขา             เธอขอนับการกระทำนี้ให้เป็นเรื่องที่สุดแสนจะโรแมนติกได้ไหมนะ ถึงไม่ใช่คนรักแต่ก็อยู่ในสถานะคนชอบไม่ใช่หรือ             เพราะฉะนั้นสิ่งที่พี่ไรเฟิลทำ แพรไหมขอเหมารวมว่าเขาช่างเป็นคนที่โรแมนติกและอบอุ่น             "พี่ไรเฟิลตัวอุ่นจัง"             "พี่ร้อนแรงไง แบบว่าฮอตปรอทแตก"             แพรไหมหัวเราะอย่างชอบใจ กล้าพูดได้ยังไงว่าตัวเองเป็นคนร้อนแรง บทจะมีมุกก็เล่นเอาเธอตั้งรับไม่ทันเชียวนะ             แต่ก็ยอมรับแหละ ว่าพี่ไรเฟิลร้อนแรงจริง แถมเสน่ห์ยังแรงมาก ๆ อีกต่างหาก             เธอพอจะคิดเข้าข้างตัวเองได้หรือยังนะว่าพี่ไรเฟิลมีใจให้ ขนาดในบทกลอนยังมีบอกไว้เลยว่า สามวันจากนารีเป็นอื่น ทำไมจะมีสามวันจากไม่ชอบเป็นชอบมากไม่ได้ล่ะ             "กอดแน่นกว่านี้ได้หรือเปล่าคะ"             "ถ้าหายใจไม่ออกล่ะ"             "คุ้มแล้วค่ะ ได้ตายในอ้อมกอดพี่ไรเฟิล"             พี่ไรเฟิลยิ้ม เป็นยิ้มที่น่ารักมาก ยิ้มจนตาเป็นขีดสระอิ แก้มนุ่มเหมือนก้อนโมจิฟูขึ้น ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ             คนด้านหลังกอดแน่นขึ้นตามคำขอ น่าแปลกที่แม้ว่าแพรไหมจะยังไม่ได้อาบน้ำ แต่เนื้อตัวกลับส่งกลิ่นหอมจนน่าหลงใหล             "ขออนุญาตน้องแพรไหมหรือยังคะ"             "เรื่องอะไรคะ"             "ก็ที่พี่ไรเฟิลกอดน้องแพรไหมไงคะ ขออนุญาตหรือยัง"             "ยังเลยค่ะ ต้องขอด้วยเหรอ"             "ขอสิคะ"             ก็ต้องขอสิ ขนาดพี่ไรเฟิลจะจูบเธอเมื่อคืนยังขออนุญาตเลย             "โอเคค่ะ งั้นพี่ไรเฟิลขออนุญาตกอดน้องแพรไหมนะคะ"             "อนุญาตค่ะ"             แพรไหมอมยิ้ม ผินใบหน้าสวยหวานเกลี้ยงเกลาไปหาเขา จากนั้นก็ประทับริมฝีปากลงกับก้อนโมจินุ่มนิ่มนั่นเพียงบางเบา             ไรเฟิลส่ายหน้า ความจริงเขาต้องรำคาญแพรไหมไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมายืนกลั้นยิ้มอยู่แบบนี้กันล่ะ หรือว่า...เขาจะชอบที่ถูกน้องแพรไหมหอมแก้ม              โอเคยอมรับก็ได้ ยอมรับว่าเขาชอบที่ถูกน้องแพรไหมหอมแก้ม แต่ยังไม่ยอมรับหรอกนะว่าชอบน้องแพรไหม               "กลับมาแล้วเหรอแม่ญิงใจแตก"             "อะไรยะ"             ทันทีที่กลับมาถึงบ้านในช่วงสาย ๆ เฟิร์นที่นั่งรอเพื่อนสาวอยู่ในห้องรับแขกก็เอ่ยทักทายในทันที             แพรไหมหายไปกับพี่ไรเฟิลทั้งคืน คงสมใจเพื่อนแล้วสิ ว่าแต่เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้างนะเพื่อนสาวตัวแสบถึงได้เดินหน้าบานมาขนาดนั้น             อย่างนี้มันต้องเสือก เอ๊ย! ต้องสืบ             "หายไปทั้งคืนเลยน้าแพรไหมน้า"             เฟิร์นเอ่ยล้อเพื่อนสาว และแพรไหมก็เกิดอาการหน้าแดงขึ้นมาทันที เอาล่ะแบบนี้ต้องมีอะไรเด็ด ๆ เกิดขึ้นแน่             "เป็นแม่ญิงแต่ไปนอนค้างอ้างแรมกับแม่ญิงสองต่อสอง มันบ่ดีนา"             "ที่นี่เค้าถือเหรอ"             แพรไหมเอ่ยถามอย่างร้อนรน เธอไม่ค่อยรู้จักวัฒนธรรมหรือประเพณีของคนที่นี่สักเท่าไหร่ และไม่รู้ด้วยว่าที่นี่เขาถือเรื่องการนอนค้างอ้างแรมกับคนที่ไม่สนิทหรือเปล่า             แต่จะว่าไปแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าเธอไม่สนิทกับพี่ไรเฟิลสักหน่อย จูบกันขนาดนั้น สนิทชิดเชื้อแล้วล่ะ             "ถือสิ"             เฟิร์นตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น             "เล่ามาเลยนะ เมื่อคืนแกนอนกับพี่ไรเฟิลหรือเปล่า"             ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าทั้งคู่คงนอนอยู่ในเต็นท์เดียวกัน แต่ด้วยความอยากรู้เฟิร์นจึงแกล้งให้แพรไหมชี้แจ้งแถลงไขออกมาเอง             แพรไหมน่ะ หลอกง่ายจะตาย             "นอนสิ"             "ตายจริง!"             เพื่อนสาวแกล้งเอามือทาบอก ทำให้แพรไหมยิ่งกังวลมากขึ้น             "แล้วพี่ไรเฟิลทำอะไรแกหรือเปล่าเนี่ย"             "ทำ"             เฟิร์นตาโต สองเท้าลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเข้ามาใกล้ สองมือจับไหล่แพรไหมเอาไว้แล้วเขย่าเบา ๆ              "พี่ไรเฟิลทำอะไรแกบ้าง"             "แก..."             แพรไหมช้อนสายตามองเพื่อนและทำสีหน้าเหมือนกับว่าพร้อมที่จะร้องไห้ได้ตลอดเวลา             "ชั้นเสียสาว"             "ห๊ะ!!"             "ห๊ะ!!"             คนที่เดินตามมาทีหลังอย่างไรเฟิลก็อุทานออกมาเสียงดังไม่แพ้น้องสาว เอาล่ะแพรไหม เรามีเรื่องต้องคุยกัน เสียสงเสียสาวอะไรกัน เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว             "มานี่เลยพี่ไรเฟิล"             น้องสาวหันไปมองพี่สาวพร้อมกับเชิญชวนให้มานั่งลงที่โต๊ะกินข้าวเสียงเข้ม ใครว่าไรเฟิลเป็นพี่กันล่ะ เขาแค่เกิดก่อนยัยเฟิร์นเท่านั้นเอง น้องสาวเขาดุยิ่งกว่าแม่เสียอีก ขัดไม่ได้หรอกนะ             "เมื่อคืนทำอะไรยัยแพรคะ"             "จูบ"             "จูบ!"             ไรเฟิลตอบตามความจริง และน้องสาวก็ทวนคำเสียงดัง กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ แต่เขาไม่ได้ทำให้แพรไหมเสียสาวอะไรนั่นสักหน่อย             "แล้วยังไงอีกคะ"             "จะซักไซ้ทำไมกันนะ"             "ก็ยัยแพรบอกว่าเสียสาวนี่คะ"             "เพื่อนเราเพี้ยนแล้วนะเฟิร์น พี่ไม่ได้ทำ...ขนาดนั้นสักหน่อย"             ประโยคหลังไรเฟิลตอบเสียงอ่อย             "ขนาดนั้นเหรอคะ ไม่ทำขนาดนั้นแล้วทำขนาดไหน"             "โอเค"             ไรเฟิลถอนหายใจ อยากรู้เขาก็จะบอก ไม่น่าเชื่อว่ากลับมาบ้านแล้วแพรไหมจะป่วนขนาดนี้ เหมือนเป็นคนละคนกับตอนที่อยู่กับเขาสองต่อสองเลย             "พี่กอด...แล้วก็จูบ"             "..."             "แค่นี้จริง ๆ "             "ไม่มีมากกว่านี้นะคะ"             "ไม่"             "..."             "อ้อ เพื่อนเราหอมแก้มพี่"             ไรเฟิลรีบฟ้องน้องสาวทันที             เฟิร์นหันมามองเพื่อนสาว และแพรไหมก็กำลังยิ้มแฉ่งอย่างน่าหมั่นไส้              "ยัยแพรอดใจไม่ไหวนี่คะ"             นี่น้องสาวเขากำลังเข้าข้างเพื่อนอยู่อย่างนั้นเหรอ แล้วเฟิร์นคิดว่ามีแค่แพรไหมคนเดียวเท่านั้นหรืออย่างไรที่อดใจไม่ไหว             "ใช่ค่ะ"             น้องสาวเขาเข้าข้างเพื่อนสาวหรือนี่ พี่สาวแท้ ๆ ยืนอยู่นี่ทั้งคนนะเฟิร์น             เฟิร์นส่งยิ้มให้เพื่อน เอาล่ะแพรไหม นี่คือแผนลวงให้พี่ไรเฟิลเปิดเผยความจริงแหละ เพื่อนสนิทนี่เป็นอะไรที่แปลกจริง ๆ แค่มองตาก็รู้ใจนั่นคือพื้นฐานของการเป็นเพื่อนสนิท             และในตอนนี้เธอก็มองตากับแพรไหม และรู้ใจว่าตอนนี้กำลังแกล้งให้พี่ไรเฟิลจนมุม ให้ยอมรับสักทีว่าตัวเองก็ชอบน้องแพรไหมเข้าแล้วเต็ม ๆ             "แล้วพี่ไรเฟิลล่ะคะ"             "อะไร!"             "จูบยัยแพรทำไม"             นั่นสิ เขาจูบแพรไหมทำไมกันนะ             "แล้วกอดทำไมคะ"             "ก็...ก็น้องแพรบ่นหนาว"             ไรเฟิลมีคำตอบให้กับน้องสาวในทันทีว่ากอดทำไม แต่เขาหาคำตอบให้ตัวเองยังไม่เจอว่าจูบน้องแพรไหมทำไมกัน หรือจะยอมรับไปเลยนะ ว่าอดใจไม่ไหว ก็แพรไหมสวยขนาดนั้น แต่แค่เห็นคนสวยก็อยากจูบแล้วงั้นหรือ เขาไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย แล้วมันเพราะอะไรถึงต้องจูบน้องแพรไหมล่ะ             "ไม่รู้แล้ว จูบก็คือจูบ จะหาเหตุผลทำไมกัน"             พี่สาวตัดบทแล้วรีบเดินหนีขึ้นห้องไป นั่นทำให้สองเพื่อนสาวชอบใจใหญ่จนต้องยกมือทั้งสองข้างมาตีมือกัน             "ฟันธง พี่ไรเฟิลชอบแก"             สองสาวส่งยิ้มให้กันอย่างผู้มีชัย เมื่อครู่น่ะพี่ไรเฟิลเสียอาการจนไม่เป็นตัวของตัวเอง แบบนี้น่ะแหละอาการของคนที่ชอบแล้วแต่ไม่ยอมรับ และแบบที่พี่ไรเฟิลทำเมื่อครู่นี้นี่แหละที่เรียกว่า รักนะแต่ไม่แสดงออก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD