“แล้วเขาอยากเป็นเมียเจ้านายรึเปล่าล่ะ” สมิงถามกวนกลับไป เท่าที่สังเกตอารมณ์ของคนพูดแล้วดูท่าจะไม่ดีเท่าไหร่ คงถูกสาวน้อยพูดแทงใจดำเข้าล่ะสิแบบนี้
“อยากไม่อยากก็ช่างเธอสิ เพราะยังไงปิ่นก็ต้องเป็นเมียฉันคนเดียว” ขุนพลเอ่ยอย่างไม่สนใจ ตั้งมั่นไว้แล้วว่าคนตัวเล็กยังไงก็ต้องเป็นแม่ของลูกตน ไม่รู้หรอกว่าทำไมต้องมั่นใจขนาดนี้ รู้แต่ว่าชีวิตต่อจากนี้ต้องมีสาวน้อยข้างกาย ใครจะขัดขวางให้มันรู้ไปว่าจะขัดขวางเขาได้ มาสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งเลย
“คนเขาไม่รักเราจะไปบังคับเขาไม่ได้นะเจ้านาย”
“ไอ้สมิงมึงอยากนอนหยอดน้ำข้าวต้มไหม เคล้ง! ” ว่าพร้อมกับจับแจกันที่อยู่ใกล้มือปาลงพื้นห้องด้วยความหงุดหงิด
‘เอาแล้วไงสมิงพูดแทงใจดำแล้วไหมล่ะ’
พึมพำในใจก่อนจะยิ้มแห้งๆ ให้นายหนุ่มแล้วตอบ “ไม่หรอกครับ แต่ผมพูดตามความจริง”
“จะไปไหนก็ไปเลยไป อย่าเสนอหน้ามาให้เห็นอีก แล้วบอกป้าเพ็ญด้วยว่าวันนี้ฉันไม่กินข้าวที่บ้าน จะไปกินข้าวกับเมย์”
“แล้วผมต้องไปด้วยไหมครับ”
“ไม่ต้องไป ฉันจะไปค้างกับเมย์” ว่าแล้วก็เดินไปยังหน้าต่างของห้องนอนตนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องของชลินดา
“ครับผม” รับคำแล้วก็เดินออกจากห้องไปโดยไว
อัคพลไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลูกสาวผู้น่ารักช่างพูดช่างเจรจาของตนดูเงียบผิดปกติพักนี้ แถมเมื่อเช้านี้ก็มาขอไปนอนบ้านของมิราตีเพื่อนรักอีกต่างหาก ไม่บอกอีกว่าจะไปค้างกี่วัน
“นวลคุณว่าลูกเราดูแปลกๆ ไปไหม? ”
“ฉันคิดว่าฉันคิดคนเดียวเสียอีกคุณอัค ก็อย่างที่นวลบอกไงคะว่าตามเนื้อตัวลูกเรามีรอยเหมือน....แต่ฉันก็ไม่อยากคิดแต่ดูลูกเราสิตอนนี้ดูซึมเศร้าแปลกๆ ไม่ค่อยพูดจาด้วย แถมขอไปค้างบ้านเพื่อน ทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดจะไปเลยนะคุณ” นวลจันทร์ร่ายยาวให้สามีฟัง ไม่ใช่แค่สามีที่ห่วงลูก เธอนั้นก็ห่วงเหมือนกัน ไม่อยากให้คนสดใสอย่างชลินดาเศร้าหมองแบบนี้เลย มันทำให้บ้านขาดสีสัน
“ผมก็คิดเหมือนคุณ ปกติลูกเราจะชอบไปดูร้านดอกไม้กับเรา สองสามวันมานี้แปลกๆ ไปชวนไปที่ร้านก็ไม่ยอมไป เอาแต่หลบอยู่ในห้อง
“มันไม่ได้แล้วนะคุณ ฉันเป็นห่วงลูก หรือว่าแกมีแฟนคะคุณ”
“แล้วใครเป็นแฟนกัน ผมก็ไม่เห็นใครมาจีบลูกเราเลยนะ อีกอย่างลูกเราก็ไม่เคยมีเรื่องปิดบังเราด้วย มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก” อัคพลไม่อยากคิดหรอกว่าลูกสาวคนดีตนจะมีแฟน
“คุณอัคฉันลืมเล่าให้ฟัง สองวันก่อนฉันกับน้อยเห็นปิ่นวิ่งร้องไห้ออกมาจากบ้านหลังใหญ่หลังข้างๆ เราด้วยแหละ” วันนั้นนางกลับมาจากตลาดกับสาวใช้เลยเผอิญเห็นลูกสาวตนวิ่งออกมาจากบ้านนั้นพอดี
“คุณขุนพลนั้นเหรอ คงไม่มีอะไรหรอก ผมเคยเจอเขาและคุยกับเขาสองสามครั้งก็ดูเป็นคนดีออก ถึงแม้จะย้ายมาอยู่ไม่นาน ผมดูคนไม่ผิดหรอกคุณ” อัคพลแก้ตัวให้เพื่อนบ้าน
“แล้วลูกเราไปที่นั้นทำไมคะ คุณไม่สงสัยเหรอ”
“นั้นสินะ แต่เราจะไปกล่าวหาเขาไม่ได้นะคุณ อีกอย่างคุณพลกับลูกเราไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ”
“เรื่องนี้ผมจัดการเอง คุณไปดูแลร้านเถอะวันนี้”
“ค่ะคุณ ฉันไปก่อนนะคะ” ว่าแล้วก็เดินจากไป
เมื่อลับร่างภรรยาอัคพลก็เดินไปดูสวนหน้าบ้านตนที่เต็มไปด้วยดอกไม้สวยๆ พร้อมกับคิดถึงเรื่องที่ภรรยาพูด
“ปิ่นไปทำอะไรบ้านคุณพลกัน แล้วทำไมต้องวิ่งร้องไห้ออกมา คงไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกนะ” อัคพลยังไม่อยากคิดว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับลูกสาวตน เพราะเพื่อนบ้านของเขาคนนี้เท่าที่ได้พูดคุยกันเขาถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยแหละ คงไม่ทำเรื่องนั้นหรอก
ณ โรงแรมชาติเจริญผู้บริหารสูงสุดไม่เป็นอันทำการทำงานเลย มันสองวันแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้าหวานๆ เปื้อนยิ้มของชลินดา เธอไปไหน แอบเข้าห้องเธอก็ไม่เจอ และเรื่องทั้งหมดก็มาลงที่สมิง
“แกไปสืบมาให้ได้ว่าปิ่นไปไหน แล้วไปอยู่ไหน ไปค้างที่ไหนกับใคร บ้านใคร”
“เขาหนีขนาดนี้ยังจะตามอีกเหรอครับ รู้ทั้งรู้ว่าผู้หญิงเขาไม่รักยังจะตามอีก ทำไมไม่เลือกคนที่รักและวิ่งตามเราอย่างเมย์ครับ” สมิงตอบด้วยความหมั่นไส้ผู้เป็นทั้งนายและเพื่อน
‘สมน้ำหน้าไอ้เพื่อนเก้อ อยากบังคับเขาดีนัก หึหึ’
“กูไม่เอาใครทั้งนั้นแหละ ปิ่นคนเดียวเท่านั้นที่กูต้องการ ส่วนเมย์ก็เป็นแค่ของแก้เหงาเท่านั้นแหละ” บอกว่าเป็นแค่ของแก้เหงาก็ยังไปหาแม่นางแบบสาวทุกคืน ปากพูดแต่ตัวน่ะไปค้างกับหล่อนทุกคืนที่ไม่ได้สัมผัสชลินดา
“ครับผม ผมจะจัดการให้ เดี๋ยวตอนเย็นรู้เรื่อง” ว่าแล้วก็รีบไปทำงานตัวเองทันที ถ้าช้านะมีหวังมีมวยแน่ๆ
“เธอไปไหนกัน เธอเกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอปิ่น ยิ่งเกลียดฉันมากเท่าไหร่ฉันก็จะยิ่งยัดเยียดความเป็นผัวให้เธอมากเท่านั้น ไม่อุ้มท้องลูกฉันอย่ามาเรียกฉันว่าขุนพล” เอ่ยด้วยความหมายมาด
หลังจากเรียนพิเศษเสร็จชลินดากับมิราตีก็มานั่งกินนมปั่นอยู่ปากซอยทางเข้าไปบ้านของมิราตี สองสาวหยอกเย้ากันอย่างสนุกสนาม โดยไม่รู้ว่ากำลังถูกใครบางคนจับตามองตลอดเวลา