วันต่อมา
ห้องปุยฝ้าย
“นั่งซึมมองจานข้าวแบบนี้อีกไม่นานกูกับมึงได้ไว้อาลัยมันแน่อะตอม”
ปุยฝ้ายที่ยืนกอดอกมองสภาพของน้ำหวานแล้วพูดขึ้นมากับอะตอมเพราะน้ำหวานนั่งซึมน้ำตาไหลข้าวปลาไม่ยอมกินมาจะครึ่งวันแล้ว
“อีหวาน ตัดอกตัดใจซะเถอะ”
แล้วอะตอมก็พูดประโยคนี้ขึ้นมาพร้อมกับมองสภาพของน้ำหวานตอนนี้อย่างสงสารจับใจ
“สามปีไม่มีค่าเลยใช่ไหมวะพวกมึง”
และนี่ก็เป็นประโยคแรกของวันนี้ที่น้ำหวานพูดออกมากับเพื่อนของเธอเพราะตั้งแต่ตื่นมาน้ำหวานก็เอาแต่นั่งน้ำตาไหลไม่พูดไม่จากับใคร
“ในเมื่อคนที่ร่วมสร้างวันเวลาดีๆสามปีของมึงมันไม่เห็นค่ามึงก็ควรทิ้งอดีตทิ้งความทรงจำนี้ไปซะแล้วเริ่มต้นใหม่กูรู้ว่ามันยากแต่มึงต้องเดินหน้าต่อไปนะหวาน”
ปุยฝ้ายนั่งลงข้างๆน้ำหวานแล้วกอดน้ำหวานไว้ก่อนที่จะพูดประโยคนี้ออกมาเพื่อปลอบใจและให้กำลังใจเพื่อนสาวคนนี้ของเธอ
“ลุกขึ้นมาแบบสวยๆ เริ่ดๆ ค่ะชะนียิ่งมึงทำตัวซังกะตายแบบนี้ไอ้เตอร์กับอีนังนั้นจะหัวเราะเยาะมึงเอา”
อะตอมพูดเสริมขึ้นมาอีกคนเพราะพวกเธออยากให้น้ำหวานกลับมาเป็นคนเดิมที่สวยๆเริ่ดๆอีกครั้ง
“แค่กูยังไม่พร้อมจะให้ในสิ่งที่มันต้องการมันต้องทำกับกูขนาดนี้เลยเหรอ”
“ชะนี!! ผู้ชายกับเรื่องอย่างว่ามันของคู่กันมีแฟนแล้วแฟนไม่ให้มันซัมมันก็ไปหาซัมกับคนอื่นเป็นธรรมดา”
“งั้นก็คงเป็นความผิดของกูสินะที่ไม่ยอมมัน”
น้ำหวานที่ได้ยินอะตอมพูดแบบนั้นออกมาก็โทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ความรักครั้งนี้ของเธอพังลง
“เฮ้อ! จะว่าผิดมันก็ผิดด้วยกันทั้งคู่นั้นแหละ มึงก็เกินไปคบกันมาสามปีไม่ให้มันเข้าไปสำรวจถ้ำไอ้เตอร์ก็ผิดที่ไม่หนักแน่นพอ แต่ ณ ตอนนี้คือมึงกับมันจบแล้วหวานมันมีใหม่ไปแล้วมันเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่คนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาอย่างมึง”
“ชะนีมึงพูดแรงไปนะกูว่า”
อะตอมพูดกับปุยฝ้ายขึ้นมาเพราะคำพูดที่ปุยฝ้ายพูดกับน้ำหวานมันดูแรงๆอะตอมกลัวว่าน้ำหวานได้ฟังจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่
“ไม่แรงหรอกมึงกูต้องพูดแบบนี้อีหวานมันจะได้รักตัวเองมากขึ้น มึงก็ลุกขึ้นมาได้แล้วหวานชีวิตมึงมีอะไรให้ทำอีกเยอะไม่มีมันแค่คนเดียวแต่มึงยังมีกู มีอะตอม แล้วก็เพลงขวัญที่จะอยู่ข้างๆมึงแบบนี้พวกกูรักมึงนะ”
น้ำหวานนั่งฟังเพื่อนทั้งสองของเธอให้กำลังใจแล้วก็นิ่งไปเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่จนอะตอมกับปุยฝ้ายหันไปมองหน้ากันอย่างเป็นกังวล
พรึบ!!
“ว้ายตาเถร!!”
“อีหวาน!! มึงเป็นอะไรเนี่ยอยู่ๆลุกพรวดพลาดขึ้นมาพวกกูตกใจหมด”
อะตอมกับปุยฝ้ายพูดขึ้นมาอย่างตกใจที่อยู่ๆน้ำหวานที่นั่งนิ่งๆอยู่ลุกพรวดพลาดขึ้นมา
“ก็พวกมึงบอกกูเองไม่ใช่เหรอว่ากูควรจะลุกขึ้นแล้วเดินหน้าต่อ หมดเวลาโศกเศร้าของกูแล้ว”
“โอ้ยเริ่ด!! มันต้องแบบนี้ค่ะชะนี”
อะตอมปรบมือพร้อมกับพูดประโยคนี้ออกมา
“บทจะง่ายก็ง่ายนะมึง แต่ก็ดีแล้วอย่าเศร้านานพวกกูจะเป็นประสาทตาย”
ตริ้ง ตริ้ง
“ใครมาวะ!!”
แล้วในตอนที่ทั้งสามคนกำลังคุยกันอยู่นั้นเสียงกดกริ้งหน้าห้องปุยฝ้ายก็ดังขึ้น
“ห้องมึง! มึงก็ไปเปิดสิคะชะนีแอบนัดผู้ชายไว้รึเปล่า”
“ถ้าเป็นผู้ชายจริงๆพวกมึงต้องรีบไสหัวไป”
ปุยฝ้ายพูดจบก็ลุกขึ้นไปเปิดประตูห้อง
แกร็ก!!
“ฝ้าย!! น้ำหวานล่ะมันเป็นไงบ้าง”
ทันทีที่ประตูเปิดเพลงขวัญก็รีบเดินเข้ามาแล้วถามหาน้ำหวานเพื่อนรักของเธอทันที
“โอ้ย!! คุณนายขากว่าจะมาตลาดเขาวายแล้วค่ะ”
“อย่ากัดกูอะตอม หวานมึงโอเคไหม”
เพลงขวัญพูดกับอะตอมก่อนที่จะเดินไปนั่งลงข้างๆน้ำหวานแล้วถามน้ำหวานอย่างเป็นห่วง
“มึงรู้ได้ไงเนี่ย”
“ฝ้ายโทรบอกกูตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เช้านี้กูก็เลยรีบมาหามึงทำไมไอ้เตอร์มันถึงได้เลวแบบนี้กูให้ลูกน้องพี่ฟาร์ไปจัดการมันให้ไหมคิดแล้วแค้น”
มาถึงเพลงขวัญก็ใส่ไม่ยั้งเลยเพราะเธอเจ็บใจแค้นใจแทนเพื่อนรักอย่างน้ำหวานที่ถูกผู้ชายที่คบกันมานานทำแบบนี้
“กูไม่เป็นไรกูโอเค มึงอย่าหัวร้อนเพลงเดี๋ยวหลานกูตกใจ”
น้ำหวานพูดแล้วเอามือลูบท้องของเพลงขวัญที่ตอนนี้กำลังท้องอ่อนๆอยู่
“แต่กว่ามันจะโอเคกูกับอีฝ้ายแทบตายเมื่อคืนเมาเหมือนหมา”
อะตอมพูดขึ้นมาบ้างหลังจากที่ได้ยินน้ำหวานพูดว่าตัวเองโอเคแล้วเพราะเมื่อคืนอะตอมกับปุยฝ้ายแทบจะได้พาคลานกลับห้อง
“พูดถึงเมื่อคืนมึงก่อวีรกรรมไว้ที่สนามนะอีหวาน”
“กูเนี่ยะนะ กูทำอะไร!”
น้ำหวานหันไปถามปุยฝ้ายทันทีหลังจากที่ได้ยินปุยฝ้ายพูดแบบนี้ออกมาเพราะเธอจำไม่ได้เลยว่าเมื่อคืนตัวเธอเองสิ้นสติตอนไหนแล้วทำอะไรพูดอะไรไว้บ้าง
"มึงชี้หน้าด่าคุณพีท"
"ห่ะ!!"
พอได้ยินปุยฝ้ายพูดแบบนี้น้ำหวานกับเพลงขวัญถึงกับอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ
"กูกับอีอะตอมพยายามบอกมึงแล้วแต่มึงแม่งไม่ลืมหูลืมตาดูเลย"
"ให้ตายเถอะกูจะโดนไล่ออกไหม"
น้ำหวานพูดขึ้นมาอย่างเป็นกังวลเพราะคนที่เธอชี้หน้าด่าคือเจ้านายอีกคนของเธอถึงคุณพีทคนนี้จะไม่ค่อยอยู่ที่สนามแต่เธอก็พอจะรู้มาบ้างว่าเขาคือมือซ้ายของฟาโรห์เจ้านายเธอ
"มึงโดนไล่ออกจากการเป็นพนักงานเสิร์ฟแน่ๆหวาน"
แล้วเพลงขวัญที่นั่งฟังอยู่นานก็พูดประโยคนี้ออกมายิ่งทำให้ทั้งสามสาวตกใจไปกันใหญ่
"จริงเหรอมึง"
"อือ! ที่กูมาหามึงวันนี้ก็มีเรื่องงานมาคุยกับมึงด้วยนี่แหละ กูจะมาบอกมึงว่าตั้งแต่วันนี้ไปมึงไม่ต้องไปเป็นพนักงานเสิร์ฟของที่สนามแล้ว"