สนามแข่ง
“สุดท้ายเธอก็มาทิ้งฉานไปมันเหมือนไม่มีความหมาย กับเธออีกต่อปาย เธอทำให้ฉานตายใจ เธอทำให้ฉานไว้ใจกับเธอ แค่หนาย”
เสียงร้องเพลงที่ร้องเหมือนลิ้นพันกันของหญิงสาวหน้าตาสวยคนหนึ่งดังไปทั่วทั้งห้องพักพนักงานของสนามแข่งเสียงนี้คือเสียงของน้ำหวานพนักงานเสิร์ฟของบาร์ในสนามแห่งนี้เธอเป็นเพื่อนสนิทของเพลงขวัญคนรักของฟาร์โรห์เจ้าของสนามนี้นั้นเอง
“อีหวาน! หยุดแหกปาก กูกับอีอะตอมหูจะแตกแล้วเนี่ย”
ปุยฝ้ายพนักงานสาวอีกคนที่เป็นเพื่อนกับน้ำหวานพูดขึ้นมาพร้อมกับเอามือปิดหูตัวเองไว้แล้วมองไปยังน้ำหวานเพื่อนของเธอด้วยสายตาที่หลากหลายความรู้สึกไม่รู้จะสงสาร สมเพช หรือ เอือมระอากับน้ำหวานที่กำลังเสียใจแล้วดื่มเหล้าจนเมาไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้ดี
“กูจะร้อง!! กูเสียใจ กูร้องเพลงเศร้าแค่นี้มึงทนฟังไม่ได้เหรอ ฮือๆๆ เห็นไหมมึงก็ไม่รักกูอีกคนแล้ว”
น้ำหวานจากที่ร้องเพลงอกหักอยู่พอได้ยินปุยฝ้ายพูดแบบนี้เธอก็หันมาพูดตัดพ้อใส่ปุยฝ้ายอย่างน้อยใจจนปุยฝ้ายที่ได้ยินถึงกับเอามือขึ้นมายีผมตัวเองอย่างหงุดหงิดกับสภาพน้ำหวานตอนนี้
“เอาไงกับมันดีมึง”
ปุยฝ้ายหันไปพูดกับเพื่อนสาวประเภทสองอีกคนที่เป็นพนักงานด้วยกันอย่างคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงกับน้ำหวานที่เมาไม่รู้เรื่องอยู่ตรงนี้
“ลากมันกลับเหอะชะนีสนามจะปิดแล้ว ไป!อีหวานลุกกลับห้อง”
อะตอมเพื่อนสาวสองพูดจบก็ลุกไปดึงแขนน้ำหวานให้ลุกขึ้นแต่น้ำหวานก็สะบัดมือออก
“กูไม่กลับ!! กูรอเตอร์อยู่เดี๋ยวเตอร์มารับกู”
“เฮ้อ!”
หลังจากที่ได้ยินน้ำหวานพูดประโยคนี้ออกมาปุยฝ้ายกับอะตอมถึงกับหันไปมองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกมา ทั้งคู่รู้สึกทั้งสงสารทั้งเห็นใจเพื่อนสาวของพวกเธอ
“อีหวาน! มึงฟังกูนะ”
ปุยฝ้ายนั่งลงตรงหน้าน้ำหวานก่อนที่จะจับไหล่น้ำหวานทั้งสองข้างแล้วพูดปะโยคนี้ออกมา
“ไอ้เตอร์มันทิ้งมึงไปแล้ว มันเลิกกับมึงแล้ว”
“ชะนีเบาๆพูดแบบนี้ก็ตอกย้ำให้มันซ้ำใจอีกอ่ะ”
อะตอมรีบสะกิดปุยฝ้ายเพราะไม่อยากให้พูดอะไรที่ตอกย้ำน้ำหวานที่พึ่งถูกแฟนทิ้ง
“มันคือความจริงอะตอม! ความจริงที่อีหวานมันต้องรับให้ได้ว่าแฟนที่มันคบมาสามปีทิ้งมันไปแล้ว”
“ฮึก..ฮึก..ฮึก..ฮืออออ”
แล้วน้ำหวานที่นั่งนิ่งๆฟังปุยฝ้ายก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างน่าสงสาร
“โอ้ย!! หนักกว่าเดิมอีกชะนีเอาไงละทีนี้”
“ลาก! ถ้าลากแล้วไม่ไปก็ต้องอุ้ม”
“ห่ะ!!”
อะตอมอุทานออกมาอย่างตกใจที่ได้ยินปุยฝ้ายพูดแบบนี้เพราะปุยฝ้ายพูดแล้วส่งสายตาเป็นเชิงบอกอะตอมว่าคนที่ต้องอุ้มน้ำหวานคืออะตอม
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนี้ในฐานะที่มึงเป็นผู้ชายมึงอุ้มมันค่ะ”
“แต่กูเป็นกระเทยนะ”
“หรือมึงจะปล่อยให้มันเมารั่วอยู่ตรงนี้แล้วพวกเราโดนคุณลีไล่ออกกันหมด”
อะตอมทำท่าทางสะดีดสะดิ้งใส่ปุยฝ้ายจนปุยฝ้ายต้องพูดแบบนี้ออกมา
“กูเลือกอะไรไม่ได้แล้วสินะ”
“มึงไม่มีตัวเลือกค่ะกระเทย”
ปุยฝ้ายตอบกลับอะตอมพร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้อะตอมจัดการอุ้มน้ำหวานกลับบ้าน
“เปลี่ยนจากอุ้มให้มันขี่หลังกูได้ไหมกูไม่ชอบให้ชะนีมาถูไถหน้าอกกูอ่ะ”
“เอาที่มึงสะดวกเลยจ้า"
หลังจากที่ทั้งสองคนตกลงกันได้ก็พากันเข้ามาพยุงน้ำหวานให้ขึ้นขี่หลังอะตอมที่นั่งยองๆรออยู่
"อื้อ...กูไม่กลับกูจารอเตอร์"
"แต่มึงต้องกลับมันดึกแล้วถ้าอยากกินต่อไปกินที่ห้อง"
"มึงจะกินเป็นเพื่อนกูใช่ไหมฝ้าย"
พอได้ยินปุยฝ้าพูดแบบนั้นน้ำหวานก็พูดขึ้นมาอย่างมีความหวังเพราะวันนี้เธออยากดื่มให้เมากับความรักสามปีของเธอที่พังลง
"เออ!! แต่ตอนนี้มึงขึ้นไปขี่หลังอีอะตอมก่อนพวกกูจะได้พากลับดูท่าแล้วมึงเดินเองไม่ไหวแน่"
"กระเทย! มึงจะแบกกูจริง ๆ เหรอ"
"รีบขึ้นมาเถอะยะชะนีก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ"
พูดจบน้ำหวานก็ค่อยๆปีนขึ้นไปขี่หลังอะตอมอย่างทุลักทุเล
"โอ้โหชะนีตัวแค่นี้หนักจังวะ"
"นมมันใหญ่ไงมึงหนักนมมึงก็ทนๆหน่อยไปๆเดินไปเดี๋ยวกูจะปิดประตู"
ปุยฝ้ายพูดแล้วช่วยดันหลังให้อะตอมที่แบกน้ำหวานอยู่เดินออกไป
"ว้ายตายแล้ว!!"
"เป็นอะไรทำไมต้องแบกกันแบบนี้เมาเหรอ"
"ชะ..ใช่ค่ะ"
"หยุดทำไมกระเทยหนายบอกจะพากูกลับบ้านไงแล้วนี่ใครมาขวางทางหลบดิ"
"อีหวาน..เงียบ!!"
อะตอมถึงกับต้องพูดสั่งให้น้ำหวานหยุดพูดทันทีที่น้ำหวานพูดแบบนี้กับคนที่กำลังยืนขวางข้างหน้าอยู่
"มึงด่ากูทำไมกระเทย โน้น!! คนที่อยู่หัวโด่ขวางทางอยู่น่ะมึงทำไมไม่ด่า"
"อีหวานหยุด! นี่คุณพีท"
"พีทเหรอ! พีทไหน พีทแล้วไงไม่ใช่พ่อกูสักหน่อย"
"อีหวาน!!"