6
ลักษณาวดีกลับมายังบ้านของตนเองในเวลาเกือบสองทุ่ม มาถึงเธอก็รีบสาวเท้าไปยังห้องนอนของสินีนารถ พอเข้ามาในห้องของพี่สาวเธอก็พบว่า เจ้าของห้องนอนหลับอยู่บนเตียง สาวเอาแต่ใจรีบตรงไปปลุกร่างของสินีนารถอย่างไม่เกรงใจ
“พี่เอมตื่น ตื่นเดี๋ยวนี้ ดรีมมีเรื่องจะพูดด้วย ตื่นสิพี่เอม”
ลักษณาวดีเขย่าร่างพี่สาวไม่หยุด ปากร้องเรียกคนที่กำลังนอนหลับพักผ่อนไปด้วย สินีนารถรู้สึกตัวแต่เธอลุกขึ้นไม่ไหว ร่างกายมันหนักอึ้งไปหมด จะมีเพียงเปลือกตาเท่านั้นที่ขยับเปิด
“ดรีม มีอะไรพี่ไม่สบายอยู่นะ” เสียงอิดโรยของคนไม่สบายเอ่ยถาม
“ดรีมจะบอกพี่เอมว่า ดรีมไม่เอาเงินสองหมื่นแล้วนะ” คำพูดของน้องสาวทำให้พี่สาวดีใจ แต่ทว่าก็แค่ดีใจได้เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น “แต่ดรีมจะเอาสี่หมื่น ภายในวันพรุ่งนี้พี่เอมต้องเอาเงินมาให้ดรีมให้ได้ วันจันทร์ดรีมจะต้องเอาเงินไปจ่ายค่าบัตรคอนเสิร์ตแล้ว”
“พี่ไม่สบาย พี่คงหาเงินให้ไม่ทัน”
สินีนารถตกใจเป็นที่สุดกับจำนวนเงินที่ลักษณาวดีต้องการ เวลานี้ร่างกายของเธออ่อนแรงเกินกว่าที่จะหาเงินก้อนนั้นมาให้น้องสาวได้ ลำพังแค่เงินสองหมื่นยังไกลแสนไกล ไม่ต้องพูดถึงเลยว่า เงินจำนวนเงินสี่หมื่นจะลิบเลือนแค่ไหน หากเป็นแต่ก่อน ในครั้งที่สภาพร่างกายของสินีนารถยังแข็งแรง ไร้โรคภัย เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เงินจำนวนนั้นก็จะมากองอยู่ตรงหน้าน้องสาวตัวดี
“หาเงินไม่ทัน” ลักษณาวดีพูดเสียงดัง “พี่จะมาพูดง่ายๆ ว่าหาเงินไม่ทันอย่างนี้ไม่ได้นะ แล้วดรีมจะเอาเงินที่ไหนไปให้ดาล่ะ ไม่รู้แหละถึงยังไงพี่เอมก็ต้องหาเงินมาให้ดรีมให้ได้ ภายในวันพรุ่งนี้ เพราะดรีมจะเอาไปจ่ายค่าบัตรคอนเสิร์ต”
คำสั่งของน้องสาว เสมือนคมมีดกรีดใจผู้เป็นพี่ ทำไมหนอ ทำไม ทำไมลักษณาวดีถึงไม่ถามไถ่เรื่องอาการป่วยของเธอบ้าน เจอหน้าก็เอาแต่ขอเงิน ขอซื้อนั่นซื้อนี้ไม่หยุด แทนที่จะเห็นใจคนไม่สบาย กลับบังคับให้ไปทำงานหาเงินมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ความเสียใจที่ได้รับในครั้งนี้ ส่งผลให้น้ำตาของสินีนารถหยดไหลเป็นทาง
“ครั้งนี้พี่หาเงินให้ดรีมไม่ได้จริงๆ เมื่อวานพี่ไปทำงานเจ๊เบียบยังไล่พี่กลับบ้านเลย”
สินีนารถพูดตามความจริง ไปผับวิคตรองค์ก็คงถูกไล่กลับมาบ้านแน่ๆ แล้วอย่างนี้จะหาเงินมาให้ลักษณาวดีได้อย่างไร
“ไม่รู้แหละ ถึงยังไงพี่เอมก็ต้องหาเงินมาให้ดรีมให้ได้ แล้วที่บอกว่าเจ๊เบียบไม่ให้ทำงานที่ผับ พี่เอมก็ไปขายตัวที่อื่นสิไม่เห็นจะยากเลย หรือไม่ก็ไปยืนขายตัวตามสวนสาธารณะก็ได้ ถ้าพี่เอมหาเงินมาให้ดรีมไม่ได้ ดรีมจะไม่เรียนต่อ ไม่เอาใบปริญญามาให้แม่ ให้แม่ช้ำใจตายไปเลย”
พูดจบคนเอาแต่ใจ และเห็นศิลปินในดวงใจดีกว่าครอบครัวของตนก็เดินออกไปจากห้องของพี่สาวทันที ไม่สนใจว่าสินีนารถจะรู้สึกอย่างไร เสียใจ น้อยใจกับการกระทำของเธอมากแค่ไหน เพราะเวลานี้สิ่งที่ลักษณาวดีสนใจคือ จุนแจวอน นักร้องชื่อดังที่จะมาแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทย
สินีรนารถร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดกลั้น คำขู่ของลักษณาวดีบาดหัวใจของเธอเหลือเกิน น้องสาวคนนี้ไม่คำนึงถึงสิ่งใด และความรู้สึกของใคร นอกจากความรู้สึก ความต้องการของตนเอง
นักร้องคนนั้นมีความสำคัญมากกับลักษณาวดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ มากกว่าคนในครอบครัว หรือจะพูดได้ว่า มากกว่าทุกอย่างในชีวิต
ครั้นจะไม่ทำตามที่อีกฝ่ายบอกก็ไม่ได้ เพราะคำขู่บังคับมันค้ำคอ ค้ำความรู้สึกของสินีนารถทุกเมื่อเชื่อวัน เธอทำให้มารดาผิดหวังมาคนหนึ่งแล้ว คงจะไม่ให้มารดาต้องผิดหวังในตัวของลักษณาวดีอีกแน่นอน เนื่องจากกมลทิพย์หวังไว้สูงกับลูกสาวคนเล็ก
ร่างกายอ่อนแอค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้นยืน ก้าวเท้านำพาร่างกายที่ร้อนวูบวาบด้วยพิษไข้ไปยังตู้เสื้อผ้า ก่อนจะหยิบชุดเดรสแบบเกาะออกออกมาจากตู้ แล้วเดินต่อไปยังห้องน้ำเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ก้าวออกจากห้องไปทำงานในสถานที่แห่งใหม่ ที่ที่เธอไม่เคยไป
ศิรินทิพย์ยืนชะเง้อคอมองพี่สาวอยู่หน้าประตูบ้าน รอคอยการกลับมาของสินีนารถอย่างใจจดใจจ่อและเป็นห่วง เธอกลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบสามทุ่มครึ่ง หิ้วถุงโจ๊กร้อนๆ มาฝากคนในครอบครัว หลังจากจัดแจงใส่โจ๊กลงไปในชามแล้วนำไปให้มารดาและน้องสาว ศิรินทิพย์ก็ตั้งใจจะกลับเข้าไปในครัวเพื่อนำโจ๊กไปให้สินีนารถที่ป่วย แต่ทว่าคำพูดของลักษณาวดี ทำให้เธอถึงกับชะงัก ทั้งอึ้งและตกใจ
“พี่เตยไม่ต้องเอาโจ๊กไปให้พี่เอมหรอก พี่เอมไม่อยู่”
“ทำไมถึงไม่อยู่ ก็พี่เอมไม่สบายนอนอยู่บนห้อง”
“ก็ตอนนี้พี่เอมออกไปทำงานหาเงินมาให้ดรีมไง” คำตอบของน้องสาวเรียกความตกใจขึ้นเป็นริ้วๆ
“ดรีมก็รู้ว่าพี่เอมไม่สบาย แล้วจะให้พี่เอมไปทำงานได้ยังไง”
“ดรีมไม่สนใจหรอก ดรีมสนใจแต่ว่าดรีมจะเอาเงินไปซื้อตั๋วคอนเสิร์ตและซื้อของขวัญให้พี่แจวอนเท่านั้น”
ลักษณาวดีตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้านในสิ่งที่ตนทำลงไป ศิรินทิพย์รู้สึกสงสารพี่สาวยิ่งนักที่ต้องเจอกับเรื่องเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า และดูเหมือนมันจะไม่จบสิ้นตราบใดที่จุนแจวอน ยังเป็นศิลปินที่ลักษณาวดีคลั่งไคล้ สินีนารถก็จะต้องแบกรับทุกอย่างไว้ไปตลอด
“ดรีม” ศิรินทิพย์ครางชื่อเล่นน้องสาว “ดรีมชอบแจวอนขนาดไม่เห็นใจพี่เอมเชียวหรือ พี่เอมเป็นพี่สาวของดรีมนะ ไม่ใช่คนอื่น ทำไมทำกับพี่เอมอย่างนี้ล่ะ”
เธอถามด้วยความไม่เข้าใจ ศิรินทิพย์ก็มีดารา นักร้องที่ชื่นชอบหลายคน ทว่าเธอก็ไม่ได้คลั่งเสียจนลืมพี่ลืมครอบครัว กระทำทุกอย่างโดยไม่นึกถึงใจใครเช่นนี้
“ก็เพราะพี่เอมเป็นพี่สาวไง ถึงต้องทำทุกอย่างเพื่อดรีม” ลักษณาวดีเถียงกลับคอเป็นเอ็น “พี่เตยไม่ต้องยุ่งดีกว่า ไม่ใช่เรื่องของตัวเองซะหน่อย วุ่นวายอยู่ได้”
สาวเอาแต่ใจสะบัดหน้าเดินไปทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้คนฟังยืนอึ้งกับคำพูดของน้องสาวที่ไม่รู้จักคิดอ่าน ทั้งทีอายุก็ย่างเข้ายี่สิบเอ็ดปีแล้ว มีภาวะทางความคิด แต่ไม่เคยใช้ให้เป็นประโยชน์
“เตยลูก” เสียงเรียกชื่อทำให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านเหลียวมามองเจ้าของเสียง
“คะแม่”
“เข้าบ้านเถอะลูก เที่ยงคืนกว่าแล้วเดี๋ยวพี่เอมก็กลับมาเองแหละ”
กมลทิพย์ที่กำลังจะขึ้นนอน หลังจากที่เย็บเสื้อผ้าโหลเสร็จ นางจึงเดินมาเรียกลูกสาวคนที่สองที่ยังคงยืนรอสินีนารถไม่ยอมไปไหน จนกว่าจะเห็นคนที่รอคอย
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องมีแต่ แม่บอกให้เข้าบ้านก็เข้าบ้านสิ เตยก็รู้ว่ากว่าที่เอมจะกลับก็สว่าง จะยืนอยู่ตรงนั้นถึงเช้าเลยหรือไง” คำสั่งที่มาพร้อมกับน้ำเสียงดุๆ ดังผ่านปากของมารดา
“ค่ะแม่” และนั่นทำให้ศิรินทิพย์จำต้องเดินกลับเข้าไปในบ้านแต่โดยดี เนื่องจากน้ำเสียงของกมลทิพย์นั้น บอกถึงความไม่พอใจเต็มที่
ระหว่างที่เธอเดินกลับเข้าไปในบ้าน ศิรินทิพย์ที่เป็นห่วงพี่สาวสุดใจ เหลียวหลังมองไปยังรั้วบ้าน หวังเหลือเกินว่าจะพบร่างของพี่สาวเดินมายังประตูบานนั้น