7

1221 Words
7 เวลาใกล้เคียงกัน ณ บ้านสีชมพู กลิ่นสุราและควันบุหรี่ที่โชยคลุ้งไปทั่วบ้านสีชมพู บ้านไม้สองชั้นในพื้นที่เจ็ดสิบตารางวา ด้านล่างเป็นห้องโล่งๆ ที่ถึงกันหมด มีโต๊ะอาหารพร้อมเก้าอี้ราวห้าโต๊ะ แต่ละโต๊ะมีนักท่องเที่ยวยามราตรีกำลังนั่งดื่มสุรา คลอเคลียด้วยสตรีสามสวยที่อายุอานามเกินยี่สิบเจ็ดปีทั้งสิ้น จูบกันบ้าง โอบกอดกันบ้าง หอมแก้มกันบ้าง ลูบไล้ถึงเนื้อถึงตัวโดยไม่อายใครบ้าง สนนราคาค่าตัวก็ตามสภาพ จะมีใครอายกันได้อย่างไร เพราะสถานที่แห่งนี้คือ ซ่อง สถานขายบริการของสตรีวัยหมดอายุจากผับ บาร์และที่อื่นๆ หากใครไม่มีงานการทำอย่างอื่น ก็จะมาบ้านสีชมพู มาพึ่งมาม่าซังนามว่า เจ๊หวี อดีตสาวค้าบริการที่ผันตัวเองมาเป็นคนจัดหา ส่วนชั้นบนจะมีห้องเล็กๆ ที่มีความกว้าง สามเมตรครึ่ง ความยาวสี่เมตรราวสิบสองห้อง มีไว้สำหรับให้แขกวัยกำหนัดและวัยใกล้ฝั่งหาความสุขกับสาวๆ ทั้งหลายในสังกัด “นี่นังศร เพื่อนของแกจะไหวไหมเนี่ย” เจ๊หวีเอ่ยถามลูกศร บุคคลที่พาสินีนารถเข้ามาขายบริการที่นี่ หลังจากได้รับโทรศัพท์จากอีกฝ่ายว่า ต้องการเงินใช้แต่ติดที่ว่าไม่สบาย ระเบียบเลยให้หยุดงาน ลูกศรที่รู้เรื่องและเห็นใจสินีนารถมาตั้งแต่ครั้งที่เธอทำงานอยู่ในผับวิคตรองค์ แล้วเพิ่งออกมาหลังจากที่ระเบียบปลดประจำการ เนื่องจากอายุเกินยี่สิบเจ็ดปี “เอาน่าแม่ เอมมันทำไว้ แม่ลองคิดดูสิเอมมันมาถึงนี่ตอนเกือบสี่ทุ่ม รับแขกไปแล้วสองคนยังไหวเลย ช่วยๆ เอมหน่อยแล้วกันแม่ สงสารมัน” “เออ...ก็เพราะสงสารนี่แหละถึงได้พูด หน้ามันซีดอย่างกับไก่ต้มแล้วต้มอีกอย่างนี้จะรับแขกไหวเหรอ ฉันกลัวมันจะน็อกคาเตียงก็เลยพูด” เจ๊หวีเห็นใจเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันเสมอ เพราะไม่มีใครอยากจะทำอาชีพนี้ หากไม่จำเป็น นางเองก็ไม่อยากทำแต่เป็นเพราะความจำเป็นบางประการมันบีบบังคับ อาชีพนี้แม้ว่าใครจะมองว่าต่ำ ไม่มีค่า น่าขยะแขยง ทว่านางกลับคิดว่า มันเป็นอาชีพที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ได้ไปฆ่าแกงใคร ขายร่างกายแลกกับเงิน รู้ทั้งรู้ว่าอาชีพนี้สังคมจะไม่ยอมรับ มีแต่คนรังเกียจ จะมีใครรู้บ้างหรือไม่ว่า พวกเธอนั้นล้วนมีเหตุผลของการกระทำทั้งสิ้น เหตุผลที่บางคนก็ไม่เข้าใจ “โห...เจ๊ก็พูดเกินไป ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง” ลูกศรคิดในทางที่ดี แต่ก็อดหวั่นๆ ไม่ได้ “มันไม่ถึงขนาดนั้นก็ดีไป แต่ถ้าถึงขนาดนั้นขึ้นมา ฉันไม่รับผิดชอบนะโว้ย” “เอาน่าเจ๊ ฉันรับรองว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ โน่นไปรับรองลูกค้าไป เดินเข้ามาโน่นแล้ว” ลูกศรดันหลังของเจ๊หวีไปยังหน้าประตูบ้าน เมื่อเห็นชายกลุ่มหนึ่งเข้ามา เจ๊หวีถอนหายใจก่อนจะเดินไปรับรองลูกค้าเจ้าประจำ “เอม มีแขกเหมาออกไปข้างนอกจะรับหรือเปล่า” เจ๊หวีเดินมาหาสินีนารถที่นั่งหน้าซีดอยู่บนโซฟา “รับค่ะเจ๊” สินีนารถตอบกลับไปแบบไม่คิด “เท่าไหร่คะ” แล้วถามถึงราคา “คนอื่นก็แค่สองพันห้า แต่วันนี้คุณโป้งเขาให้พิเศษหมื่นสาม แต่มีข้อแม้นะ” เจ๊หวีเองก็ไม่ต้องการให้สินีนารถรับงานนี้เท่าไหร่นัก แต่เป็นเพราะเจ้าของเงินเขาเจาะจงสินีนารถ “ถ้ารับข้อแม้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เจ๊ไม่บังคับ” “ข้อแม้อะไรคะเจ๊” เธอถามกลับ “เธอต้องแขกพร้อมกันสามคน” คำตอบของเจ๊หวีเรียกความตกใจให้กับสินีนารถเป็นอย่างมาก ดวงตาของคนไม่สบายขยายกว้าง หน้าตาที่ซีดอยู่ก่อนหน้า ยิ่งซีดกว่าเดิม การที่เธอต้องรับแขกถึงสามคนนั่นหมายความว่า จะต้องนอนกับผู้ชายพร้อมๆ กับบนเตียง ทั้งสามจะผลัดกันหาความสุขบนร่างกายของเธอจนพอใจ แล้วจึงให้กลับบ้าน การรับแขกประเภทนี้เธอไม่เคยทำมาก่อน เพราะที่ผับวิคตรองค์มีกฎเหล็กข้อนี้บังคับลูกค้าอยู่ “เจ๊จะบ้าเหรอ เอมมันจะรับไหวได้ยังไง ทีละคนยังพอทน แต่นี่พร้อมกันสามคนนะเจ๊” ลูกศรที่นั่งอยู่ใกล้ๆ สินีนารถพูดขึ้น “ก็เขาเจาะจงเอมมา แต่ถ้าเอมไม่ทำเจ๊จะพูดให้ เจ๊แค่ถามเฉยๆ ไม่ได้บังคับ” เจ๊หวีมีดีอยู่หลายอย่าง หนึ่งในหลายอย่างนั้นคือ จะไม่บังคับเด็กในสังกัดให้หลับนอนกับข้อแม้ข้างต้น นางจะต้องถามความสมัครใจกับสาวๆ ที่ลูกค้าเจาะจง หากใครไม่ยอมรับข้อแม้ นางก็จะไม่บังคับ “เอมรับงานนี้ค่ะเจ๊” สินีนารถตัดสินใจในที่สุด แม้ว่าตนเองจะไม่ชอบการหลับนอนแบบนี้ก็ตาม แต่เป็นเพราะความจำเป็นมีมากเกินกว่าจะปฏิเสธได้ ก้มหน้ารับชะตากรรมด้วยความเต็มใจ...เพื่อความสุขของมารดา “เอม แกจะบ้าเหรอ แกจะรับพวกมันไหวเหรอ แกไม่สบายอยู่นะ” ลูกศรรีบห้ามเพื่อน “แต่ฉันต้องใช้เงินนี่ ถ้าหาเงินมาให้ดรีมไม่ได้ ดรีมจะไม่เรียน แล้วถ้าดรีมไม่เรียนแม่ก็จะเสียใจและผิดหวัง ฉันไม่อยากให้แม่เจอความรู้สึกแบบนั้นอีก” เจ๊หวีกับลูกศรมองหน้ากันอย่างเข้าใจความหมาย แล้วเห็นใจ สินีนารถมากขึ้นหลายเท่าตัว ทว่าทั้งสองก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรสินีนารถได้มากไปกว่านี้ เพราะทั้งคู่ต่างก็มีภาระค้ำคอเช่นกัน สินีนารถเดินออกไปจากบ้านสีชมพูพร้อมกับชายหนุ่มสามคน ไปทำหน้าที่ผู้หญิงขายบริการ ทำหน้าที่ลูกที่ดีของมารดา ทำหน้าที่พี่สาวที่แสนดีของลักษณาวดี ปลายทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไรเธอไม่รู้ รู้เพียงว่า นาทีนี้ตนทำเพื่อบุคคลอันเป็นที่รัก แค่นี้เธอก็มีความสุขแล้ว ศิรินทิพย์มีสีหน้าไม่ดีนักในเช้าวันใหม่ เธอรีบตื่นแต่เช้าก่อนจะไปดูสินีนารถที่ห้องว่ากลับมาหรือยัง ปรากฏว่าในห้องว่างเปล่า ไร้ร่างของพี่สาวที่เวลานี้น่าจะอยู่ในห้อง ศิรินทิพย์โทรศัพท์เข้ามือถือของพี่สาวทันที แต่ไม่สามารติดต่อได้เหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด... สินีนารถปิดเครื่องเวลาทำงาน “อ้าว พี่เอมยังไม่กลับเหรอ” ลักษณาวดีถามศิรินทิพย์ที่นั่งกระวนกระวายอยู่บนเตียงของสินีนารถ “ยังน่ะสิ พี่เป็นห่วงพี่เอมจังดรีม” “แต่ดรีมห่วงเงินที่จะไปซื้อตั๋วคอนเสิร์ตมากกว่า ไม่รู้ว่าพี่เอมจะหาได้หรือเปล่า แล้วที่ยังไม่กลับอาจเป็นเพราะขายตัวอยู่ล่ะมั้ง ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวพี่เอมได้เงินครบก็กลับบ้านเองนั่นแหละ โตๆ กันแล้วไม่เห็นต้องเป็นห่วงเลย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD