“หนูแพร ทุกอย่างมันโอเคดีหรือเปล่า ถ้ามีอะไรพูดบอกกับพ่อแม่ได้ตรง ๆ เลยนะ”
คุณเอมอรลูบแขนลูกสะใภ้ด้วยความเข้าใจเป็นที่สุด เพราะตั้งแต่วันแรกที่แต่งงานแล้ว ลูกชายของนางก็มักไม่ถนอมน้ำใจของแพรไหมเอาเสียเลย นางเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้ทั้งคู่แต่งงานกันและย้ายบ้านออกมาอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้
สำหรับคนตรงหน้านางรู้ดีว่าลูกสะใภ้ที่นางเลือกมีคุณสมบัติและเหมาะสมกับลูกชายของนางทุกประการ แม้จะเกี่ยวดองกันเพราะด้วยเหตุผลทางธุรกิจหรือเพราะนางอยากกีดกันผู้หญิงทุกคนออกจากชีวิตของลูกชายก็เถอะ แต่ผู้หญิงที่นางเลือกให้คินณภัทรคือผู้หญิงที่ดีที่สุดสำหรับลูกชายแล้ว
“ไม่รู้สิคะคุณแม่ บางทีแพรก็รู้สึกเหนื่อยมากเหมือนกัน เหมือนกับว่าแพรคนเดียวที่พยายามแต่พี่คินเขาไม่ยอมรับกับทุกอย่างที่แพรทำให้ คุณพ่อคุณแม่คิดว่าแพรควรจะไปต่อหรือพอแค่นี้คะ?”
แพรไหมถามกลับด้วยน้ำตาที่ล้นเอ่อ ดวงตาแดงก่ำจับจ้องมองหน้าพ่อแม่สามีอย่างขอความคิดเห็น คนสูงวัยทั้งสองจ้องมองหน้าของกันและกัน พร้อมกับความรู้สึกมากมายที่ยากจะอธิบายออกมาได้ในตอนนี้
“พ่อกับแม่เห็นใจหนูนะหนูแพร ยิ่งมาเห็นหนูเป็นแบบนี้แม่เองก็รู้สึกไม่ดีเลย มันคงต้องถึงเวลาที่แม่จะให้หนูเป็นคนตัดสินใจบ้าง ถ้าหนูอึดอัดอยากจะเลิกกับลูกชายแม่แม่ก็เข้าใจนะลูก”
“แพรว่าแพรควรจะถอยตั้งแต่วันนี้ อย่างน้อยแพรก็ยังไม่มีอะไรจะเสีย แพรกับพี่คินเรายังไม่มีความสัมพันธ์ทางกายกันเกิดขึ้น แพรรักเขานะคะคุณแม่ แต่ความรักข้างเดียวของแพรมันคงไม่มีค่าอะไรเลย วันนี้ไม่มีค่าวันหน้าแพรก็คิดว่ามันยังจะเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน”
น้ำเสียงที่สั่นเครือตอบกลับ ยิ่งคิดก็ยิ่งตอกย้ำความไร้ค่าของตัวเองมากมายเหลือเกิน อยากให้สามีหันมาสนใจกันบ้างแต่กลับไม่มีสักครั้งสายตาที่ห่วงใย ไม่มีสักครั้งคำพูดดี ๆ ให้ยิ้มได้ ช่างเป็นสิ่งที่น่าสมเพชกับเมียแต่งไร้ค่าที่เขาไม่เคยต้องการเลยแบบนี้
“โธ่…หนูแพร”
คุณเอมอรลูบหลังปลอบลูกสะใภ้ที่กำลังสะอื้นไห้ด้วยความเห็นใจและสงสาร เป็นเพราะพ่อแม่เช่นพวกนางหรือเปล่าที่ต้องมาสร้างความเจ็บปวดให้กับชีวิตของแพรไหมแบบนี้
“คุณพ่อคุณแม่คงไม่ว่าอะไรหรอกนะคะ หากวันหนึ่งข้างหน้าแพรกับพี่คินจะต้องเซ็นใบหย่ากัน”
“ไม่เลยลูกไม่เลย เราสองคนเข้าใจความรู้สึกของหนูแพรนะ ถ้าหนึ่งปีที่หนูแพรทนอยู่แล้วมันยิ่งทุกข์ เราก็อยากให้หนูกลับมารักตัวเองบ้างนะลูก”
คุณกิตติภพพูดกับลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น เขาและครอบครัวของแพรไหมรู้จักมักคุ้นกันมานานมาก ทำธุกิจร่วมกันมาเป็นสิบ ๆ ปี ความที่อยากให้ลูก ๆ ได้แต่งงานกัน ได้เป็นทองแผ่นเดียวกันจึงต้องหยิบยกเอาเรื่องธุรกิจขึ้นมาอ้าง เพื่อที่คินณภัทรจะได้ไม่มีคำปฏิเสธ แต่สำหรับคนตรงหน้ากลับยอมแต่งเพราะหลงรักลูกชายตัวดีที่เคยเป็นสุภาพบุรุษช่วยเหลือในวันที่กำลังตกอยู่ในอันตราย จนกลายมาเป็นฮีโร่ในดวงใจ กลายเป็นผู้ชายที่ใฝ่ฝันและอยากอยู่ร่วมใช้ชีวิตด้วยกันไปตลอดเสียงั้น แต่ในเมื่อหัวใจมันบังคับอะไรกันไม่ได้ คงถึงเวลาที่ทุกคนต้องยอมรับความจริงข้อนี้กันสักที
“ขอบคุณที่เข้าใจแพรนะคะ ขอบคุณจริง ๆ”
แพรไหมยกมือไหว้ขอบคุณคนทั้งสอง เธอตัดสินใจมาดีแล้วว่าจะหย่าจากคินณภัทรให้เขาไปมีความสุขและชีวิตในสิ่งที่เขาต้องการสักที เธอจะเลิกวิ่งตาม จะเลิกถามไถ่ จะเลิกทำตัวเหมือนอย่างที่เคยทำเมื่อก่อนหน้า ต่อไปนี้เขาคงไม่ต้องรู้สึกเบื่อหน่ายหรือรำคาญเธอเหมือนหนึ่งปีที่ผ่านมาแล้ว
หลังจากที่พ่อและแม่ของสามีกลับบ้านไป แพรไหมชักชวนเพื่อนสนิทสองคนให้มานั่งดื่มกินเป็นเพื่อนกันที่บ้าน เพราะเธอเป็นคนที่ไม่ชอบเที่ยว ไม่ชอบไปอยู่ในที่อโคจร ในวันที่ต้องการฉลองกับชีวิตที่กำลังจะกลับไปเป็นโสดเลยเกิดไอเดียนี้ขึ้นมา
“แกชวนฉันกับพี่อาร์มมาถึงบ้าน แกกะจะเมาหัวทิ่มเลยใช่ไหมแพร?”
อิงฟ้าถามขึ้น สองสาวยังคงช่วยกันปิ้งย่างอาหารทะเลเพื่อไปเป็นกับแกล้ม แพรไหมหันไปมองคนที่กำลังนั่งดีดกีต้าร์ขับกล่อมเสียงเพลงได้อย่างไพเราะอยู่ไม่ไกล พร้อมกับส่งยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะหันหน้ากลับมาพูดคุยกับอิงฟ้าต่อ
“ฉันก็แพลนไว้แบบนั้น จริง ๆ อยากออกไปท่องราตรีนะ แต่แกก็รู้นี่อิงว่าฉันไม่ชอบไปแบบนั้น ชอบอารมณ์แบบนี้ที่เหมือนเราไปแคมป์ปิ้งกันบนดอยตอนสมัยเรียนมากกว่า ว่าแล้วก็คิดถึงความสุขช่วงชีวิตแบบนั้นเนอะอิง ไม่ต้องทุกข์กับอะไร ไม่ต้องมีเรื่องให้ปวดหัวและเครียดเยอะ”
“พูดเหมือนมีเรื่องให้คิดมากมาย แกแต่งงานมีผัวแล้ว ผัวก็ออกจะหล่อรวย ชีวิตต้องการอะไรมากมายอีกวะแก”
“ฉันกำลังจะเลิกกับเขาแล้ว สิ่งที่คนภายนอกเห็นกับชีวิตที่ต้องเจอมันไม่เหมือนกันหรอกอิง พูดไปแกคงไม่เชื่อ”
สีหน้าของแพรไหมดูเศร้าลงอีกครั้ง แก้วเบียร์ที่ถืออยู่ในมือถูกยกดื่มจนหมดแก้ว
“แกทะเลาะกับพี่คินของแกงั้นสินะ แล้วนี่ถ้าเขากลับมาเห็นพวกเราปาร์ตี้กันเขาจะไม่ว่าเหรอยัยแพร?”
“ไม่หรอก ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะกลับบ้านหรือเปล่า เขามีหลายที่ให้ต้องไปนอนค้าง เขาไม่สนใจหรอกว่าฉันจะอยู่หรือจะไป จะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรเขาไม่เคยสนใจอยู่แล้ว”
ขวดเบียร์ที่วางอยู่ข้างกายถูกเทลงใส่แก้วอีกรอบและเป็นเหมือนเดิม ถูกสาดเทลงคอหมดแก้วไม่เหลือสักหยด
“ดื่มเหมือนน้ำ เดี๋ยวก็เมาหรอกแพร!”
“เมาจะเป็นไรล่ะ เมาก็แค่ขึ้นบ้านไปนอน พรุ่งนี้วันเสาร์ฉันไม่ต้องออกไปทำงานด้วยซ้ำ แกกับพี่อาร์มก็อย่ารีบหนีกลับกันล่ะ ถ้าเมากลับไม่ไหวเดี๋ยวฉันจะหาที่นอนให้เอง”
“โอ๊ย! ฉันไม่รบกวนแกหรอกแพร ฉันเกรงใจสามีแกเผื่อว่าเขากลับบ้านมาเจอ”
“ช่างเขาสิ ชีวิตใครชีวิตมันอยู่แล้ว เขาไม่มายุ่งเรื่องของฉันหรอก เขาให้อิสระฉันได้เต็มที่ ฉันเองก็พยายามที่จะทำแบบนั้นแต่มันทำยากมากนะเว้ยอิง ฉันยังอยากรู้ว่าแต่ละครั้งที่เขาไม่กลับบ้าน เขาไปนอนที่ไหนอยู่กับใคร ทำไมวะอิงฉันรักเขาไม่มากพองั้นเหรอ ทำไมเขาไม่มองเห็นฉันบ้าง”
ความเสียใจที่อัดอั้น ถูกพรั่งพรูออกมาให้กับเพื่อนรักได้รับรู้ ดวงตาที่บ่อน้ำตื้นอยู่แล้วมันก็พร้อมจะไหลออกมาได้ตลอดเวลา
“แกจะหมายถึงผัวแกเขามีบ้านเล็กบ้านน้อยอย่างนี้เหรอวะ?”
“เขาก็มีคนที่เขาคบหาอยู่นั่นแหละอิง ฉันพยายามจะไม่สนใจ พยายามจะไม่คิด แต่ฉันก็รักเขาไปแล้วไง ฉันคิดว่าความรักของฉันจะเอาชนะใจเขาได้ แต่มันก็เปล่าประโยชน์สิ้นดีเลย”
“แล้วแกบอกจะหย่ากับพี่คินล่ะ แกจะหย่าได้ไหมสภาพแบบนี้?”
“มันก็คงต้องได้ล่ะ ฉันคิดว่าฉันไม่ควรมาทนกับอะไรที่มันทำให้ฉันไม่มีความสุขอีกแล้ว คนพยายามกับคนที่ไม่คิดอะไรกับเราเลยมันเหนื่อยต่างกันนะอิงและตอนนี้ฉันก็เหนื่อยพอแล้ว”
อิงฟ้าได้แต่มองหน้าเพื่อนด้วยความเห็นใจ นึกไปถึงคืนที่มีสุภาพบุรุษขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยชีวิต ในวันที่ตัวเองและแพรไหมกำลังจะถูกลวนลามจากการไปดื่มฉลองวันเรียนจบมัธยมปลาย ถ้าไม่ได้คินณภัทรช่วยเอาไว้คงไม่มีอะไรเหลือให้ภาคภูมิใจอย่างตอนนี้ได้หรอก
ทั้ง 3 คนเพื่อนซี้นั่งดื่มกินกันไป พูดคุยร้องเพลงกันไปอย่างสนุกสนาน แต่ดูท่าว่าแพรไหมจะเมาได้ที่กว่าใครคนอื่น
รถยนต์คันหรูเลี้ยวเข้าบ้านมาในเวลาเกือบเที่ยงคืน แสงไฟและเสียงเพลงที่ดังมาจากริมสระว่ายน้ำทำให้ต้องรีบเดินไปดู ทั้งที่อาการตอนนี้ของเขาก็เมาได้ที่มากเหมือนกัน
“ฉันกำลังจะเป็นโสดแล้ว ฉันกำลังจะหย่ากับผัวเฮงซวย Cheer’s!” เสียงของแพรไหมประกาศก้อง พร้อมกับเสียงแก้วเบียร์กระทบกันดังเบา ๆ
“โสดแล้วมาคบพี่ได้นะแพร พี่อาร์มคนนี้ยังรอให้แพรหันมองมาอยู่”
เสียงหัวเราะของคนทั้งสามก็ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง
“อันนี้พี่อาร์มพูดจริงว่ะแพร ไม่ใช่เมาแล้วพูดเพ้อเจ้อนะ ฮ่า ๆ ๆ แกก็รู้นี่หว่าเขาชอบแกมาตั้งแต่เข้าเรียนม.ต้น จนตอนนี้เราอายุ 26 กันแล้วนะ พี่อาร์มจะสามสิบ ยังไม่มีเมีย ยังไม่มีแฟนเพราะพี่เขารอแกนี่ล่ะยัยแพรเอ้ย!”
“เขินที่ถูกแซวเหมือนกันนะ แต่ความจริงก็คือความจริง พี่ชอบแพร พี่อยากเป็นคนนั้นที่แพรเลือกถ้าแพรเลิกกับเขาแล้วนะ” น้ำเสียงที่จริงจังตอบกลับ พร้อมกับ
ใบหน้าหล่อหันไปจับจ้องมองสาวสวยคนที่ตัวเองแอบชอบที่นั่งอยู่ข้างกายกัน ดวงตาสบประสานสื่อความในใจและความรู้สึกที่มีให้จนปกปิดไม่มิดเลย
“มาสารภาพรักกับเมียชาวบ้านถึงบ้านเขาไม่อายปากหรือไงครับ?”
ทำเอาทั้งสามคนสะดุ้งขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะหันไปมองทางด้านหลังที่คินณภัทรกำลังยืนกอดอกพิงเสาจ้องมองหน้าพวกตนอยู่...