รักอุ่นใจนายเย็นชา 5
TUB-TIN TALK
อ่า ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้เนี่ย เมื่อคืนก็ไม่ได้ดื่มเยอะนี่นา ฉันควานมือไปรอบๆเพื่อหาโทรศัพท์ที่มันทั้งสั่นและส่งเสียง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว
“ค่ะ”
(ตื่นยัง?)
เสียงทุ้มนุ่มดังมา ทำเอาฉันขมวดคิ้วก่อนจะลืมตาอย่างยากลำบาก ภายในห้องมืดทึบเพราะผ้าม่านสีเข้มถูกผิดอยู่ไม่มีแสงจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามาเลย เอ๊ะ? นี่มันไม่ใช่ห้องฉันนี่ ฉันผุดลุกนั่งแต่เพียงเสี้ยววิก็ต้องทิ้งตัวล้มลงบนเตียงเหมือนเดิม
(เป็นอะไรน่ะ)
“ปวดหัว”
(แหงสิ ดื่มเยอะขนาดนั้น) ปลายสายบอกเสียงเจือแววขบขัน
“โทรมามีอะไรหรือเปล่า” ฉันถามอีกครั้งจะได้รีบวางฉันอยากจะนอนต่อแล้วอ่ะ
(มารับหน่อยสิ เรียนเพิ่งเสร็จไม่ได้เอารถมา)
“ทำไมไม่ขับไปล่ะ”
(ก็อยากให้มารับกุญแจอยู่บนโต๊ะนะ รถอยู่ด้านหน้า เร็วๆนะถึงแล้วโทรมา)
“เดี๋ยวสิ นี่!”
โอ๊ย ฉันจะบ้าตายฉันต้องคลานลงจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำ แล้วชุดฉันล่ะใส่ชุดเดิมหรอพออาบน้ำเสร็จฉันก็ออกมาข้างนอกเพราะมือถือมันส่งเสียงดังอีกแล้ว ฉันเพิ่งสังเกตว่ามือถือเครื่องนี้ไม่ใช่ของฉัน ฮึ่ยอีตาบ้านั่นเอามือถือฉันไปงั้นหรอเอ๊ะไม่ใช่สิ ฉันยังจำได้ฉันเอาถือถือไปใส่ในตู้ปลาหรืออะไรนี่แหละ โอ๊ย ไม่น่าเลยฉัน
“ว่าไงคะ แต่งตัวอยู่” ฉันอดที่จะประชดเขาไปไม่ได้ โทรจิกมาก
(ฮ่าๆๆๆ จะบอกว่าเสื้อผ้าลองค้นๆดูนะในตู้อ่ะ)
ฉันเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเขาก็ต้องชะงักเมื่อในตู้นอกจากจะมีชุดผู้ชายที่น่าจะเป็นของเจ้าของห้องแล้ว ยังมีชุดของผู้หญิงปนอยู่ด้วยของแฟนเขางั้นเหรอ
(ว่าไงเห็นมั้ย)
“อือ เห็นแล้ว”
แล้วมันก็ชัดเจนมากเลยล่ะว่าเขามีแฟนแล้วแต่ก็ต้องมาฝืนใจตัวเองมาแต่งงานกับฉัน
(ทิม...)
“อีกครึ่งชั่วโมงถึง”
ฉันบอกเขาแค่นั้นก่อนจะตัดสายทิ้งฉันกลับมาสวมชุดเดิมของตัวเองสายตามองไปทั่วก็เจอกระเป๋าวางอยู่โต๊ะฉันคว้ากระเป๋าตัวเองมาถือไม่ลืมหยิบกุญแจรถของเจ้าของห้องมาด้วย ฉันใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีในการมาถึงหน้าคณะเขา เขาอยู่กับเพื่อนเขานั่นแหละและยังมีผู้สุดเซ็กซี่นั่งเบียดเขาอยู่ แทบจะสิงกันขนาดนี้ไม่ไปเปิดห้องเลยล่ะ ฉันโทรหาเขาทันทีแอบเห็นมือถืออยู่ในมือเขาแต่เขาไม่คิดจะกดรับแบบนี้มันคืออะไร ฉันโทรไปครั้งที่สองเขาก็ยังไม่รับเลยตัดสินใจวางสายแล้ววางมือถือไว้เบาะรถข้างๆ พอเก้าลงมาจากรถฉันก็ล็อครถทันที
“ขอโทษนะคะ รบกวนฝากของไปให้เวลปีสามหน่อยได้มั้ยคะ”
“เอ่อ ได้ครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากเอากุญแจให้ผู้ชายคนนั้นไปฉันก็รีบออกมาจากบริเวณนั้นทันที ฉันออกมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยก็โบกแท็กซี่กลับคอนโดทันที จะว่ายังไงดีล่ะเมื่อคืนฉันจำได้ว่าฉันเอามือถือไปใส่ในน้ำอะไรนี่แหละ เอาเถอะฉันไม่อยากจะคิดถึงเรื่องเมื่อคืนอีกแล้ว พอถึงคอนโดฉันอาบน้ำอีกรอบเปลี่ยนชุดพร้อมออกไปทำงาน วันนี้ฉันใส่แส็กสีขาว กะว่าจะออกไปซื้อโทรศัพท์ก่อนเข้าร้านไม่รู้ที่ร้านวุ่นหรือยังเพราะติดต่อฉันไม่ได้
“โฮเจ๊ ไปไหนมาเนี่ยติดต่อก็ไม่ได้รู้มั้ยพวกผมเป็นห่วง”
“ขอโทษแล้วกัน พอดีมีเรื่องนิดหน่อยตอนนี้โอเคแล้ว” ฉันรีบบอกเพราะเห็นสีหน้าของเหล่าลูกน้องในร้านเริ่มกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“พอๆเลย ไปทำงานได้แล้ว วันนี้ปิดเร็วชั่วโมงหนึ่งนะจะให้พักด้วยช่วงนี้เลิกดึกหลายวันแล้ว”
“ขอบคุณครับเจ๊”
ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินขึ้นห้องทำงาน รีบเคลียงานให้เสร็จ ฉันเปิดซิมใหม่แต่เป็นเบอร์เดิมทำให้มือถือมีสายเข้าตลอดทั้งคุ้นและไม่คุ้น ฉันรับเบอร์ที่เป็นเบอร์เพื่อนเราคุยกันนิดหน่อยก่อนจะวางสายไปเพราะฉันต้องรีบเคลียงาน
“ถ้ามีใครมาพบฉันฉันว่าไม่อยู่นะ”
ฉันบอกเมื่อผู้จัดการร้านเปิดประตูเข้ามา แต่สีหน้าลำบากใจของผู้จัดการทำเอาฉันถึงกับใจคอไม่ดี
“เอ่อ...”
“ทำไมไม่เข้าไปรับ!!”
นั่นไงล่ะ
ฉันโบกมือไล่ผู้จัดการร้านให้ออกไปก่อน เวลเดินหน้าตึงเข้ามาใกล้ฉันก่อนจะตะคอกใส่ฉันเสียงดัง
“บอกให้ไปรับ ทำไมไม่ไป!!”
“ฉันไปแล้ว”
“ทำไมไม่เดินเข้าไป ทำไมต้องฝากคนอื่นเอาไปให้ฉันรออยู่รู้มั้ย”
เขาเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ฉันก็ไม่เข้าใจจะมาโวยวายอะไรทำไม
“อย่าเจอกันเลย ฉันจะหาทางคุยกับผู้ใหญ่เองเรื่องงานแต่งน่ะ” พูดแล้ว ฉันพูดมันออกไปแล้ว มันคงจะดีที่สุดแล้วที่ทำแบบนี้
“พูดบ้าอะไรของเธอทิม!! เป็นบ้าอะไร”
“มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรอ??”
“ไม่ต้องการงั้นหรอ เธอจะมารู้ดีกว่าตัวฉันเองได้ไง!”
เวล เดินอ้อมมาฝั่งฉันก่อนที่ฉันจะถูกอุ้มให้นั่งลงบนโต๊ะทำงานตามด้วยร่างสูงของคนอารมณ์ร้อนที่เข้ามายืนคร่อมฉันไว้
“นี่!! อย่ามาบ้าแถวนี้นะปล่อยฉัน”
“เธอมันงี่เง่าที่สุดเลยทับทิม อย่ามโนไปเองได้มั้ย”
เวลบอกเสียงนุ่มขึ้นแววตาที่มองมามันสื่ออะไรหลายๆอย่างจนฉันเองก็ไม่อยากจะรู้ว่าเขาตั้งใจจะสื่ออะไรให้มา เวลทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่มือถือเขาส่งเสียงดังขึ้นมาซะก่อนเขารับสายทั้งที่ยังยืนคร่อมฉันอยู่จะขยับไปไหนก็ไม่ได้
“ว่าไง”
เขารับสาย พรางยกมือเกลี่ยผมไปทัดหูให้
“อยู่กับเมีย มีอะไร”
ฉันฟาดมือลงไปที่ต้นแขนเขาทันทีแต่เขาแต่ยิ้มก่อนจะโน้มเข้ามาจูบหน้าผากฉันเบาๆ ทำเอาฉันตัวแข็งทื่อไปหมดความร้อนตีขึ้นหน้า
“เดี๋ยวเข้าไป”
“ทิมไปผับกัน มีงานต้องเคลียนิดหน่อย”
เขาบอกเสียงหวานพรางโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ฉันเอนหลังแทบจะนอนไปกับพื้นโต๊ะอยู่แล้ว จะรุกอะไรขนาดนั้น!!
“ฉันก็มีงาน นายไปเถอะ”
ฉันบอกเป็นจังหวะที่ฉันนอนราบบนโต๊ะพอดีเขาแทรกตัวมายืนระหว่างขาฉันพร้อมกับโน้มเข้ามาใกล้ ใบหน้าเราห่วงกันไม่กี่เซ็น ฝ่ามือร้อนจับขาฉันชันข้างหนึ่งก่อนจะลูกจากข้อเท้าเลื้อยขึ้นมาตามท่อนขาด้วยความตกใจฉันเลยเอื้อมมือไปยึดมือเขาไว้กลัวว่ามันจะเตลิดไปไกลกว่านี้
“ไปด้วยกันน่าจะดีกว่า เดี๋ยวมีคนแถวนี้หึงอีก”
“นายว่าใคร!”
“ว่าใครดีล่ะ”
เขารวนกลับเสียงหวานก่อนจะก้มลงมาจูบฉันเบาๆ ฉันเบิกตากว้างอย่างตกใจไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรแบบนี้ ริมฝีปากร้อนขยับเบาๆอย่างนุ่มนวลก่อนจะแรงขึ้นเพียงเล็กน้อย ฉันเริ่มครางในคอเมื่อเขาลูบมือขึ้นมาถึงต้นขาก่อนจะสอดเข้าไปใต้กระโปรงที่ตอนนี้ย่นลงมากองที่ต้นขาฉันแล้ว เขาจูบเน้นย้ำแบบนั้นก่อนจะเพิ่มความแรงขึ้นเรื่อยๆ
“เจ๊ครับ!! มีเอก...”
“ทำไมไม่เคาะประตูก่อนวะ!! ออกไปก่อน!!”