รักอุ่นใจนายเย็นชา 5

1339 Words
รักอุ่นใจนายเย็นชา 5 TUB-TIN TALK อ่า ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้เนี่ย เมื่อคืนก็ไม่ได้ดื่มเยอะนี่นา ฉันควานมือไปรอบๆเพื่อหาโทรศัพท์ที่มันทั้งสั่นและส่งเสียง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว “ค่ะ” (ตื่นยัง?) เสียงทุ้มนุ่มดังมา ทำเอาฉันขมวดคิ้วก่อนจะลืมตาอย่างยากลำบาก ภายในห้องมืดทึบเพราะผ้าม่านสีเข้มถูกผิดอยู่ไม่มีแสงจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามาเลย เอ๊ะ? นี่มันไม่ใช่ห้องฉันนี่ ฉันผุดลุกนั่งแต่เพียงเสี้ยววิก็ต้องทิ้งตัวล้มลงบนเตียงเหมือนเดิม (เป็นอะไรน่ะ) “ปวดหัว” (แหงสิ ดื่มเยอะขนาดนั้น) ปลายสายบอกเสียงเจือแววขบขัน “โทรมามีอะไรหรือเปล่า” ฉันถามอีกครั้งจะได้รีบวางฉันอยากจะนอนต่อแล้วอ่ะ (มารับหน่อยสิ เรียนเพิ่งเสร็จไม่ได้เอารถมา) “ทำไมไม่ขับไปล่ะ” (ก็อยากให้มารับกุญแจอยู่บนโต๊ะนะ รถอยู่ด้านหน้า เร็วๆนะถึงแล้วโทรมา) “เดี๋ยวสิ นี่!” โอ๊ย ฉันจะบ้าตายฉันต้องคลานลงจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำ แล้วชุดฉันล่ะใส่ชุดเดิมหรอพออาบน้ำเสร็จฉันก็ออกมาข้างนอกเพราะมือถือมันส่งเสียงดังอีกแล้ว ฉันเพิ่งสังเกตว่ามือถือเครื่องนี้ไม่ใช่ของฉัน ฮึ่ยอีตาบ้านั่นเอามือถือฉันไปงั้นหรอเอ๊ะไม่ใช่สิ ฉันยังจำได้ฉันเอาถือถือไปใส่ในตู้ปลาหรืออะไรนี่แหละ โอ๊ย ไม่น่าเลยฉัน “ว่าไงคะ แต่งตัวอยู่” ฉันอดที่จะประชดเขาไปไม่ได้ โทรจิกมาก (ฮ่าๆๆๆ จะบอกว่าเสื้อผ้าลองค้นๆดูนะในตู้อ่ะ) ฉันเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเขาก็ต้องชะงักเมื่อในตู้นอกจากจะมีชุดผู้ชายที่น่าจะเป็นของเจ้าของห้องแล้ว ยังมีชุดของผู้หญิงปนอยู่ด้วยของแฟนเขางั้นเหรอ (ว่าไงเห็นมั้ย) “อือ เห็นแล้ว” แล้วมันก็ชัดเจนมากเลยล่ะว่าเขามีแฟนแล้วแต่ก็ต้องมาฝืนใจตัวเองมาแต่งงานกับฉัน (ทิม...) “อีกครึ่งชั่วโมงถึง” ฉันบอกเขาแค่นั้นก่อนจะตัดสายทิ้งฉันกลับมาสวมชุดเดิมของตัวเองสายตามองไปทั่วก็เจอกระเป๋าวางอยู่โต๊ะฉันคว้ากระเป๋าตัวเองมาถือไม่ลืมหยิบกุญแจรถของเจ้าของห้องมาด้วย ฉันใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีในการมาถึงหน้าคณะเขา เขาอยู่กับเพื่อนเขานั่นแหละและยังมีผู้สุดเซ็กซี่นั่งเบียดเขาอยู่ แทบจะสิงกันขนาดนี้ไม่ไปเปิดห้องเลยล่ะ ฉันโทรหาเขาทันทีแอบเห็นมือถืออยู่ในมือเขาแต่เขาไม่คิดจะกดรับแบบนี้มันคืออะไร ฉันโทรไปครั้งที่สองเขาก็ยังไม่รับเลยตัดสินใจวางสายแล้ววางมือถือไว้เบาะรถข้างๆ พอเก้าลงมาจากรถฉันก็ล็อครถทันที “ขอโทษนะคะ รบกวนฝากของไปให้เวลปีสามหน่อยได้มั้ยคะ” “เอ่อ ได้ครับ” “ขอบคุณค่ะ” หลังจากเอากุญแจให้ผู้ชายคนนั้นไปฉันก็รีบออกมาจากบริเวณนั้นทันที ฉันออกมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยก็โบกแท็กซี่กลับคอนโดทันที จะว่ายังไงดีล่ะเมื่อคืนฉันจำได้ว่าฉันเอามือถือไปใส่ในน้ำอะไรนี่แหละ เอาเถอะฉันไม่อยากจะคิดถึงเรื่องเมื่อคืนอีกแล้ว พอถึงคอนโดฉันอาบน้ำอีกรอบเปลี่ยนชุดพร้อมออกไปทำงาน วันนี้ฉันใส่แส็กสีขาว กะว่าจะออกไปซื้อโทรศัพท์ก่อนเข้าร้านไม่รู้ที่ร้านวุ่นหรือยังเพราะติดต่อฉันไม่ได้ “โฮเจ๊ ไปไหนมาเนี่ยติดต่อก็ไม่ได้รู้มั้ยพวกผมเป็นห่วง” “ขอโทษแล้วกัน พอดีมีเรื่องนิดหน่อยตอนนี้โอเคแล้ว” ฉันรีบบอกเพราะเห็นสีหน้าของเหล่าลูกน้องในร้านเริ่มกังวลอย่างเห็นได้ชัด “พอๆเลย ไปทำงานได้แล้ว วันนี้ปิดเร็วชั่วโมงหนึ่งนะจะให้พักด้วยช่วงนี้เลิกดึกหลายวันแล้ว” “ขอบคุณครับเจ๊” ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินขึ้นห้องทำงาน รีบเคลียงานให้เสร็จ ฉันเปิดซิมใหม่แต่เป็นเบอร์เดิมทำให้มือถือมีสายเข้าตลอดทั้งคุ้นและไม่คุ้น ฉันรับเบอร์ที่เป็นเบอร์เพื่อนเราคุยกันนิดหน่อยก่อนจะวางสายไปเพราะฉันต้องรีบเคลียงาน “ถ้ามีใครมาพบฉันฉันว่าไม่อยู่นะ” ฉันบอกเมื่อผู้จัดการร้านเปิดประตูเข้ามา แต่สีหน้าลำบากใจของผู้จัดการทำเอาฉันถึงกับใจคอไม่ดี “เอ่อ...” “ทำไมไม่เข้าไปรับ!!” นั่นไงล่ะ ฉันโบกมือไล่ผู้จัดการร้านให้ออกไปก่อน เวลเดินหน้าตึงเข้ามาใกล้ฉันก่อนจะตะคอกใส่ฉันเสียงดัง “บอกให้ไปรับ ทำไมไม่ไป!!” “ฉันไปแล้ว” “ทำไมไม่เดินเข้าไป ทำไมต้องฝากคนอื่นเอาไปให้ฉันรออยู่รู้มั้ย” เขาเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ฉันก็ไม่เข้าใจจะมาโวยวายอะไรทำไม “อย่าเจอกันเลย ฉันจะหาทางคุยกับผู้ใหญ่เองเรื่องงานแต่งน่ะ” พูดแล้ว ฉันพูดมันออกไปแล้ว มันคงจะดีที่สุดแล้วที่ทำแบบนี้ “พูดบ้าอะไรของเธอทิม!! เป็นบ้าอะไร” “มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรอ??” “ไม่ต้องการงั้นหรอ เธอจะมารู้ดีกว่าตัวฉันเองได้ไง!” เวล เดินอ้อมมาฝั่งฉันก่อนที่ฉันจะถูกอุ้มให้นั่งลงบนโต๊ะทำงานตามด้วยร่างสูงของคนอารมณ์ร้อนที่เข้ามายืนคร่อมฉันไว้ “นี่!! อย่ามาบ้าแถวนี้นะปล่อยฉัน” “เธอมันงี่เง่าที่สุดเลยทับทิม อย่ามโนไปเองได้มั้ย” เวลบอกเสียงนุ่มขึ้นแววตาที่มองมามันสื่ออะไรหลายๆอย่างจนฉันเองก็ไม่อยากจะรู้ว่าเขาตั้งใจจะสื่ออะไรให้มา เวลทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่มือถือเขาส่งเสียงดังขึ้นมาซะก่อนเขารับสายทั้งที่ยังยืนคร่อมฉันอยู่จะขยับไปไหนก็ไม่ได้ “ว่าไง” เขารับสาย พรางยกมือเกลี่ยผมไปทัดหูให้ “อยู่กับเมีย มีอะไร” ฉันฟาดมือลงไปที่ต้นแขนเขาทันทีแต่เขาแต่ยิ้มก่อนจะโน้มเข้ามาจูบหน้าผากฉันเบาๆ ทำเอาฉันตัวแข็งทื่อไปหมดความร้อนตีขึ้นหน้า “เดี๋ยวเข้าไป” “ทิมไปผับกัน มีงานต้องเคลียนิดหน่อย” เขาบอกเสียงหวานพรางโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ฉันเอนหลังแทบจะนอนไปกับพื้นโต๊ะอยู่แล้ว จะรุกอะไรขนาดนั้น!! “ฉันก็มีงาน นายไปเถอะ” ฉันบอกเป็นจังหวะที่ฉันนอนราบบนโต๊ะพอดีเขาแทรกตัวมายืนระหว่างขาฉันพร้อมกับโน้มเข้ามาใกล้ ใบหน้าเราห่วงกันไม่กี่เซ็น ฝ่ามือร้อนจับขาฉันชันข้างหนึ่งก่อนจะลูกจากข้อเท้าเลื้อยขึ้นมาตามท่อนขาด้วยความตกใจฉันเลยเอื้อมมือไปยึดมือเขาไว้กลัวว่ามันจะเตลิดไปไกลกว่านี้ “ไปด้วยกันน่าจะดีกว่า เดี๋ยวมีคนแถวนี้หึงอีก” “นายว่าใคร!” “ว่าใครดีล่ะ” เขารวนกลับเสียงหวานก่อนจะก้มลงมาจูบฉันเบาๆ ฉันเบิกตากว้างอย่างตกใจไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรแบบนี้ ริมฝีปากร้อนขยับเบาๆอย่างนุ่มนวลก่อนจะแรงขึ้นเพียงเล็กน้อย ฉันเริ่มครางในคอเมื่อเขาลูบมือขึ้นมาถึงต้นขาก่อนจะสอดเข้าไปใต้กระโปรงที่ตอนนี้ย่นลงมากองที่ต้นขาฉันแล้ว เขาจูบเน้นย้ำแบบนั้นก่อนจะเพิ่มความแรงขึ้นเรื่อยๆ “เจ๊ครับ!! มีเอก...” “ทำไมไม่เคาะประตูก่อนวะ!! ออกไปก่อน!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD