ีัรักอุ่นใจนายเย็นชา 4
WEL TALK
คุณเชื่อเรื่องรักแรกพบมั้ย? ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อจนกระทั่งได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง ใบหน้าขาวใสที่ไร้เครื่องสำอางของเธอทำให้ผมแทบจะลืมจังหวะหายใจ ดวงตาเศร้าๆของเธอทำเอาผมอยากจะเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าแล้วคว้าเธอเข้ามากอดแน่นๆ
ผมเป็นคนหนึ่งที่รักอิสระมาก ไม่อยากจะเอาชีวิตไปติดกับใครหรือเอาใครมายึดติดกับผมจนกระทั่งพ่อบอกให้ผมแต่งงานผมปฏิเสธอย่างเดียวโดยไม่ยอมฟังอะไรเลยแต่แล้วโลกทั้งใบของผมก็แทบจะหยุดหมุนเมื่อรูปถ่ายใบหนึ่งถูกวางลงตรงหน้า ใช่แล้วล่ะผมตกหลุมรักเธอตั้งแต่เห็นรูปถ่ายใบนั้น จะว่าบ้าก็ได้นะแต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ
ผมได้ที่อยู่และช่องทางติดต่อต่างๆจากพ่อ ผมตามเธอเงียบๆทั้งเข้าไปทานข้าวที่ร้านเดินตามตอนที่เธอเดินห้าง บางทีที่รู้ว่าเธอไปเที่ยวกับเพื่อนผมก็ตามไป จนกระทั่งวันที่ทั้งสองครอบครัวนัดทานข้าวกันนั่นแหละ ผมถึงได้รู้ว่าเธอไม่ได้อยู่กับพ่อของเธอและมันคงมีอีกหลายๆเรื่องที่ผมยังไม่รู้
“โอ๊ยๆๆ เจ้าชายเรานั่งจ้องโทรศัพท์รอเมียโทรมาว่ะ ฮ่าๆๆๆ”
เสียงกวนๆของไอ้คิสดังขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงแซวนรกของเพื่อนผมดังตามมา
“เขาว่าไงล่ะ”
“น่าจะกำลังกลับมั้ง”
ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเก็บมือถือไว้ เดินออกไปที่ขอบระเบียงร้าน อ้อตอนนี้ผมอยู่ผับของตัวเองที่จะพาทับทิมมาครั้งก่อนนั่นแหละแต่ว่าไม่ได้มาเพราะฝนตกแล้วเหมือนยัยนั่นจะอึดอัดใจผมเลยพาเธอไปส่งที่คอนโด ตอนนี้ผมกวาดสายตาไปทั่วร้านก่อนจะเจอผู้หญิงคนหนึ่งนั่งดื่มอยู่คนเดียวรอบๆข้างเธอมีผู้ชายจ้องอยู่ตามัน ผมยืนจ้องผู้หญิงคนนั้นไม่วางตากระทั่งมีหญิงชายคู่หนึ่งเดินฝ่าผู้คนเข้าไปหาเธอ
“กูลงไปข้างล่างนะ”
ผมบอกเพื่อนก่อนจะเดินลงไปยังข้างล้างแล้วเบียดร่างไปยังจุดที่ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ ใช่แล้วล่ะผู้หญิงคนนั้นคือทับทิมยังไงล่ะ ตลอดทางที่เดินไปผู้หญิงรอบข้างๆส่งสายตายั่วยวนมาให้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงควงใครสักคนที่ถูกตาไประบายความใคร่แต่ตอนนี้ผมเลือกที่จะเดินไปหาทับทิมอย่างแน่วแน่ จะว่าผมเลวก็ได้นะผมมันก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่มีอารมณ์เหมือนคนทั่วๆไป
“สี่ปีที่ฉันเรียนพร้อมกับทำงานเขาไม่เคยแม้แต่จะสนใจฉัน แต่พอบริษัทเขามีปัญหาเลยให้ฉันไปแต่งงานกับลูกเพื่อนเขางั้นเหรอ ก็รู้หรอกว่าเขาไม่ได้รักฉันเหมือนเหมือนลูกของเขาแต่ทำแบบนี้มันคงไม่ต่างจากขายฉันหรอกนะ”
ทับทิมระบายความในใจออกมามือเล็กคว้าแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด พอกำลังจะยกแก้วที่สองผมเลยยื่นมือไปดึงแก้วออกจากมือเธอก่อนจะมองดุๆ
“เอาคืนมา!”
“ดื่มมากไปแล้ว พอเลย”
ผมวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะก่อนจะหันไปแนะนำตัวกับเพื่อนทับทิม
“สวัสดีครับ พี่ชื่อเวลนะ เพื่อนทิมหรอ”
“เอ่อ...ค่ะ เพื่อนทิม”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะเรียกพี่เวลก็ได้นะ ทับทิม!!”
ผมเรียกทับทิมเสียงเข้มเพราะระหว่างที่ผมคุยกับเพื่อนเธอคนที่เริ่มเมาแอบยื่นมือมาหยิบแก้วเหล้าไปดื่มต่อซะงั้น
“พี่เป็นอะไรกับทิมคะ”
“เราจะแต่งงานกันน่ะ”
“พี่เองงั้นเหรอ?”
เพื่อนทับทิมถามพรางทำหน้าคิดไปด้วย
“ทิมน่ะมันเกลียดการโกหกที่สุดพี่รู้มั้ย? มันกลัวโดนคนที่รักและไว้ใจหลอกถ้าพี่ไม่มั่นใจยกเลิกงานแต่งเถอะ ฉันไม่อยากเห็นเพื่อนตัวเองเจ็บหวังว่าพี่คงจะเข้าใจนะ”
**“แล้วเราเชื่อเรื่องรักแรกพบมั้ยล่ะ?”**
“ทิมหยุดดื่มได้แล้ว ทับทิม!”
ผมเริ่มดุคนเมาจริงจัง เผลอเป็นไม่ได้จริงๆแอบหยิบมาดื่มตลอดเพื่อนเธอสองคนส่ายหน้าอย่างระออ
“ปล่อยให้มันดื่มเถอะ มันมีเรื่องเครียดมันไม่บอกใครหรอกแต่มันจะดื่มแบบนี้แหละถ้าไม่ไหวแค่รอมันระบายออกมาแล้วอยู่ข้างๆมันก็พอ” ผู้ชายคนนั้นบอก สายตาที่สองคนนี้มองทับทิมมันมีทั้งความเป็นห่วงความรักของมิตรภาพ เธอโชคดีจริงๆที่มีเพื่อนดีๆแบบนี้
“เอ่อ พี่ขอเบอร์เราสองคนไว้หน่อยเผื่อติดต่อทิมไม่ได้” ผมยื่นมือถือตัวเองให้เพื่อนทับทิม ก่อนจะหันไปมองทับทิมที่เริ่มจะนั่งไม่ตรงแล้ว ผมยกแขนโอบไหล่ทับทิมไว้ก่อนจะดึงมาพิงตัวเองไว้ อาจจะเพราะผมยืนใบหน้าเล็กเลยซบลงที่หน้าท้องพอดี เสียงกรี๊ดดังขึ้นรอบๆข้างแต่ผมไม่สนใจหรอก สนใจก็แต่คนตรงหน้านี่แหละขนาดนั่งยังไม่ค่อยโอเคยังจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้าอีก
“ดื้อจริง”
ผมลูบผมทับทิมเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปรับมือถือคืนจากเพื่อนยาหยี
“ถ้ายังไงเดี๋ยวพี่พาทิมกลับเลยแล้วกันนะ จะกลับบอกผู้จัดการลงบิลพี่ไว้นะ”
“ฝากยัยทิมด้วยนะคะ เราว่าจะกลับเลยเหมือนกันค่ะ”
“อ๋อ แล้วกลับกันยังไงให้คนของพี่ไปส่งมั้ย”
“เราขับรถมาน่ะค่ะ ไม่ต้องห่วง”
“งั้นพี่พาทิมไปก่อนนะ ทิมกลับได้แล้ว”
ผมค่อยๆพยุงทับทิมให้ยืนมือก็หยิบกระเป๋าสะพายทับทิมขึ้นมา ยังดีหน่อยที่ทับทิมยังพอมีสติที่เดินได้อยู่แต่ก็นะผมไม่วางใจให้เดินเองหรอกผู้จัดการร้านวิ่งมาทางผมอย่างตกใจ
“คุณเวลครับ รบกวนเซ็นเอกสารการซื้อของให้หน่อยครับ”
“อ๋อ แล้วเอกสารอยู่ไหน”
ระหว่างถามผู้จัดการร้านผมก็ต้องคอยดึงทับทิมเข้ามาใกล้ๆเพราะยัยนั่นเริ่มเซไปอีกทางแล้วไหนจะสายตาพวกผู้ชายคนพวกนั้นที่มองเธอล่ะ ผมคงจะอยู่นิ่งได้หรอกนะ
“อยู่บนห้องทำงานแล้วครับ”
“เดี๋ยวผมขึ้นไปเซ็นให้ ทิมมานี่ก่อน”
โอ๊ย เหมือนผมมีลูกเลยล่ะแบบนี้น่ะ ผมพาทับทิมขึ้นมาห้องทำงานด้วยอย่างทุลักทุเลเรื่องอะไรจะให้คนอื่นมาดูแลทับทิมล่ะผมอยู่ทั้งคนผมดูแลของผมเองได้น่า
“กูว่าพายุเข้าว่ะ แม่งไอ้เวลพาผู้หญิงขึ้นมาห้องทำงาน”
“ก็คนนี้ตัวจริง มันก็ต้องพามาสิ”
ผมไม่สนใจเสียงแซวของเพื่อนปากนรกตัวเองก่อนจะพาทับทิมไปนั่งบนเก้าอี้ทำงานที่ไม่มีใครเคยได้นั่งนอกจากผม นั่นยิ่งทำให้เพื่อนผมแซวหนักกว่าเดิมผมไม่น่าให้พวกมันขึ้นมาดื่มที่นี่เลยจริงๆ ผมอ่านเอกสารของที่ต้องซื้อแต่ก็ต้องสะดุ้งหันไปมองด้านหลังเมื่อทับทิมทำมือถือตกเธอลงจากเก้าอี้แล้วก้มลงไปเก็บมือถือขึ้นมา แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รับสายแต่ที่น่าแปลกใจคือคนที่โทรมาคือพ่อเธอนะ ทับทิมเดินเซๆไปทางตู้ปลาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้องมือเรียวหย่อนมือถือลงในตู้ปลาอย่างไม่ใส่ใจ ทับทิมเดินกลับมาทางผมแขนเล็กโอบเข้าที่เอวผมใบหน้าหวานซบลงที่แผ่นหลัง ผมแอบร้อนไปทั้งหน้าเธอเป็นคนแรกที่เข้ามาใกล้ชิดผมและทำให้ผมใจเต้นแรงมากถึงขนาดนี้
“อยากกลับบ้าน”
เสียงหวานบอกอ้อแอ้ ผมใช้มือข้างหนึ่งจับมือเธอไว้ส่วนมืออีกข้างก็ถือเอกสารพยายามเช็คให้เร็วที่สุดจะได้พาคนขี้อ้อนกลับเร็วๆ
“แปปนึงนะ ขอเซ็นเอกสารก่อน”
“โฮ๊ยๆๆ พี่เวลหวานจังเลยยย”
“ถ้ามึงไม่กัดกูมันจะตายมั้ยวะ”
ผมตะโกนถามไอ้คิสมันไม่ตอบเพียงแต่หัวเราะอย่างสะใจรวมถึงเพื่อนคนอื่นๆด้วย ผมเลิกสนใจพวกมันก่อนจะหยิบปากมาเซ็นลงบนแผ่นกระดาษ
“กลับเลยมั้ย?”
“ไม่ๆ อยากดื่มต่อ”
“ไม่เอา กลับได้แล้วมาอย่าดื้อ พวกมึงกูกลับนะเว้ย”
ผมตะโกนบอกเพื่อนก่อนจะประคองทับทิมออกจากห้องทำงานไม่วายได้ยินเสียงแซวเสียงโห่ของเพื่อนตามมาด้วย พวกมันคงปากว่างล่ะมั้งเลยเห่าหอนแบบนี้น่ะ
ผมอุ้มร่างคนเมาวางบนเตียงก่อนจะย่อตัวถอดรองเท้าออกให้ ทับทิมพลิกตัวนอนตะแคงไปทางด้าน ผมดึงผ้าห่มคลุมร่างทับทิมไว้ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ สงสัยล่ะสิว่าผมพาทับทิมกลับมาที่ไหน ที่นี่ห้องผมเองแหละ พรุ่งนี้ผมมีเรียนอีกชีวิตผมวนเวียนอยู่แค่นี้แหละพ่อกับแม่อยู่บ้านใหญ่ทำงานกลับดึกออกงานแทบจะทุกคืนผมเลยตัดสินใจย้ายออกมาอยู่คนเดียวที่คอนโดตั้งแต่เข้าม.ปลายแล้วล่ะ
“ฝันดีนะครับ เจ้าหญิง”