3

2195 Words
แม้ไม่ได้นอนเต็มตานักแต่ก็ตื่นแต่เช้าเพราะความเคยชิน พอพลิกตะแคงตัว ถึงได้พบว่าร่างกายอ่อนล้าไปหมด โดยเฉพาะบริเวณที่บอบบางที่สุดตรงนั้น บุณย์นรารู้สึกได้ว่ามันระบม เจ็บแสบ เพราะถูกล่วงล้ำซ้ำ ๆ จากชายที่เธอไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ นึกมาถึงตรงนี้แล้วก็อดเหลือบมองหาอีกฝ่ายไม่ได้ ปรากฏว่านอนคว่ำอยู่ข้าง ๆ กันนี่เอง เธอสบโอกาสแล้ว จะทำร้ายเขาคืนดีหรือไม่             พลันนั้นเองที่คำขู่แสนร้ายกาจผุดเข้ามาในหัว บุณย์นราอดเม้มปากแน่นด้วยความแค้นใจไม่ได้               ‘ถ้ายังดิ้น ยังหนีบขาไว้อีก จะให้พวกที่อยู่ข้างนอกเข้ามาช่วยกันจับขึง ไม่ใช่แค่ช่วยจับเท่านั้นนะ เดี๋ยวจะให้พวกมันเรียงคิวเธอด้วย’   เธอไม่ได้ยินยอม ยังแข็งขืน ต่อต้านทุกหนทาง แต่ก็สู้เขาไม่ได้ หญิงสาวเหลียวหาของ ใจอยากเอามาทุ่มทำร้ายคนใจหยาบคนนี้ แต่พอนึกถึงความปลอดภัยหลังจากนั้น ก็หยุดความคิดที่จะเอาของมาทำร้ายอีกฝ่ายทิ้งไป บอกตัวเองว่าแทนที่จะเสียเวลาทำร้ายไอ้ชั่วคนนี้ เธอควรหาทางหนีไปจากที่นี่ น่าจะดีกว่า              คิดได้อย่างนั้นแล้ว บุณย์นราก็ค่อยขยับตัวออกจากที่นอน แต่แล้วกลับถูกท่อนแขนขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยลวดลายสักทั้งแขนดูน่าเกรงขาม พาดลงมาที่เนินอกของเธอ เม้มปากตัวเองแน่นปิดกั้นเสียงร้องตกใจเอาไว้ แล้วนอนนิ่ง ไม่ขยับตัวให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาย่ำยีเธอได้อีก จนได้ยินเสียงลมหายใจของเขาผ่อนยาวอย่างสม่ำเสมอ ก็ค่อยยกนิ้วดันแขนของเขาออกช้า ๆ จนสำเร็จ ค่อยพลิกตะแคงตัวลงจากเตียง ยืนบนพื้นด้วยลมหายใจหอบเหนื่อยเล็กน้อยเพราะลุ้นว่าอีกฝ่ายจะตื่นมาเจอเธอหรือไม่ เห็นว่าอีกฝ่ายยังคงหลับสนิท เลยเขย่งเท้ารีบจ้ำอ้าวออกจากประตู ชนิดที่เรียกว่าทั้งเงียบและไวที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ จนพ้นประตูห้องนอนห้องนั้นแล้ว ก็ลุ้นต่ออีกว่า ด้านนอกจะมีคนเฝ้าอยู่ไหม ไม่มีใครเลย บุณย์นราถอนหายใจเบา ๆ  หมุนหน้ามองไปรอบ ๆ ว่าถูกพาเข้ามาจากทางไหน ทางเดินทอดยาวตรงหน้านั่นไง แล้วเลยเดินตามทางยาวนั่นไป จนได้ครึ่งทางก็ชะงักกึก ถอยหลัง หันกลับมามองเงาตัวเองที่สะท้อนในกระจกระหว่างทางเดินตรงนั้น ชุดเจ้าสาวยังอยู่บนเรือนร่างของเธอครบทั้งชุดเพียงแต่มันขาดวิ่นจนเหมือนไปฟัดกับสุนัขมา ยืนกัดปากมองอย่างใช้ความคิดว่าเธอจะออกไปทั้งแบบนี้เลยไหม ช่างใจประเดี๋ยวเดียววิ่งเขย่งเท้ากลับไปยังทางเดิม จนถึงห้องนอนห้องที่พรากพรหมจรรย์ของเธอไป ค่อยแย้มหน้าดู เห็นว่าเขายังคงหลับอยู่ ก็พ่นลมหายใจเบา ๆ เข้าไปเอาเสื้อบนพื้นมาสวมทับอีกที ตัวเขาใหญ่แค่ไหน ดูเอาจากชายเสื้อนี่ก็ได้ เพราะความยาวของมันคลุมถึงเข่าพอดี เลิกพินิจพิจารณา เพราะหัวใจเกือบหยุดเต้น ตอนที่เห็นเขาขยับพลิกตัวบนที่นอน แล้วค่อยคลายใจกลับมามีจังหวะเต้นได้อีกครั้ง เมื่อพบว่าชายผู้นั้นไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด  หญิงสาวเขย่งเท้าจ้ำอ้าวออกจากห้องทันที ตรงไปยังทางทอดยาวอีกครั้ง ไม่นานเธอพบประตูบานใหญ่ขวางที่ตรงหน้า บุณย์นราถลาไปยังที่จับ บิดหมุนจะเปิดมันออก แต่แล้วก็เปิดไม่ได้ “จะไปไหน” เสียงถามดังมาจากทางด้านหลัง บุณย์นราหน้าซีดเผือด ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าหันกลับไปมองยังต้นตอของเสียงแม้แต่เสี้ยวองศาเดียว ใจหล่นไปกองที่ตาตุ่มเรียบร้อยแล้ว   กฤตยชญ์สบถอย่างหัวเสีย แล้วยกมือขึ้นแตะที่มุมปากเมื่อรู้สึกเจ็บแสบแผลที่ถูกชกเมื่อคืน เขาถูกหยามหนักมากเกินไปแล้ว เขากับมันเคยดีต่อกัน เคยนับถือกันมาก่อน แต่เพราะเขาหน้ามืดไปหน่อย ลากผู้หญิงที่ชื่อสิรีมาปล้ำแค่ทีเดียว จากนั้นมา มันก็ตัดเป็นตัดตายกับเขาไปเลย กฤตยชญ์ยอมลดตัวลงไปง้อมันแล้วสามถึงสี่ครั้ง แต่กลับถูกเมิน จากนั้นมาเขาเลยต้องยอมตัดใจ ปลอบใจตัวเองว่าไม่มีเพื่อนอย่างมันสักคนจะเป็นไรไป แต่ก็พบว่ามันเป็น แล้วก็ฉิบหายมากด้วย ช่องทางทำมาหากินของเขาหดหายไปมากกว่าครึ่ง เมื่อมิตรภาพระหว่างเขากับมันจางหายไป ใครเป็นอริกับคนอย่างนั้น นับว่าก้าวขาเข้าไปในนรกก้าวหนึ่งแล้ว เขาพยายามอยู่ในโลกของตัวเอง แต่ก็พบว่ามันไม่ยอมเลิกรากับเขา ยังหาเรื่องขัดขาเขาได้ตลอด จนเขาต้องถอนตัวจากกิจการหลาย ๆ อย่าง ยอมถอยแล้วถอยอีก ไม่สู้กับมัน สุดท้ายก็ถูกมันหยามขั้นรุนแรง ถึงขนาดบุกมาทำร้ายเขา แล้วยังมาเอาผู้หญิงของเขาไปจากห้องหออีก บุณย์นราคือหญิงสาวที่เขาถูกใจที่สุด เรียกว่ารักอาจจะยังไม่เต็มปาก แต่ก็ชอบมาก มากกว่าผู้หญิงคนใดที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต ถึงขนาดยอมอด ยอมทน รอให้เธอเรียนจบโดยไม่แตะแม้แต่ปลายเล็บ ลงทุนยกขันหมากไปสู่ขอกับพ่อแม่ของเธอ ลงทุนจัดงานแต่งงานให้ ช่วงที่เขาหลงใหลบุณย์นรา เขาไม่เคยเปิดเผยบอกเล่ากับใคร มีเพียงลูกน้องคนสนิทเท่านั้นที่รู้ เพราะกลัวจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แล้วมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ เกิดในคืนแต่งงานอีกด้วย หยามกันหนักขนาดนี้ เขายอมไม่ได้ งานนี้ต้องมีเอาคืน จะเฉยให้มันกระทำอยู่ฝ่ายเดียวได้อย่างไร มันไม่ใช่วิถีของเขา             ยอชขยับเข้ามารายงาน “น่าจะเป็นบ้านหลังใหม่ของมันครับนาย”             “อือ” กฤตยชญ์ว่าออกมาคำเดียวแล้วกัดกรามถาม “มึงหายหัวไปไหน ทำไมไม่มาคอยดูอยู่หน้าห้อง”             ยอชหลบตาลง เอ่ยเสียงเบา “นายบอกไม่ให้เฝ้านี่ครับ”             คนเป็นนายได้ยินลูกน้องว่าแบบนั้นก็อ้าปากค้าง ก่อนฮึดฮัดโวยวายกลับเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียหน้า “มึงไม่ได้เฝ้าหน้าห้องกู แล้วหน้าบ้าน  หลังบ้าน รอบ ๆ บ้านไม่ต้องยืนเฝ้าหรือวะ ปล่อยให้มันเข้ามา ไม่มีคนรู้ ไม่มีคนเห็นเลยได้ยังไง”             “คนของเราเฝ้าอยู่ครบนะครับ แต่ถูกมันสอยจนร่วงหมด”             ยอชรายงานจบ คนเป็นนายปิดตาลงอย่างต้องการสงบอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน ค่อยถามลูกน้องต่อจากนั้นด้วยท่าทีครุ่นคิด “แล้วที่บ้านน้องบุณรู้เรื่องกันหรือยัง”             “ผมให้คนส่งข่าวแล้วครับ ทางนั้นตกใจกันใหญ่ พ่อแม่เขายืนยันว่าลูกสาวเขาไม่เคยมีแฟน ไม่เคยคบใคร ทำท่าจะไปแจ้งความด้วยครับ”             “อย่าให้ใครโผล่หัวไปฟ้องพ่อมึงเชียวนะไอ้ยอช”             “ครับ ผมห้ามไว้แล้ว บอกว่านายจะตามน้องเอง อย่าเพิ่งแจ้งความ เพราะเดี๋ยวจะเป็นฝ่ายลูกสาวของเขาที่เสียหาย”             “ดูท่ามันเชื่อที่มึงว่าไหมยอช”             “ดูยังนิ่ง ๆ อยู่ครับ น่าจะเชื่อ”             ได้ยินลูกน้องว่าจบ ก็เค้นเสียงลอดไรฟันอาฆาตใส่อริที่เคยเป็นมิตรกันมา “คิดว่ากูไม่มีมือไม่มีตีนสู้กับมึงใช่ไหม ถึงได้ตามรังควานกูไม่เลิกแบบนี้” ยอชรีบขยับเข้ามาเตือนข้างนาย “ระวังความดันด้วยครับ”             “ฮึ่ย!” กฤตยชญ์ร้องออกมาคำหนึ่งแล้วก็แว่วเสียงหวานของหญิงสาวดังขึ้นที่โซฟาใกล้ ๆ             “จะอารมณ์เสียไปทำไมคะ ฮว๋าอยู่ข้าง ๆ แล้วเนี่ยไหนดูซิ เจ็บตรงไหนบ้าง” ฮวาฮว๋า หญิงสาวที่กฤตยชญ์หลับนอนด้วยเป็นประจำกล่าวจบ ขยับลุกเข้ามาจับใบหน้าของกฤตยชญ์บิดหมุนซ้ายที ขวาที อย่างช้า ๆ ค่อยยื่นหน้าเข้าไปพรมจูบจนทั่วอย่างปลอบประโลม ลูกน้องที่รายล้อม เห็นแล้วทยอยถอยหลังออกจากห้องของนายไป ปล่อยให้นายได้อยู่เป็นการส่วนตัวกับหญิงสาวคู่ขาในตอนนั้น                “ถามว่าจะไปไหน”           เสียงนั่นย้ำอีกครั้ง ไม่มีแววก้าวร้าวในน้ำเสียง ค่อยใจชื้นขึ้น บุณย์นราหันไปมอง พบว่าไม่ใช่คนที่ข่มเหงเธอทั้งคืน จึงพ่นลมหายใจออกยาว ๆ กระนั้นก็ใช่จะโล่งอกเสียทีเดียวลอบสำรวจอีกฝ่ายไปพลาง ชายคนนี้น้ำเสียงคล้ายกับชายโฉดคนนั้นแทบไม่ผิดเพี้ยน ได้ยินทีแรกเธอเลยตกใจ แต่ท่าทางอากัปกิริยากลับไม่คล้ายเท่าไร ชายคนนี้ดูสุขุม เป็นมิตรมากกว่าอีกคนนั่นมาก           บุณย์นราไม่คิดว่าตัวเองจะดวงหดถึงเพียงนี้ นอกจากจะถูกอริของเจ้าบ่าวชิงตัวมาจากห้องหอในคืนวิวาห์แล้ว ยังถูกเขาขืนใจอีกด้วย แล้วหลังจากนี้ เธอจะถูกรุมโทรมหรือเปล่า ไม่ก็อาจถูกขายทอดตลาดตามตะเข็บชายแดน อย่างที่ได้เห็นได้ยินได้ฟังมาจากข่าว คิดแล้วก็หน้าซีดเผือดลงเรื่อย ๆ ก้าวถอยหลังไปยังอีกทาง บอกเสียงสั่นน้ำตารื้นขึ้นทันที นึกเศร้ากับชะตากรรมของตัวเอง คิดวุ่นวายในหัวว่าป่านนี้ที่บ้านจะรู้หรือยังว่าเธออยู่ไหน เผชิญชะตากรรมอะไรอยู่ ลองอ้อนวอนกับชายคนนี้ดู           “ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันสัญญาว่าจะไปแบบเงียบ ๆ ไม่แจ้งความเอาผิดกับพวกคุณเด็ดขาด” ว่าจบหญิงสาวน้ำตาเอ่อคลอขึ้นเล็กน้อย ทั้งกลัวทั้งสับสน           ชายคนนั้นกวาดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ถอนใจอย่างเอือม ๆ ที่ไม่รู้ว่าเอือมใคร ถามเสียงอ่อนโยน “นี่เราเพิ่งตื่นใช่ไหม ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไป จะกลับบ้านทั้งสภาพนี้น่ะหรือ”           บุณย์นราใจชื้นขึ้นอีกนิดเมื่อได้ยินเขาพูดคำว่าบ้าน ท่าทางชายคนนี้ก็ดูไม่ค่อยจะดุ เขาคงจะพาเธอกลับบ้านจริง ๆ ยิ้มทั้งน้ำตา ถามกำชับ “คุณสัญญาแล้วนะคะว่าจะส่งฉันกลับบ้านหลังจากฉันอาบน้ำแล้ว”           อีกฝ่ายพยักหน้าคล้ายไม่ได้สนใจในสิ่งที่หญิงสาวเอ่ยทวง ชี้มือไปยังอีกห้องแล้วว่า “ห้องนั้นก็ใช้ได้ เดินเข้าเดินออกห้องนายเดี๋ยวได้ตื่นกันพอดี ระวังจะไม่ได้อาบน้ำ”           ใบหน้าของเธอออกร้อนวาบขึ้นราวกับเอาไฟมาอัง เมื่อได้ยินประโยคกำกวมหมิ่นเหม่ในตอนท้าย           จ้างให้ เธอก็ไม่มีทางกลับเข้าไปในห้องนั้นอีก แล้วทบทวนไล่เรียงสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ พบว่า ที่แท้ชายคนข่มเหงเธอทั้งคืน ก็เป็นเจ้านายของเขา หวังว่าเธอคงไม่ใช่ของตกทอดจากนายสู่ลูกน้องหรอกนะ  คิดได้อย่างนั้น บุณย์นรายืนกุมเสื้อที่ใส่คลุมไว้จนแน่น ก้มหน้านิ่งไม่ยอมขยับเข้าไปในห้องที่อีกฝ่ายชี้ รู้สึกไม่ไว้ใจอีกฝ่ายขึ้นมาวูบหนึ่ง ชายคนนั้นมองสำรวจอึดใจแล้วว่า           “ที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิงให้เปลี่ยน ยังไงเราใส่ชุดนี้ทับไว้ก่อนก็แล้วกัน” ว่าจบ ชายคนนั้นเดินนำไปเปิดประตูห้องให้ บุณย์นรามองตามแล้วก็อดกลัวไม่ได้ เขาหวังดีกับเธอแน่หรือ ไม่ใช่จะย่ำยีเธอแบบนายของเขาหรอกนะ แล้วก็เหมือนอีกฝ่ายจะได้ยินความคิดของเธอ บอกต่อเมื่อเห็นเธอยังนิ่งไม่ยอมขยับตัวไปไหน           “ไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาให้สบายตัวสบายใจก่อน ค่อยออกมาคุยกัน ที่นี่เจ้านายไม่นิยมใช้ของรวมกับลูกน้อง อีกอย่างพี่ก็มีเมียแล้ว เมียพี่ดุมากด้วย เกิดมันรู้ว่าพี่ไปแอบนอนกับใคร มันได้เอามีดมาเฉือนของพี่ทิ้งแน่ ๆ”           หากเป็นสถานการณ์ปกติเธอคงหัวเราะออก แต่กระนั้นบุณย์นราก็ยังอุตส่าห์ฝืนยิ้ม แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปด้านใน ตามที่อีกฝ่ายเปิดประตูค้างไว้ให้ ใช้เวลาในการอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ตั้งใจว่าจัดการตัวเองเสร็จไวแค่ไหน ก็จะได้กลับบ้านไวเท่านั้น ส่วนเรื่องเลวร้ายที่ได้พบเจอมา ขอให้มันจบสิ้นไป หรือหากมีใครพอจะยื่นมือช่วยเหลือเธอได้ เธอจะให้ช่วยเอาผิดกับพวกนอกกฎหมายพวกนี้ อย่างน้อยก็ต้องเอาเข้าคุกให้หมดทุกคน      
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD