บุณย์นราถูกฉุดออกมาจากห้องหอในคืนแต่งงาน
ซ้ำยังถูกข่มเหงจากชายโฉดจนย่อยยับ หากแค่นั้นเรียกว่าโชคร้ายแล้ว
การต้องมาเจอชายคนนั้นอีกครั้ง ในสถานะของประธานบริษัท
ที่เธอเพิ่งได้งาน ไม่โชคร้ายยิ่งกว่าหรือ
เพราะทันทีที่เห็นหน้าเธอ เขาก็มีคำสั่ง ให้ไล่เธอออก
แต่กลับยื่นขอเสนออันสุดแสนร้ายกาจเป็นทางเลือก
ราวกับรู้ว่าบุณย์นรากำลังอับจนซึ่งหนทางอยู่
######
“ตำแหน่งที่เธอทำอยู่ ที่นี่ไม่ได้เปิดรับ”
บุณย์นราตากระตุกถี่ยิบขึ้นเหมือนกัน มันมีด้วยหรือ ไม่เปิดรับ แล้วประกาศออกไปแต่แรกทำไมว่ารับคน
“ไม่รับพนักงานตำแหน่งที่ว่า แล้วที่นี่รับตำแหน่งอะไร”
จบคำถามของเธอปุ๊บ เสียงตอบห้วนสั้นก็ดังขึ้น
“แม่บ้าน”
ขุนพลเลิกคิ้วมองนายนิด ๆ ส่วนบุณย์นราก็นิ่งไป อันที่จริงไม่ได้รังเกียจงาน แต่ก็ติดเรื่องวุฒิ เรื่องเงินเดือน เธอมาสมัครงานเพราะอยากได้เงิน แล้วไอ้ที่เรียนมาสี่ปีจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเรียนมาแทบตาย แล้วให้ไปเป็นแม่บ้าน อีกอย่างแม่บ้านก็ไม่มีโอกาสก้าวหน้าเอาเสียเลย
คิดได้อย่างนั้นก็จ้องตาเขานิ่ง ทำอย่างไรดี ตอนนี้เธอจนตรอกแล้ว มีแต่ต้องเดินไปข้างหน้าเท่านั้น แล้วเลยกลั้นใจถามออกไป เสียงอ่อยลงเล็กน้อย
“แม่บ้าน เงินเดือนเท่าไร”
“ห้าหมื่น”
เงินเดือนขนาดนั้น ทำบุณย์นรางันไปราวกับถูกแช่แข็ง
นักรบเห็นอาการของคนตรงหน้า ก็ออกแปลกใจอยู่ไม่น้อย
ไหนขุนพลบอกเพดานเงินพวกเด็กจบใหม่ไว้ที่หมื่นห้าไงวะ นี่เขาให้ตั้งห้าหมื่น ทำไมยายนี่ได้ยินยังทำเฉยอยู่ เลยกระแอมทีหนึ่ง เสริมเสียงแข็ง ๆ ต่ออีกว่า “อาหารที่พักมี ฟรีไวไฟ แต่ต้องอยู่ประจำที่บ้านตลอด ไม่รับแบบไปเช้าเย็นกลับ”
บุณย์นราตัดสินใจได้ตั้งแต่ได้ยินตัวเลขครึ่งแสนนั่นแล้ว อารมณ์เดือดดาลของเธอก็สงบลงเกินครึ่งแล้วด้วย เลยถามเสียงอ่อนกลับไปถึงขอบเขตงาน
“แม่บ้านที่ว่านี่ ต้องทำอะไรบ้าง”
“ทำอาหารกับงานสวนแค่นั้นมั้ง ห้าหมื่นน่ะ” นักรบถามกลับหน้าตาย บุณย์นรามองอย่างคืบแคลงแล้วถามกลับเหมือนกัน
“นั่นสิ แม่บ้านอะไร ทำไมเงินเดือนตั้งห้าหมื่น”
“แม่บ้านที่รับก็คือต้องทำงานในบ้านทั้งหมด รวมถึงงาน...บนเตียง”
นักรบเน้นคำหลังเป็นการเฉพาะ แววตาของเขาก็วาววับขึ้นเล็กน้อยอีกด้วยบุณย์นราเกือบตอบตกลงอยู่แล้ว หากไม่สะดุดกับคำหลังสุดที่หลุดจากปากเขาเข้าเสียก่อน