เขมิกาคิดว่า ถ้ามีเวลาอยู่กับเขาตามลำพัง เธอคงจะสานต่อความสัมพันธ์ได้ไม่ยาก
บัวบุษยาหันไปมองแขกที่เหลืออยู่ทั้งสองคน จาคอบนั่งเงียบไม่ได้พูดอะไร หญิงสาวจะพาญาติผู้น้องไปส่งบ้าน แต่เธอไม่ได้หูหนวกตาบอด ตลอดเวลา เขมิกามักจะส่งสายตาให้จาคอบเสมอ เธอไม่ได้ติดปัญหาหากสองคนนี้จะคลิกกัน แต่ว่าที่นี่คือบ้านของเธอ จะทิ้งให้เขาอยู่กันสองต่อสองได้ยังไง คงจะน่าเกลียดไม่น้อย จะให้คนมาจีบกันในบ้าน คุณหมอสาวแม้จะดูซื่อๆ ใสๆ แต่มองคนออก อ่านใจคนเก่ง เธอรู้ว่าใครคิดอะไร ต้องการอะไร โดยไม่ต้องเอ่ยปากถามเข้าด้วยซ้ำไป
“พี่ว่าเขมไปส่งนาราแทนพี่ได้ไหม พี่จะได้เก็บจานชามอาหารเข้าไปล้างในครัว”
เขมิกาชะงักค้างอึกอักทันที ไม่คิดว่าจะถูกบัวบุษยาปฏิเสธแบบนี้ ปกติ อีกฝ่ายใจดีพูดง่าย ใจดี อะไรก็ได้ เธอเลยกล้าขอให้คุณหมอสาวไปส่งนาราที่บ้าน
“เอ่อ คือว่า เขมอยากช่วยพี่หมอบัวเก็บจานชามมากกว่าค่ะ เกรงใจพี่หมอ ไม่อยากให้ล้างจานคนเดียว กลัวจะเหนื่อย” เขมิกานึกอะไรไม่ออกเลยบอกไปแบบนั้น ทำให้บัวบุษยาอึ้งไปทันที ทว่า เสียงของคนต้นปัญหาก็ดังขึ้นทำให้เรื่องคลี่คลาย
“พี่หมอบัวไม่ต้องไปส่งนาราหรอกค่ะ เขมนั่นแหละไปส่งนาราที่บ้าน” นาราบอกยิ้มๆ ถึงจะเมา แต่เธอก็มองอะไรออก
เขมิกาไม่ทันปฏิเสธ ร่างบอบบางของคนเมาก็ลุกขึ้นยืน เดินมาพยักหน้าจูงมือให้ลุกขึ้น
“ไปส่งนาราหน่อยนะจ๊ะเขมคนสวย นะนะ” สาวหน้าใสที่เวลานี้แก้มแดงปลั่งทำเป็นอ้อน
เขมิกาปฏิเสธไม่ออก เพราะนาราจูงมือให้ลุกขึ้นเดินตาม “เดี๋ยวก่อนสินารา” เขมิการ้องท้วงพยายามแกะมือออก แต่ว่าคนเมาก็จับไว้เหนียวแน่น
“เขมไปส่งนาราเถอะ ทางนี้พี่จัดการเอง”
“ใช่ครับ ผมจะอยู่ช่วยคุณหมอจัดการทางนี้เอง” อดีตเจ้าพ่อมาเฟียหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างพอใจ เข้าทางเขาพอดี มือหนาสอดล้วงกระเป๋า บอกสาวเจ้าที่มองเขาไม่วางตาด้วยรอยยิ้มห่างเหิน
จาคอบมองปราดเดียวก็รู้ว่าเขมิกาสนใจในตัวเขา แต่เขาไม่คิดอะไรกับอีกฝ่ายเลยสักนิดเพราะมีเป้าในใจแล้ว เพราะยิ่งอีกฝ่ายเปิดเผยความในใจออกมาเท่าไร ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าค้นหา เขาเคยชินที่มีผู้หญิงมาเสนอ แต่ปกติถ้าสวยเข้าตา นิสัยเข้ากันได้ จาคอบก็ไม่ค่อยปฏิเสธ เพียงแต่เวลานี้มันต่างจากเมื่อก่อน ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าตนเองก็เริ่มรู้สึกอยากจะมีใครจึงจังขึ้นมาบ้างแล้ว
เขมิกาจำต้องพานาราไปส่งที่บ้านตามมารยาททั้งที่ความจริงไม่อยากไปเลย ขณะที่บัวบุษยาก็จ้องเขม็งไปที่คนตัวสูงที่วันนี้ฮอตเหลือเกิน สองสาวต่างชนแก้วด้วยตลอด จนนาราเมากลับบ้านไป ส่วนจาคอบที่กินเข้าไปราวกับน้ำเปล่า มันทำอะไรเขาไม่ได้เลย
“คุณนี่คอแข็งน่าดู”
“อย่างอื่นผมก็แข็งนะครับคุณหมอ”
คนฟังหน้าซีด อ้าปากค้างด้วยความตกใจ “อะไรแข็งคะ”
“แขน ขา ร่างกายผมแข็งแรง ออกกำลังกายทุกวัน แข็งเกือบทุกส่วน ไม่เชื่อหมอลองจับสิ” มือหนาเอื้อมมาคว้าข้อมือบาง แต่สาวเจ้าสะบัดออกอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วนี่คุณก็กลับบ้านไปได้แล้วค่ะ”
“บ้านผมอยู่แค่นี้จะรีบกลับไปไหน”
“แต่ว่างานเลี้ยงจบแล้ว ฉันต้องการพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องทำงาน” บัวบุษยาบอกแล้วบุ้ยใบ้หน้าไปทางประตูบ้าน “รีบกลับไปได้แล้วค่ะ ฉันจะได้จัดการเคลียร์ของแล้วเข้านอน”
“ผมช่วยดีกว่า คุณหมอจะทำคนเดียวไหวได้ยังไง ช่วยกันกินก็ต้องช่วยกันล้าง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณล้างจานเป็นหรือไง”
“ล้างจาน ผมอาจไม่ถนัด” ที่จริงแล้วเขาไม่เคยล้างเลยต่างหาก “แต่ถ้าคุณสอน ผมคิดว่าคงทำได้ มันคงง่ายกว่ายิงปืน”
บัวบุษยายิ้มแห้งๆ เธอกลัวจานจะแตกหมดก่อนที่เขาจะล้างเป็น
“ฉันว่า ฉันเก็บจานไปล้างคนเดียวปลอดภัยกว่าเยอะ”
คราวนี้ คนฟังเลยยกยิ้ม ดวงตาพราวระยับ ร่างสูงก้าวขาเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวของบัวบุษยา ขณะที่คุณหมอสาวไม่ทันตั้งตัว พอเขาก้าวเข้ามาประชิก็ไม่ทันระวัง ถูกเขายึดเอวบางไว้ เขาเองก็ไม่รู้ทำไม ผ่านผู้หญิงสวยมามากมาย แต่ร่างกายมันไม่เคยร่ำร้องอยากจะตกเป็นของผู้หญิงคนไหนเลยสักครั้ง ยกเว้นสาวในชุดกาวน์ คุณหมอฝังเข็ม ที่เขาอยากจะเข้าไปฝากฝังความรักเอาไว้ในหัวใจเธอ
“มิสเตอร์ออสตินจะทำอะไร” เธอรีบปัดมือเขาออกทันที ขณะที่จาคอบอมยิ้ม เพราะมีแต่บัวบุษยาคนเดียวละมั้งที่ตั้งท่ารังเกียจเขาขนาดนี้
“กลัวอะไรผมนัก” ยิ่งกำราบยาก เขายิ่งชอบ เธอดูมีสีสัน
“ถ้าคุณเป็นฉัน คุณก็คงกลัวไม่ต่างจากฉันหรอก”
อดีตเจ้าพ่อหนุ่ม เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างอารมณ์ดีแล้วเปลี่ยนเรื่อง “ผมว่า เรียกผมว่าจาคอบดีกว่าครับ มันให้ความรู้สึกกันเอง”
“ฉันไม่ได้อยากกันเองกับคุณ”
บัวบุษยาเม้มปากมองเขาด้วยความไม่สบอารมณ์ จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องเก่ง แต่ว่าเธอไม่ลืมเรื่องที่เขาชอบลวนลามหรอกนะ เขาเห็นเธอเป็นอะไรกัน
“ถอยไปเลยนะ เอะอะก็ถึงเนื้อถึงตัวตลอด เห็นฉันใจง่ายหรือไงคะ”
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น ไม่ได้คิดว่าหมอใจง่าย ผมต่างหากที่กำลังจะใจง่าย อยากเป็นผู้ชายของหมอ”
“อะไรนะ พูดอะไรออกมา” บัวบุษยาเลิกคิ้วเมื่อถูกเขารุกหนัก
จาคอบว่าพลางถอนหายใจแรง แต่ท่าทางดื้อดึงของคุณหมอสาวก็ทำให้เขาต้องพูดออกมา เพราะไม่อยากให้เธอมองว่าถือโอกาสอีก แต่อยากให้เธอชัดเจนในจุดประสงค์ของเขาไปเลย
“ผมเคยบอกแล้วว่าอยากจีบเป็นแฟน มาเป็นแฟนกันไหมครับคุณหมอ”
“หมอ กับ มาเฟีย เคมีไม่ตรงกัน” บัวบุษยาบ่ายเบี่ยง
“เรื่องของเคมีสิครับ ผมไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ ผมเป็นมาเฟีย”
“อย่ามาพูดเหลวไหลนะ ฉันไม่ชอบ” บัวบุษยาถลึงตาบอกทั้งที่ใจเต้นแรง
“ไม่ชอบที่ผมเป็นมาเฟีย หรือไม่ชอบเพราะกลัวจะอดใจรักผมไม่ได้”
เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องวูบวาบและประหม่าขนาดนี้ก็ไม่รู้ เธอน่าจะตบเขาสักฉาดข้อหาที่คุกคามอยู่ตลอดเวลา ทั้งคำพูด สายตา มือก็ไวยังกับปลาหมึก แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ทำเพราะกลัวว่าทำแล้วเขาจะตบกลับ
มือหนาของจาคอบอาศัยจังหวะที่บัวบุษยาเอาแต่ครุ่นคิดเชยคางมนขึ้นมาแล้วจ้องตา แต่ว่าคุณหมอสาวก็ปัดมือเขาออก แล้วจ้องกลับด้วยดวงตาวาววับ
“อย่ามาหลอกแต๊ะอั๋ง มีอะไรจะพูดก็รีบพูดมา พูดจบก็รีบกลับไปซะ”
“รู้ตัวไหมครับ คุณหมอหน้าหวานเหมือนชิสุ แต่ดุเหมือนพิตบูล”
“อีตาบ้า ว่าฉันเป็นหมาเหรอ”