12

1443 Words
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่ว่าผมเปรียบเทียบหรือว่าผมพูดผิด เอ อาจเป็นเพราะว่าภาษาไทยผมยังไม่เก่งต้องได้คนสอนอย่างใกล้ชิด จะได้ไม่พูดผิด พูดถูก จริงไหม” “อย่ามาเนียน” “เนียนคืออะไรครับ” บัวบุษยาจ้องตาเขา พยายามหาพิรุธว่าเขาแสร้งพูดเพื่อเอาตัวรอด หรือว่าเขาไม่เก่งภาษาไทยจริงๆ หากแต่ดวงตาสีฟ้าอมเขียวที่มองมาอย่างเปิดเผยทำให้เธอไม่แน่ใจ จนกลืนคำที่จะบริภาษเขาลงไป จาคอบเพิ่งมาเมืองไทยคงจะยังไม่ชินกับการใช้ภาษาไทย แต่เปรียบกับชิสุ พิตบูล มันก็เกินไปหน่อย “งั้นฉันสอนภาษาไทยให้ประโยคนึง เล่นกับหมา หมาเลียปาก” “คืออะไรเหรอครับ” เขาทำเป็นเนียนทั้งที่เข้าใจภาษาไทยดี เพราะจาคอบเองก็สนใจการลงทุนในเมืองไทย ก่อนมาเมืองไทยเขาเรียนภาษาไทยจากครูสอนภาษาแล้วถูกชมว่าหัวไว เรียนรู้เร็วมาก “หมายถึงการที่เราลดตัวเขาไปคุยหรือยุ่งเกี่ยวกับใครแล้วเขาลามปามไงคะ เหมือนตอนนี้ที่คุณกำลังทำอยู่” “เลียปากแบบนี้ใช่ไหมครับ” จาคอบอาศัยความช่ำชองและจังหวะที่คุณหมอคนสวยเปิดปากกำลังจะต่อว่า รั้งเธอเข้ามาแนบชิด จากนั้นกดริมฝีปากร้อนผ่าวบดเบียดบนกลีบปากนุ่ม ส่งปลายลิ้นร้อนเข้าไปสอดแทรกในโพรงปาก ในขณะที่บัวบุษยาไม่ได้ระวังตัว สองมือน้อยพยายามผลักร่างหนาให้ห่างออกจากตัว ดวงตากลมโตเบิกโพลงที่โดนจู่โจมถึงเนื้อถึงตัว ถึงปากแบบนี้! “อื้อ!! คนบ้า!!” สองมือกำเป็นกำปั้นทุบที่อกแกร่ง แต่ไม่มีทีท่าว่าเขาจะสะดุ้งสะเทือน ยังคงใช้ลิ้นซอกซอน กระหวัดเกี่ยวลิ้นน้อยของเธอจนคุณหมอสาวชักจะเคลิบเคลิ้ม ตาหรี่ปรือ หายใจไม่เป็นจังหวะ อาการนี้ทางการแพทย์เองก็ไม่อาจสรุปได้ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่ด้วยความที่เป็นหญิงไทยเรียนรู้ความเป็นกุลสตรีมาตั้งแต่เด็ก รู้ว่าการรักนวลสงวนตัวนั้นสำคัญแค่ไหนบัวบุษยาจึงพยายามขืนความรู้สึกไม่ให้หลงตามเขาไป คุณหมอสาวรวบรวมสติแล้วใช้แรงที่มีทั้งหมดผลักร่างหนาให้ผละออก จาคอบที่ย่ามใจว่าทำให้สาวเจ้าเคลิ้มไปกับรสจุมพิตละมุนแต่เร่าร้อนแล้วจึงผ่อนแรงเกาะกุมลง ทำให้ถูกผลักออกห่างอย่างงงๆ บัวบุษยายกหลังมือขึ้นปาดเช็ดริมฝีปากนุ่มที่คนตัวสูงรู้ว่ามันหวานแค่ไหน “ทำไม” เขาถาม “ถ้าคุณทำกับฉันแบบนี้อีก ฉันจะไม่ดูแลเคสคุณอีก” เธอจ้องหน้าเขาเขม็งเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ทำเอามาเฟียหนุ่มลอบถอนใจปกติเขาจูบใครเจ้าหล่อนมีแต่จะติดใจและร้องขอ ไม่ใช่ผลักเขาเหมือนรังเกียจ “คุณทำกับฉันแบบนี้ทำไม” เสียงเธอแข็ง ตาวาวเหมือนแม่เสือเลยทีเดียว จาคอบสะอึกไปนิดไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรเพื่ออธิบาย เขาเองก็ยังพูดไม่ถูก จู่ความรู้สึกอยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของคุณหมอคนสวยมันก็พุ่งตรงมาอย่างจัง แม้แต่เขายังตั้งตัวไม่ทัน ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยก็มักชอบให้ผู้ชายเอ่ยว่ารักตัวเองทั้งนั้น แต่ด้วยระยะเวลาอันสั้นกับผู้หญิงตรงหน้า เธอคงตะโกนใส่หน้าว่าไม่เชื่อ งั้นพูดมันตรงๆ เลยละกัน “ก็...ผมชอบหมอ ตั้งแต่แรกเห็นหน้าก็อยากได้มาเป็นแฟนเลย” แถมโปรยยิ้มทรงเสน่ห์หวานฉ่ำให้อีก เอาจริงๆ อยากได้เป็นเมียแต่กลัวคุณหมอจะตกใจ คุณหมอสาวอึ้งไปเกือบสิบวินาที “แฟนกับรถยนต์มันไม่เหมือนกันนะคุณ เห็นปุ๊บอยากได้ปั๊บ ฉันพยายามอดทนกับคุณมาตลอด เพราะถือว่าเป็นคนไข้ของฉัน แต่ถ้ายังไม่เลิกพูดจาแบบนี้อีก เตรียมหาหมอใหม่ด้วยฉันจะไม่ทน คนอย่างคุณนี่ไม่น่าไว้ใจ ไม่น่าให้เข้าบ้านจริงๆ” จาคอบเลิกคิ้ว “ผมไม่น่าไว้ใจยังไง แล้วทำไมผมจะตกหลุมรักคุณหมอไม่ได้” “ยังกล้าถามอีก ก็คุณชอบหลอกลวนลามฉัน และยังโปรยเสน่ห์ใส่เพื่อนบ้านของฉัน จนเขาไม่อยากกลับบ้านเลยน่ะสิ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ แต่มาพูดปาวๆ ว่าอยากได้ฉันเป็นแฟน” บัวบุษยาอดจะต่อว่าและเหน็บแนมไปพร้อมกันในคราวเดียวไม่ได้ ทำไมเธอจะไม่เห็น เขาทำสนิทสนมกับเธอแต่ก็ยิ้มหวานฉ่ำให้เขมิกาตลอด จะด้วยตั้งใจหรือบุคลิกของเขาเป็นแบบนั้นก็เถอะ แต่ว่าเธอจะหงุดหงิดทำไมก็ไม่รู้ ทั้งที่มันก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเธอสักนิด ตอนนี้ เธอสับสนตัวเองไปหมด ไม่พอใจเขา ไม่อยากให้เข้าใกล้ ไม่อยากให้มือไวใส่ แต่จะว่าไปก็ไม่ชอบให้เขาทำตัวสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่น “นี่คุณหมอสังเกตผมกับคุณเขมิกาตลอดเลยเหรอ อย่าบอกนะว่าที่คุณหมอแอบมองผมตลอดเวลา ที่จริงคุณหมอก็หึงผม” “ใครแอบมอง อย่าหลงตัวเอง ฉันไม่ได้สังเกตและไม่ได้ชอบคุณสักนิด แต่มันเห็นเองต่างหาก” หญิงสาวเมินหน้าหนี “ผมไม่ได้หลงตัวเอง แต่ที่คุณพูดมาทำให้ผมคิดว่าคุณแอบชอบผมอยู่เหมือนกัน เพราะจะว่าไปผมว่าผมก็หล่อ ได้อยู่นะ เรื่องรวยมันแน่อยู่แล้ว และถ้ารู้จักกันลึกๆ นิสัยก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่ มันก็ไม่เห็นเป็นอะไรที่หมอจะมีแฟนเป็นหัวหน้ามาเฟีย จะได้ไม่มีใครกล้ารังแก” “ทุกวันนี้ ฉันก็ไม่เคยถูกใครรังแกนอกจากคุณ” จาคอบอมยิ้ม “ผมมีข้อดีอีกข้ออยากจะนำเสนอ เพราะถ้าไม่บอกหมออาจดูไม่ออก ภายนอกผมหยิ่งๆ แต่ถ้าใครได้มาเป็นแฟนตัวจริง คนอย่างผมเอาใจเก่งมาก จนหมออาจจะไม่เชื่อก็ได้ แล้วทีนี้อยากให้ผมเอาใจบ้างไหมครับหมอ” เขาแกล้งยียวนใส่เธอวนไปวนมาก็คือจะชวนเป็นแฟน พอเห็นเธอมองอย่างกลัวๆ ทำท่าทางกระฟัดกระเฟียด ชายหนุ่มก็ยิ่งชอบ “รู้ตัวไหม ท่าโกรธของคุณหมอน่ารักเป็นบ้า คนอะไรทำหน้าตาปกติก็สวยหวานเหมือนนางฟ้า ทำหน้าดุก็เซ็กซี่น่ามอง” บัวบุษยากำมือแน่น ไม่อยากให้เขาได้ใจ เลยเหยียดยิ้มบอก “ไม่ต้องมาอ่อย ไม่ต้องมาคอยสปอยล์โปรโมชันว่าเอาใจเก่ง หล่อกว่าคุณ ฉันก็เจอมาเยอะแล้ว หมอหล่อๆ คนไข้ต่างชาติที่เป็นนายแบบก็มารักษากับฉันบ่อยจะตายไป คุณน่ะไม่ได้หล่อสักเท่าไหร่หรอกในสายตาฉัน” ที่พูดไปน่ะ โกหกทั้งเพ บัวบุษยาคิดต่อในใจ เพราะตั้งแต่เจอผู้ชายมาจนป่านนี้ จาคอบนั้นดูหล่อ เท่ ทำให้เธอเผลอมองไม่รู้กี่ครั้ง “ตอนผมไปโรงพยาบาล ไม่เห็นจะมีหมอหล่อๆ สักคน มีแต่หมอหน้าจืด อย่าสร้างเรื่องโกหกผมเลย ส่วนนายแบบที่มารักษากับคุณ ก็คงจะมีแต่ผอมบางเก้งก้าง ไม่กำยำ ซิกซ์แพ็กจัดเต็มแบบผมหรอก ไม่งั้น หมอคงไม่มือสั่นตอนฝังเข็มให้ผม ผมว่าคุณหมอน่าจะชอบหุ่นล่ำๆ แบบผมมากกว่าหุ่นแบบหมอตี๋ หรือพวกนายแบบขี้ก้าง ตอนฝังเข็ม ผมเห็นคุณหมอแอบกลืนน้ำลายหลายครั้ง ผมพูดถูกไหม” บัวบุษยาอ้าปากค้างด้วยความโกรธปนอาย “ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย ให้ตายเถอะ เขาสังเกตเธอขนาดนั้นเชียว รู้ด้วยว่าเธอแอบกลืนน้ำลาย “ฉันกลืนน้ำลายเพราะคอแห้งหิวน้ำ” “ให้ตาย ผมก็ไม่เชื่อ” “งั้นเชิญกลับไปได้แล้ว ฉันไม่อยากคุยด้วย” บัวบุษยาจะหมุนตัวกลับเข้าบ้าน แต่ว่าคนตัวโตก็เดินมาขวางหน้าเอาไว้ “พรุ่งนี้ คุณหมอไปไหนหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ไปไหนผมชวนไปเดตได้ไหม” “เดต?” “ใช่ หรือว่าคุณหมอไม่เคยเดต” บัวบุษยารู้สึกหัวหมุนติ้วไปหมด เขากำลังตามจีบหรือกำลังทำให้เธอประสาทกินกันแน่นะ “ฉันเคยเดตมาแล้ว เดตกับแฟน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD