บัวบุษยาประหลาดใจ สองวันนี้ ชีวิตเล่นตลก ทำให้เธอต้องเจอคนกวนประสาทติดๆ วันแรกเจอกันหมอนั่นก็แอบจับบั้นท้ายเธออ้างว่ากลัวเข็ม แต่วันนี้หนักกว่าเมื่อวาน
บัวบุษยาหัวใจกระตุก ยกมือขึ้นลูบแก้ม “คนบ้า อย่าให้เจออีกนะ จะฝังเข็มให้พูดไม่ได้ แขนขาอ่อนแรง ไม่รู้จักหมอบัวซะแล้ว” เธอก็พูดไปแบบนั้นด้วยจรรยาบรรณแพทย์ ถึงจะโกรธ โมโห ไม่ชอบใจ หมอไม่มีสิทธิ์ทำร้ายคนไข้
ที่สำคัญอาการของเขายังต้องฝังเข็มอีกหลายครั้ง อาทิตย์หน้า เขาเองก็ต้องมาฝังเข็มครั้งที่สอง ไม่รู้ว่าเจอกันครั้งหน้า เธอจะวางหน้ายังไง
“เกลียด เกลียดนาย ไอ้คนบ้า”
ร่างสวย สูงประมาณร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร เกล้าผมสูง เผยให้เห็นวงหน้ารูปไข่ สวย หวาน เดินมาหยุดข้างหลังหมอบัว พอเห็นอาการที่พี่หมอคนสวยยืนบ่นคนเดียว ‘นารา’ ก็กะพริบตาถี่ๆ เธอกับหมอบัวเป็นทั้งลูกพี่ลูกน้องกัน หมอบัวแก่กว่าเธอสองปี เรียนจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่คนละคณะ นาราจบนิเทศศาสตร์ หลังเรียนจบไม่ได้ทำงานเบื้องหลังในวงการบันเทิงอย่างที่ปรารถนา แต่ชีวิตหันเหไปทำงานเป็นมัคคุเทศก์
“เกลียดใครคะพี่หมอ”
เสียงทักทายอันคุ้นเคยทำให้บัวบุษยาหันหลังกลับมามอง คนที่ยืนส่งยิ้มน่ารักมาให้คือเพื่อนกินหมูกระทะในวันนี้ที่นัดหมายกันไว้
“มาแล้วเหรอนารา”
“พี่หมอยืนบ่นอะไรคะ เมื่อกี้ นาราได้ยินว่า เกลียด เกลียด ไอ้คนบ้า พี่หมอว่าใคร” เพราะสาวฟรีแลนซ์ที่ตอนนี้กำลังกระเป๋าแบนเนื่องจากตกงานมาเกือบสามเดือนมองไปรอบๆ ตัวก็ไม่เห็นมีใครสักคน
บัวบุษยามองคนหน้าใสตรงหน้าและขมวดคิ้ว “พวกมาเฟีย นิสัยไม่ดีน่ะ”
นารายิ้มนิดๆ “สมัยนี้ยังมีอยู่อีกเหรอคะพวกมาเฟีย แต่นาราชอบนะ เคยอ่านในนิยาย พวกทรงโจร แต่โดนใจ”
“แต่พี่หมอไม่โดนใจ แต่โดนจับก้น” นึกถึงเรื่องนี้แล้วก็หน้าแดงไปหมด ไม่กล้าพูดต่อว่าเมื่อครู่โดนหอมแก้มด้วย
นาราฟังแล้วหน้าซีดรวบรวมสติถาม “จริงเหรอคะ แล้วพี่หมอไปข้องเกี่ยวกับคนพวกนี้ยังไง” เพราะเท่าที่เธอรู้จักพี่หมอบัว รายนี้ ชีวิตมีอยู่สองอย่างหลักๆ ไปโรงพยาบาลกับออกกำลังกายในสวนสาธารณะ
“หมอนั่นเป็นคนไข้ที่ท่านผู้อำนวยการฝากให้พี่ดูแล เอาเถอะ อย่าไปพูดถึงคนแบบนั้นเลย เดี๋ยวกินหมูกระทะไม่อร่อย”
“วันนี้ พี่หมอกินหมูกระทะอร่อยแน่ค่ะ”
บัวบุษยายิ้มแป้น “อย่าบอกนะว่านาราถูกหวย พี่หมอจะได้จัดชุดใหญ่” เธอก็แค่หยอกๆ เพราะเห็นใจเพื่อนรุ่นน้องที่ตอนนี้อาชีพฟรีแลนซ์กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก ยังไงก็คงต้องขอเป็นฝ่ายเลี้ยงเอง
“ก็วันนี้สิคะ คุณนายทองอยู่ หาคนมาเช่าบ้านอีกหลังได้แล้ว ราคาดีด้วย ก็เลยเป็นผลบุญในความอารมณ์ดี คุณนายทองอยู่เลยโอนมาให้กินขนมแสนนึง นาราเลยคิดว่าจะเลี้ยงหมูกระทะพี่หมอ เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ตกงาน พี่หมอเลี้ยงนาราตลอดเลย”
“บ้านหลังนั้นมีคนเช่าแล้วเหรอ”
“ใช่แล้วค่ะ เห็นคุณแม่บอกว่าคนมาเช่าใจดีมาก เขาถูกใจจนจ่ายราคาเกินจากค่าเช่า แล้วบอกว่าอยากจะซื้อเลย แต่เป็นชาวต่างชาติ คงต้องไปหาเมียไทยก่อน” พูดจบสาวน้อยก็หัวเราะคิกๆ เธอไม่ได้ไปทำสัญญาด้วย เพราะเมื่อวานต้องพาแมวไปหาหมอและฉีดวัคซีน “นาราได้ยินแม่พูดว่า คนที่มาเช่าหน้าตาดีมาก แต่เขาไม่ค่อยยิ้ม ดูดุไปหน่อย”
บัวบุษยารู้จักบ้านหลังนั้นดี เพราะบ้านที่นาราพูดถึงคือบ้านที่อยู่ติดกับบ้านของเธอ เป็นบ้านหลังแรกของพ่อและแม่ของนาราซึ่งเป็นเศรษฐีทางภาคเหนือมาซื้อเอาไว้ พอพ่อของนาราเสีย คุณป้าทองอยู่ มารดาของนาราคงคิดว่าบ้านหลังนี้ใหญ่เกินไปสำหรับการอยู่สองคน เนื่องจากนาราเองก็ต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลา สองแม่ลูกจึงซื้อบ้านที่มีขนาดเล็กกว่าที่ถัดจากบ้านหลังเดิมไปอีกสองซอยติดทะเลสาบและสวนสาธารณะของหมู่บ้านเช่นกัน
“หวังว่าเพื่อนบ้านใหม่ของพี่จะนิสัยดีนะ ไม่ใช่ดีแค่หน้าตา”
สองสาวเดินไปคุยไป จากนั้น บัวบุษยารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพากันไปที่ร้านหมูกระทะชื่อดังในละแวกนี้ สาวหุ่นบางทั้งคู่แต่เวลากินหมูกระทะเหมือนมีนางยักษ์เข้ามาสิงร่าง
1 สัปดาห์ถัดมา
หลายวันถัดมาที่จาคอบย้ายมาอยู่บ้านใหม่ เขากำลังวุ่นวายเกี่ยวกับเอกสารหลายอย่างเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ว่า อลันเป็นปู่ของน้องปลาวาฬรวมทั้งกระบวนการพิจารณาของศาล
โชคดีทีผู้ให้เช่าคุยง่าย เขาขอเปลี่ยนกระจกในบ้านเป็นกระจกกันกระสุนทุกบาน เจ้าของบ้านประหลาดใจ เกรงว่าเขาจะมีคู่อริที่ไหน แต่จาคอบก็เกลี้ยกล่อมให้สองแม่ลูกอนุญาต
หลังจากเจ้าของบ้านไปแล้วเขาคุยเรื่องหลานกับบิดาอยู่ครู่หนึ่ง การสนทนาจบลงเมื่อบิดาของเขาอยากเข้าบ้านไปพัก
จาคอบก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อเขาได้ยินลูกน้องพูดว่า
“เอวา กูว่าสาวที่วิ่งอยู่ในสวนสาธารณะดูไปดูมาเหมือนหมอฝังเข็มของเจ้านาย”
หูของจาคอบไม่ได้ฟังการสนทนา เพราะสายตาคู่คมกำลังจ้องมองร่างระหงที่กำลังวิ่งเหยาะๆ อยู่บริเวณที่สวนหย่อม
“กูก็ว่าใช่ ไซซ์ใกล้เคียงแฟนกูมาก” จาคอบยิ้มพรายอย่างอารมณ์ดีแล้วขยับกายถอดเสื้อสูทโยนให้ลูกน้องรับไป
ส่วนสองหนุ่มบอดีการ์ดยืนงง ไม่รู้ว่าเจ้านายหนุ่มไปเป็นแฟนกับหมอสาวตอนไหน ดูท่าจะทึกทักเอาเอง
สวนหย่อมขนาดใหญ่รายล้อมไปด้วยแมกไม้นานาพรรณมีต้นไม้ ดอกไม้ที่เขาไม่รู้จักชื่อ มีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง รอบๆ ทำเป็นทางให้ลูกบ้านได้วิ่งออกกำลังกายรวมทั้งปั่นจักรยาน เขาชอบบ้านหลังนี้ตรงจุดนี้ด้วย เพราะอยู่ติดกับสวนหย่อม มองออกไปแล้วก็ให้สบายตา แต่จะสบายใจมากกว่านี้ถ้าสิ่งที่เขาคิดเป็นจริง
จาคอบตกลงกับคนในสายอย่างรีบเร่งไม่ได้ซักถามเรื่องจะขอซื้อต่ออีก เพราะกลัวว่าร่างระหงที่กำลังวิ่งเหยาะๆ อยู่นั้นจะไปไกลสายตา
“เจ้านายจะไปไหนครับ”
“เรื่องของกู กูโตแล้ว ต้องรายงานมึงไหมนี่” จากนั้นก็ส่งสัญญาณว่าเขาไม่ต้องการการอารักขา
ถ้าพูดเล่นแบบนี้ แสดงว่าเจ้านายกำลังอารมณ์ดีมาก หากเงียบขรึมไม่พูดไม่ตอบนั่นละคือสิ่งที่น่ากลัว
บอดีการ์ดคนสนิทที่ถามขึ้นเมื่อครู่ พลางก้าวขาตามฉับๆ เพราะจู่ๆ เจ้านายก็หุนหันเดินมุ่งหน้าไปโดยไม่บอกกล่าวว่าจะไปทำอะไร แต่พอมองไปที่อีกฝั่งของสวน พวกเขาก็เข้าใจ
“พวกมึงว่างก็ไปดูต้นไม้ ไม่ต้องตามไปให้เกะกะ รออยู่ที่บ้านนี่แหละ แล้วจัดการเรื่องเฟอร์นิเจอร์ใหม่ที่จะมาส่งด้วย บ้านสวย วิวดี เพื่อนบ้านถูกใจ ตัดสินใจไม่ผิดเลยที่เลือกที่นี่ กูจะเอาบ้านหลังนี้โว้ย เพราะกูจะหาเมียชาวไทยได้เร็วๆ นี้”
เขามองไปที่ภาพสาวสวยวิ่งเหยาะๆ ห่างออกไปทุกที แค่เห็นบั้นท้ายเธอในระยะไกลก็จำได้แล้ว