7

1284 Words
“คนอะไร แค่วิ่งเฉยๆ ก็น่ารัก” บัวบุษยาวิ่งเหยาะๆ มาเกือบสามสิบนาทีแล้ว ดังนั้นจึงเริ่มผ่อนแรงลงเพื่อไม่ให้หักโหมจนเกินไป ในเวลาเย็นๆ แบบนี้จะมีลูกบ้านจับลูกจูงหลานออกมาเดินเล่น บางคนก็เดินออกกำลังกาย บางคนก็วิ่ง แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ทว่า คนที่วิ่งสวนทางกับเธอไปเมื่อครู่ทำให้บัวบุษยาต้องเหลียวไปมอง เพราะร่างกายกำยำที่สูงกว่าชายไทยจนเรียกสายตาสนใจจากเธอได้ และยังมีใบหน้าหล่อเหลาที่แสนจะคุ้นตา เมื่อเธอหันกลับไปมองก็เห็นแต่ความว่างเปล่า คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ไม่รู้เขาหายไปไหน บัวบุษยากำลังตกใจว่าเธอตาฝาดไปหรือเปล่า แต่ไม่น่าจะใช่ เมื่อหมุนตัวกลับมาอีกทีก็พบว่ามีร่างของคนที่เธอมองหาอยู่มายืนอยู่ตรงหน้า “คุณ” บัวบุษยาอุทานออกมา เบิกกว้าง “มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง” “คุณหมอกำลังมองหาใครอยู่หรือครับ” คนหล่อถามยิ้มๆ บัวบุษยารู้ว่าเขากำลังยียวนเธอ เพราะดวงตาเขาฉายแวววิบวับ ต้องรู้ว่าเธอมองหาเขาอยู่แน่ “ฉันไม่ได้มองหาใคร” เธอรีบปฏิเสธทำหน้าไม่รู่ไม่ชี้แต่ทำให้จาคอบยกยิ้มมุมปาก “แล้วทำไมต้องตกใจที่เห็นผมด้วย” “ฉันแปลกใจว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าคุณตามฉันมา” ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้บัวบุษยายิ่งนึกกลัว ดวงตาคู่หวานเบิกกว้าง เขาไม่ใช่คนไทย ไม่ได้พักที่นี่ ดังนั้น การที่เขามาวิ่งในหมู่บ้านจึงเป็นเรื่องแปลกมาก “คุณไปสืบประวัติฉันจนหาที่อยู่เจอใช่ไหม นี่คุณต้องการอะไร” บัวบุษยาถามพร้อมกับจ้องเขม็ง เธอเริ่มไม่ไว้ใจเขาแล้ว จาคอบขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ “คุณคิดว่าผมสะกดรอยตามคุณมางั้นเหรอ” “ก็ใช่น่ะสิ ไม่งั้น คุณจะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ถ้าไม่ตามฉันมา” จาคอบได้ฟังก็หัวเราะลั่นทันที ยิ่งสร้างความโมโหให้กับคนมอง “คุณหมอคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยหรือเปล่า” จาคอบแกล้งยียวน ทั้งที่ความจริง เขารีบไปหยิบชุดวิ่งที่ติดหลังรถไว้เสมอเข้าไปเปลี่ยนในบ้านแล้วรีบตามเธอออกมา “หรือว่าไม่จริงที่คุณตามฉันมาที่นี่ ฉันเริ่มไม่ไว้ใจคุณแล้วนะมิสเตอร์ออสติน” “ผมว่าคุณหมอฝังเข็มมากไป ทำงานหนักไปแล้ว ควรไปพบจิตแพทย์” “นี่คุณว่าฉันบ้าเหรอ” “เปล่า ผมไม่ได้ว่าคุณบ้า รู้ไหมครับคุณหมอ...” เขาก้มหน้ามาใกล้ จนบัวบุษยารีบถอยหลังกรูด “ถึงผมจะเคยมีประวัติไม่ดีมาบ้าง แต่ไม่ใช่คนร้ายโรคจิตที่ไปตามสืบประวัติใครแล้วตามเขาไปถึงบ้าน ผมบอกแล้วว่าผมเป็นนักธุรกิจ เพียงแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นธุรกิจสีดำ พักหลังเปลี่ยนมาทำธุรกิจสีเทา แต่เวลานี้อยากวางมือมาทำธุรกิจสีขาว “ผมเองก็มีงานต้องทำเยอะแยะไม่ได้มีเวลาว่างที่จะไปตามใคร” เพราะเขามีใบนัดพบแพทย์ที่ใจจดใจจ่อรอจะจิ้มหมอ ไม่ใช่สิ รอให้หมอเอาเข็มจิ้มเขา ที่ผ่านมาเลยรีบไปเคลียร์ปัญหาและงานที่ค้างคา “ผมลืมบอกปกติมีแต่สาวๆ วิ่งตามผม แล้วทำไมคุณหมอถึงคิดว่าผมจะต้องตามคุณหมอด้วย หรือว่ามั่นใจว่าตัวเองสวย หรือเดาเอาเองว่าผมกำลังจีบหมอ” ท้ายประโยค เขาลดเสียงต่ำลง ดวงตากรุ้มกริ่มมองอย่างคาดคั้น “ฉัน เอ่อ...ฉันไม่เคยเห็นคุณที่นี่มาก่อน แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ไม่ทราบ” เธอถามกลับ อยู่ที่นี่มาหกปีแล้วไม่เคยเจอจาคอบมาก่อน แล้วจะไม่ให้แปลกใจได้ยังไงในเมื่อเห็นเขาปรากฏตัวที่นี่ “ผมมาทำธุระแต่ว่าทำเสร็จแล้ว” “ธุระอะไรไม่ทราบ” “มีผู้หญิงอยู่สองประเภทที่ผมยอมให้ซักไซ้ได้ทุกเรื่อง ทุกซอก ทุกมุม หนึ่งคือแม่ สองคือเมีย คุณเป็นแม่ผมไม่ได้ เพราะฉะนั้นเป็นเมียผมก่อน แล้วผมจะบอก” “อีตาบ้า โรคจิต ฉันไม่อยากรู้เรื่องของคุณแล้ว จะมาทำอะไรที่นี่ก็เรื่องของคุณเถอะ” จาคอบหัวเราะกับท่าทางกระฟัดกระเฟียดหันหลังหนีของคนตัวเล็ก บัวบุษยาเดินหน้างอจากไป แต่เขากลับเดินตามมาขวางหน้าไว้ “เดี๋ยวก่อนสิคุณหมอ” “อะไรอีกคะ” “ผมอยากเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อจะได้ไหม” “ฉันไม่กินข้าวกับคนแปลกหน้า” เธอเชิดหน้าหนี “คุณเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นหรือไง ทั้งที่ผมคุยด้วยดีๆ อยากมีเพื่อนบ้าน” “เพื่อนบ้าน? หมายความว่ายังไง” จาคอบยังไม่ทันตอบ แต่รถคันหนึ่งที่ชะลอจอดใกล้ๆ ตรงจุดที่ทั้งคู่ยืนคุยกันอยู่กระจกไฟฟ้าถูกกดลง เจ้าของรถเอ่ยเสียงใสออกมา “พี่หมอ” “นารา” นาราส่งยิ้มให้บัวบุษยาก่อนที่จะหันไปส่งยิ้มกว้างให้ใครอีกคน “มิสเตอร์ออสติน มาทำอะไรที่นี่คะ แล้วนี่พี่หมอรู้จักกับมิสเตอร์ออสตินด้วยเหรอ” “เอ่อ” บัวบุษยาอ้ำอึ้งไป จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะเมื่อครู่เธอยืนคุยกับเขา และอีกอย่าง เขาก็เป็นคนไข้ของเธอด้วย ท่าทางอึกอักเลยทำให้จาคอบเอ่ยแทน “ผมเป็นคนไข้ของคุณหมอน่ะครับ” นาราพยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยต่อรวดเร็ว “มิสเตอร์ออสตินคะ นาราขอไปดูตู้ไปรษณีย์หน่อยนะคะ เพื่อนสมัยเรียนมัธยมของนาราเขาเขาส่งพัสดุมาที่บ้านหลังเดิมเลยต้องขับรถมาดูเอง” “ได้สิครับ เชิญเลย” “ตกลงเขาคือคนเช่าบ้านของคุณป้าทองอยู่เหรอนารา” บัวบุษยาถามญาติผู้น้อง “ใช่จ้ะ มิสเตอร์ออสตินคือคนเช่าบ้านของนาราที่นาราบอกพี่หมอไปไงคะ มีอะไรก็ช่วยแนะนำเขาด้วยนะคะ เพื่อนบ้านกัน” บัวบุษยามองไปทางคนตัวโตที่ถูกฝากให้เธอดูแล ดวงตาคู่สวยกลอกไปมาขณะที่จาคอบเลิกคิ้วกวนๆ “พี่ว่าเขาคงดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ลูกน้องเขาก็ออกจะเยอะแยะ กลัวแต่ว่าเขาจะไปทำความวุ่นวายให้คนอื่นมากกว่า” “อะไรนะคะพี่หมอ” “ไม่มีอะไรจ้ะ ว่าแต่นัดกินข้าวพรุ่งนี้ นาราอยากกินอะไร พี่จะได้เตรียมของสดไว้รอ” บัวบุษยาเสนอจะเลี้ยงอาหารอีกฝ่ายเพื่อเป็นการปลอบใจที่เมื่อวันก่อน นาราบอกว่าบริษัททัวร์ของเธอปิดตัวไปแล้ว โชคดีที่บิดาของนาราทิ้งทรัพย์สินไว้ให้พอควรสองแม่ลูกจึงไม่ได้ลำบากอะไรมากนัก “นาราว่าเราทำปิ้งย่างดีไหม เอาพวกซีฟู้ด นาราเตรียมกุ้ง หอย ปูปลามาเอง” “ได้ งั้นพี่ทำสลัดผัก น้ำจิ้ม และขนมไว้รอนะ” “ดีเลยค่ะ พี่หมอทำน้ำจิ้มแซ่บเว่อร์ ขัดกับหน้ามาก” นาราตอบพลางสูดปาก แล้วรับแล้วหันไปหาใครอีกคน “มิสเตอร์ออสตินคะ มาทานอาหารด้วนกันไหมคะ บ้านของพี่หมอบัวอยู่ติดกับบ้านที่คุณเช่าจากนารานั่นละค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD