“คนอะไร แค่วิ่งเฉยๆ ก็น่ารัก”
บัวบุษยาวิ่งเหยาะๆ มาเกือบสามสิบนาทีแล้ว ดังนั้นจึงเริ่มผ่อนแรงลงเพื่อไม่ให้หักโหมจนเกินไป ในเวลาเย็นๆ แบบนี้จะมีลูกบ้านจับลูกจูงหลานออกมาเดินเล่น บางคนก็เดินออกกำลังกาย บางคนก็วิ่ง แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน
ทว่า คนที่วิ่งสวนทางกับเธอไปเมื่อครู่ทำให้บัวบุษยาต้องเหลียวไปมอง เพราะร่างกายกำยำที่สูงกว่าชายไทยจนเรียกสายตาสนใจจากเธอได้ และยังมีใบหน้าหล่อเหลาที่แสนจะคุ้นตา
เมื่อเธอหันกลับไปมองก็เห็นแต่ความว่างเปล่า คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ไม่รู้เขาหายไปไหน
บัวบุษยากำลังตกใจว่าเธอตาฝาดไปหรือเปล่า แต่ไม่น่าจะใช่ เมื่อหมุนตัวกลับมาอีกทีก็พบว่ามีร่างของคนที่เธอมองหาอยู่มายืนอยู่ตรงหน้า
“คุณ” บัวบุษยาอุทานออกมา เบิกกว้าง “มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”
“คุณหมอกำลังมองหาใครอยู่หรือครับ” คนหล่อถามยิ้มๆ
บัวบุษยารู้ว่าเขากำลังยียวนเธอ เพราะดวงตาเขาฉายแวววิบวับ ต้องรู้ว่าเธอมองหาเขาอยู่แน่
“ฉันไม่ได้มองหาใคร” เธอรีบปฏิเสธทำหน้าไม่รู่ไม่ชี้แต่ทำให้จาคอบยกยิ้มมุมปาก
“แล้วทำไมต้องตกใจที่เห็นผมด้วย”
“ฉันแปลกใจว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าคุณตามฉันมา” ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้บัวบุษยายิ่งนึกกลัว ดวงตาคู่หวานเบิกกว้าง เขาไม่ใช่คนไทย ไม่ได้พักที่นี่ ดังนั้น การที่เขามาวิ่งในหมู่บ้านจึงเป็นเรื่องแปลกมาก
“คุณไปสืบประวัติฉันจนหาที่อยู่เจอใช่ไหม นี่คุณต้องการอะไร” บัวบุษยาถามพร้อมกับจ้องเขม็ง เธอเริ่มไม่ไว้ใจเขาแล้ว
จาคอบขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ “คุณคิดว่าผมสะกดรอยตามคุณมางั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่งั้น คุณจะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ถ้าไม่ตามฉันมา”
จาคอบได้ฟังก็หัวเราะลั่นทันที ยิ่งสร้างความโมโหให้กับคนมอง “คุณหมอคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยหรือเปล่า”
จาคอบแกล้งยียวน ทั้งที่ความจริง เขารีบไปหยิบชุดวิ่งที่ติดหลังรถไว้เสมอเข้าไปเปลี่ยนในบ้านแล้วรีบตามเธอออกมา
“หรือว่าไม่จริงที่คุณตามฉันมาที่นี่ ฉันเริ่มไม่ไว้ใจคุณแล้วนะมิสเตอร์ออสติน”
“ผมว่าคุณหมอฝังเข็มมากไป ทำงานหนักไปแล้ว ควรไปพบจิตแพทย์”
“นี่คุณว่าฉันบ้าเหรอ”
“เปล่า ผมไม่ได้ว่าคุณบ้า รู้ไหมครับคุณหมอ...” เขาก้มหน้ามาใกล้ จนบัวบุษยารีบถอยหลังกรูด “ถึงผมจะเคยมีประวัติไม่ดีมาบ้าง แต่ไม่ใช่คนร้ายโรคจิตที่ไปตามสืบประวัติใครแล้วตามเขาไปถึงบ้าน ผมบอกแล้วว่าผมเป็นนักธุรกิจ เพียงแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นธุรกิจสีดำ พักหลังเปลี่ยนมาทำธุรกิจสีเทา แต่เวลานี้อยากวางมือมาทำธุรกิจสีขาว
“ผมเองก็มีงานต้องทำเยอะแยะไม่ได้มีเวลาว่างที่จะไปตามใคร” เพราะเขามีใบนัดพบแพทย์ที่ใจจดใจจ่อรอจะจิ้มหมอ ไม่ใช่สิ รอให้หมอเอาเข็มจิ้มเขา ที่ผ่านมาเลยรีบไปเคลียร์ปัญหาและงานที่ค้างคา
“ผมลืมบอกปกติมีแต่สาวๆ วิ่งตามผม แล้วทำไมคุณหมอถึงคิดว่าผมจะต้องตามคุณหมอด้วย หรือว่ามั่นใจว่าตัวเองสวย หรือเดาเอาเองว่าผมกำลังจีบหมอ” ท้ายประโยค เขาลดเสียงต่ำลง ดวงตากรุ้มกริ่มมองอย่างคาดคั้น
“ฉัน เอ่อ...ฉันไม่เคยเห็นคุณที่นี่มาก่อน แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ไม่ทราบ” เธอถามกลับ อยู่ที่นี่มาหกปีแล้วไม่เคยเจอจาคอบมาก่อน แล้วจะไม่ให้แปลกใจได้ยังไงในเมื่อเห็นเขาปรากฏตัวที่นี่
“ผมมาทำธุระแต่ว่าทำเสร็จแล้ว”
“ธุระอะไรไม่ทราบ”
“มีผู้หญิงอยู่สองประเภทที่ผมยอมให้ซักไซ้ได้ทุกเรื่อง ทุกซอก ทุกมุม หนึ่งคือแม่ สองคือเมีย คุณเป็นแม่ผมไม่ได้ เพราะฉะนั้นเป็นเมียผมก่อน แล้วผมจะบอก”
“อีตาบ้า โรคจิต ฉันไม่อยากรู้เรื่องของคุณแล้ว จะมาทำอะไรที่นี่ก็เรื่องของคุณเถอะ”
จาคอบหัวเราะกับท่าทางกระฟัดกระเฟียดหันหลังหนีของคนตัวเล็ก บัวบุษยาเดินหน้างอจากไป แต่เขากลับเดินตามมาขวางหน้าไว้
“เดี๋ยวก่อนสิคุณหมอ”
“อะไรอีกคะ”
“ผมอยากเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อจะได้ไหม”
“ฉันไม่กินข้าวกับคนแปลกหน้า” เธอเชิดหน้าหนี
“คุณเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นหรือไง ทั้งที่ผมคุยด้วยดีๆ อยากมีเพื่อนบ้าน”
“เพื่อนบ้าน? หมายความว่ายังไง”
จาคอบยังไม่ทันตอบ แต่รถคันหนึ่งที่ชะลอจอดใกล้ๆ ตรงจุดที่ทั้งคู่ยืนคุยกันอยู่กระจกไฟฟ้าถูกกดลง เจ้าของรถเอ่ยเสียงใสออกมา
“พี่หมอ”
“นารา”
นาราส่งยิ้มให้บัวบุษยาก่อนที่จะหันไปส่งยิ้มกว้างให้ใครอีกคน “มิสเตอร์ออสติน มาทำอะไรที่นี่คะ แล้วนี่พี่หมอรู้จักกับมิสเตอร์ออสตินด้วยเหรอ”
“เอ่อ” บัวบุษยาอ้ำอึ้งไป จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะเมื่อครู่เธอยืนคุยกับเขา และอีกอย่าง เขาก็เป็นคนไข้ของเธอด้วย ท่าทางอึกอักเลยทำให้จาคอบเอ่ยแทน
“ผมเป็นคนไข้ของคุณหมอน่ะครับ” นาราพยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยต่อรวดเร็ว
“มิสเตอร์ออสตินคะ นาราขอไปดูตู้ไปรษณีย์หน่อยนะคะ เพื่อนสมัยเรียนมัธยมของนาราเขาเขาส่งพัสดุมาที่บ้านหลังเดิมเลยต้องขับรถมาดูเอง”
“ได้สิครับ เชิญเลย”
“ตกลงเขาคือคนเช่าบ้านของคุณป้าทองอยู่เหรอนารา” บัวบุษยาถามญาติผู้น้อง
“ใช่จ้ะ มิสเตอร์ออสตินคือคนเช่าบ้านของนาราที่นาราบอกพี่หมอไปไงคะ มีอะไรก็ช่วยแนะนำเขาด้วยนะคะ เพื่อนบ้านกัน”
บัวบุษยามองไปทางคนตัวโตที่ถูกฝากให้เธอดูแล ดวงตาคู่สวยกลอกไปมาขณะที่จาคอบเลิกคิ้วกวนๆ “พี่ว่าเขาคงดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ลูกน้องเขาก็ออกจะเยอะแยะ กลัวแต่ว่าเขาจะไปทำความวุ่นวายให้คนอื่นมากกว่า”
“อะไรนะคะพี่หมอ”
“ไม่มีอะไรจ้ะ ว่าแต่นัดกินข้าวพรุ่งนี้ นาราอยากกินอะไร พี่จะได้เตรียมของสดไว้รอ” บัวบุษยาเสนอจะเลี้ยงอาหารอีกฝ่ายเพื่อเป็นการปลอบใจที่เมื่อวันก่อน นาราบอกว่าบริษัททัวร์ของเธอปิดตัวไปแล้ว โชคดีที่บิดาของนาราทิ้งทรัพย์สินไว้ให้พอควรสองแม่ลูกจึงไม่ได้ลำบากอะไรมากนัก
“นาราว่าเราทำปิ้งย่างดีไหม เอาพวกซีฟู้ด นาราเตรียมกุ้ง หอย ปูปลามาเอง”
“ได้ งั้นพี่ทำสลัดผัก น้ำจิ้ม และขนมไว้รอนะ”
“ดีเลยค่ะ พี่หมอทำน้ำจิ้มแซ่บเว่อร์ ขัดกับหน้ามาก” นาราตอบพลางสูดปาก แล้วรับแล้วหันไปหาใครอีกคน “มิสเตอร์ออสตินคะ มาทานอาหารด้วนกันไหมคะ บ้านของพี่หมอบัวอยู่ติดกับบ้านที่คุณเช่าจากนารานั่นละค่ะ”