“โอ๊ย เล่นแรงเลยหรือ นังตัวดี” แจ๊คยกมือลูบหน้าผาก เห็นเลือดซึมออกมาก็ดวงตาลุกวาว ยิ่งเห็นเหยื่อสาวกำลังจะวิ่งก็รีบจับข้อเท้าไว้ทำให้เดือนนาราสะดุดล้มลงอีกครั้ง
“โอ๊ย”
“ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก จะได้เจอของจริงแน่” มันบอกแล้วเตรียมก้มหน้าลงไปเพื่อซุกไซ้ความหอมหวานจากซอกคอสาว แต่เสียงกรีดร้องดังของคนที่ถูกมันตรึงไว้ก็ทำให้มันต้องใช้มืออีกข้างปิดปาก “ถ้าไม่อยากเจ็บตัว อย่าร้อง” มันขู่เสียงเหี้ยม เมื่อเดือนนาราเงียบเสียงและกำลังใช้สมองคิดหาทางรอด มันจึงยิ้มกริ่ม เตรียมจะกระชากเสื้อผ้าของเดือนนาราออกแต่ไม่ทันได้ทำตามที่ใจคิด เสียงปืนก็ดังสนั่นขึ้น
เปรี้ยง
แจ๊คเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงแล้วต้องหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำยำที่ยืนจังก้าตรงหน้าคือใคร
“คุณเดวิด!”
เดวิดลดปืนในมือลงถามเสียงเฉียบขาด “ใช่ มึงกำลังทำระยำอะไรอยู่วะ ปล่อยผู้หญิงไปซะ”
แจ๊คถูกคนสนิทอีกสองคนของเดวิดล็อกตัวไว้ มันรีบส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความกลัว “เธอให้ท่าผมเองครับ คุณเดวิด เธอหลอกให้ผมตามมา อาจมีคนส่งนังนี่มาทำอะไรไม่ดีที่นี่ก็ได้ครับ” แจ๊ครีบป้ายสีเพราะกลัวความผิด เขารู้ดีว่าเดวิดเป็นคนระแวง ระวังตัวเสมอ เพราะมีคู่แข่งเคยคิดร้ายด้วยการปล่อยแมลงเข้ามาในสวน
“ไม่จริง มันโกหก มันจะข่มขืนฉัน” เดือนนาราปฏิเสธ
เดวิดหรี่ตามองแม่สาวปริศนา คืนนี้เธอทำเรื่องยุ่งให้เขาสองครั้งแล้ว เดวิดเดินไปหาแจ๊ค เขามองแผลที่หัวของมัน
“แผลของนายเกิดจากการป้องกันตัวของผู้หญิงคนนั้น ถ้าเธอหลอกนายมาจริงคงไม่ทำร้ายนายจนหัวแตกแบบนี้ นายกล้าโยนความผิดให้ผู้หญิงเชียวหรือ”
“แต่นังนั่นให้ท่าผมจริงๆ นะครับ”
เดวิดยิ้มเย็น “ฉันให้นายพูดใหม่ได้อีกครั้ง สวนของฉันไม่เลี้ยงคนโกหก ผู้หญิงคนนั้นให้ท่านายจริงเหรอ”
เดือนนารารอฟังด้วยหัวใจลุ้นระทึก เธอมองคนที่ไอ้โจรหื่นเรียกว่าเดวิดอย่างคาดหวัง เขาจะให้ความยุติธรรมกับเธอ ไม่หลงเชื่อไอ้โจรหื่นนั่น
“นังนั่นให้ท่าผมจริงๆ ครับ”
พูดจบหมัดลุ่นๆ ก็กระแทกปากแจ๊คจนฟันหลุด มันร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บ มองเดวิดที่กำหมัดดังกร๊อบ เตรียมจะซ้ำอีกรอบ
“ผมพูดความจริงแล้วครับ ผมเห็นเธอหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในสวน ผมเลยคิดว่าเธอคงเป็นผู้หญิงอย่างว่าก็เลย...”
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่านะ” เดือนนาราโผเข้าไปตบหน้าคนร้ายจนหน้าหัน “ฉันถูกใส่ร้าย ฉันไม่ใช่ขโมยแล้วก็ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า”
ประโยคสุดท้ายเดือนนาราหันไปตะโกนใส่หน้าเดวิดอย่างเหลืออด สองมือเล็กกำแน่น
“แต่ฉันกำลังเจอเรื่องบ้าๆ แล้วฉันไม่ใช่ขโมย ฉันขอยืนยัน” เดือนนารายืนยันเสียงแข็ง
“แล้วเธอเป็นใคร บุกรุกเข้ามาในสวนของฉันทำไม” ดวงตาคมดุจ้องหน้าอย่างต้องการคำตอบ
“คุณเป็นเจ้าของที่นี่ใช่ไหม ฉันมาที่นี่เพื่อต้องการพบคุณ”
เดวิดสั่งลูกน้องให้พาแจ๊คไปโรงพยาบาลและพาส่งตำรวจในคืนนี้ทันทีในข้อหาทำร้ายร่างกายเดือนนารา หลังสะสางเรื่องทุกอย่างจบ เดวิดก็พาเดือนนาราเข้ามาคุยในบ้านหลังใหญ่ เขาหยิบน้ำแร่ขึ้นมากรอกปากดื่ม นั่นทำให้คนที่ปากคอแห้งผากมองตาปริบๆ เพราะเธอก็คอแห้งเหมือนกัน
“อยากกินน้ำเหรอ” เดวิดถาม เมื่อเห็นสาวปริศนาพยักหน้า เขาจึงไปหยิบมาให้เธออีกขวด
เดือนนารารับมาแล้วเปิดดื่มลงคอพรวดๆ พอได้ดื่มน้ำไปแล้วเธอค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้น
“ขอบคุณนะคะ”
เสียงห้าวถามขึ้นทันทีหลังจากปล่อยให้สาวปริศนาได้หายใจหายคอดีแล้ว “ฉันถามดีๆ เธอเป็นใคร เข้ามาในสวนของฉันต้องการอะไร หรือว่ามีใครส่งเธอมาอย่างที่ไอ้แจ๊คมันพูด เธอพูดความจริงกับฉันมาให้หมด ถ้าเธอพูดความจริง ฉันจะส่งเธอกลับไปอย่างสวัสดิภาพ”
เดือนนรายิ้มแห้ง นี่เรียกว่าถามดีๆ แล้วเหรอ “เอ่อ ที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอกแต่ยังกลับไปตอนนี้ไม่ได้ ฉันอุตส่าห์ดั้นด้นมาพบคุณแล้ว รู้ไหมกว่าจะมาเจอคุณได้ฉันเจออะไรมาบ้าง”
“ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอเจออะไรมาบ้าง มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องรับรู้”
คนใจดำ
เดือนนาราลอบด่าในใจ วอชิงตันไม่ใช่ดินแดนป่าเถื่อน แต่สำหรับคนไม่มีรถยนต์ส่วนตัวกว่าจะดั้นด้นมาถึง แล้วยังไม่รู้ตารางการวิ่งของรถโดยสารที่ผ่านสวนนี้ เธอเดินเท้ามาหลายไมล์ แล้วก็ไม่เห็นร้านอาหารเล็กๆ สักร้านพอเข้ามาถึงที่นี่เธอถึงได้หิวจนตาลายแล้วเด็ดแอปเปิลมากินแก้หิวแต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่อง แต่ในเวลานี้ถึงจะเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจมากแค่ไหนแต่เธอก็ต้องพาคนสำคัญกลับไปด้วย เธอตั้งใจแล้วว่าจะกลับเมืองไทย ใช้ภาษาอังกฤษที่เธอพูด อ่าน เขียน ได้คล่องหางานดีๆ ทำ อย่างไรเสียเธอก็จะดูแลเจ้าหนูน้อยได้ไม่ยาก
“คนของฉันบอกว่าเธออยากพบฉัน ฉันไม่ได้ลืมจ่ายค่าตัวเธอใช่ไหม” เดวิดเลิกคิ้วสูงชักไม่แน่ใจเสียแล้ว
คำพูดห่ามๆ ที่หลุดออกมาจากปากคนตัวโตทำให้เดือนนาราโกรธจัด “คนบ้า! ฉันกับคุณเพิ่งเจอหน้ากันวันนี้เป็นครั้งแรกนะ” เดือนนาราแหวใส่
เดวิดพยักหน้า “ก็จริง ถ้าใช่ ฉันน่าจะจำอะไรเกี่ยวกับเธอได้บ้าง เพราะอย่างน้อยเธอก็มีจุดชวนให้จดจำ”
เดือนนารามองหน้าเขาอย่างงงๆ “ตรงไหน”
แต่พอเห็นสายตาวายร้ายคู่นั้นมองต่ำลงมาที่ทรวงอกแล้วยิ้มกวนประสาทเธอก็รีบยกมือกอดอกทันที
เดวิดยิ้มเจ้าเล่ห์ “ก่อนจะมาขโมยแอปเปิลในสวนฉัน เธอคงแวะขโมยมะพร้าวที่ไหนสักแห่งมาก่อนใช่ไหม”
เดือนนาราถลึงตาใส่เขา ไม่คิดเลยว่าเธอหาข้อมูลผิดพลาด แบรดลีย์คนพี่คงไม่ได้จับธุรกิจด้านการเกษตรและฟาร์มม้า “ฉันก็คิดว่าฉันได้ข้อมูลมาผิด เดวิด แบรดลีย์ ไม่ใช่เจ้าของสวนแอปเปิล และฟาร์มม้าที่ดีที่สุดในอเมริกา แต่คุณทำธุรกิจเพาะพันธุ์หมาขายไปทั่วโลก”
“เธอพูดอะไรของเธอ” เดวิดหรี่ตาแคบๆ ลงถาม “หรือว่าที่จริงแล้วเธอเป็นสปายเข้ามาลอบปล่อยแมลงในไร่ของฉันจริงๆ มีพรรคพวกหรือผัวรออยู่ข้างนอกหรือเปล่า” เดวิดถามเสียงกระด้าง เขาไม่เคยไว้ใจใครง่ายๆ เขามีประสบการณ์มาแล้ว
“หยาบคาย ฉันรู้แล้วว่าเป็นเจ้าของฟาร์มหมา แต่ไม่คิดว่าจะเพาะไว้ในปากด้วย”
เดวิดหน้าตึงไปนิดก่อนจะเปลี่ยนเป็นกดยิ้มร้ายที่มุมปาก “พูดแบบนี้ระวังเจอหมากัดปาก และจำใส่หัวไว้ด้วย ฉันเพาะพันธุ์ม้าขาย ไม่ได้เพาะพันธุ์หมาขาย แต่ที่จริง ฉันเพาะได้ทุกพันธุ์ อยากได้สายพันธุ์ดุดันอย่างฉันบ้างหรือเปล่าล่ะคนสวย” มือหนากร้านจากการทำงานหนักเอื้อมไปแตะปลายคางนุ่มๆ ให้หันมาสบตากับเขาก่อนจะส่งยิ้มน่าหมั่นไส้