บทที่ ๑ ราชโองการ

1752 Words
บทที่ ๑ ราชโองการ   เมืองหลวงจินเปย์ จวนแม่ทัพลู่หาน “แม่ทัพลู่หาน โปรดรับราชโองการด้วย” เฉิงกงกงกล่าวย้ำกับท่านแม่ทัพ หลังจากที่ท่านกงกงอ่านราชโองการเสร็จ แต่แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่กลับไม่มีแม้แต่จะยื่นมือมารับแม้แต่น้อย “ท่านแม่ทัพลู่ ข้าเข้าใจท่านนะ แต่จะฝ่าฝืนราชโองการของหวงตี้ไม่ได้นะท่าน” ท่านกงกงเตือนเสียงเข้ม ทำให้ลู่หานจำต้องข่มใจกัดฟัน ยื่นมือออกไปรับราชโองการ ที่ทำให้ชีวิตของตน ต้องตกนรกทั้งเป็น “ข้าแม่ทัพลู่หาน พร้อมรับราชโองการ ขอหวงตี้ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี” เมื่อลุกขึ้นก็ยื่นถุงทองให้กับเฉิงกงกง เพื่อเป็นธรรมเนียม “ข้าหมดหน้าที่แล้ว ต้องขอตัว” เฉิงกงกงขันทีวัยกลางคนเอ่ย เมื่อได้รับถุงทองจากท่านแม่ทัพแล้ว “น้อมส่งท่านกงกง” คล้อยหลังเฉิงกงกง แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ก็มีแววตาวาวโรจน์ มือใหญ่กำราชโองการที่ทำให้ชีวิตของตนต้องเป็นเช่นนี้แน่นจนยับยู่ยี่ “ข้าจงรักภักดีฟ้าดินเป็นพยาน...แต่เหตุใดต้องมาแต่งกับคนในตระกูลนี้ด้วย หวงตี้นะหวงตี้” “ข้าไม่อยากแต่ง หวงตี้พระองค์ทรงคิดอันใดอยู่พ่ะย่ะค่ะ...ถึงออกราชโองการเช่นนี้ต่อข้า พระองค์ก็ทรงรู้ว่าข้านั้นไม่ใคร่จะพอใจท่านเสนาบดีสักเท่าไหร่” ท่านแม่ทัพรำพันอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาของลู่หานแดงก่ำ ตนนั้นไม่ได้นิยมชมชอบนิสัยใจคอท่านเสนาบดีเสวี่ยนฮุ่ยแม้แต่นิด แต่กลับได้มาเป็นเขยคนที่ไม่ถูกชะตาเช่นนี้ แม่ทัพหนุ่มสุดแสนจะปวดใจ คนผู้นั้น แม้แต่บุตรก็ยังไม่รัก แล้วจะให้ตนไปใช้ชีวิตร่วมชายคาเดียวกันได้อย่างไร แต่พระราชโองการคือที่สิ้นสุด ในเมื่อไม่รัก ตนก็จะขอออกมาอยู่ชายแดนก็แล้วกัน ขออยู่กับเหล่าลูกเจี๊ยบทั้งหลาย ได้จับกระบี่ฟาดฟันอริศัตรู ยังดีกว่ามองหน้าเสนาบดีเสวี่ยนและฮูหยินที่ตนไม่ชอบหน้า คิดได้ดังนั้นแม่ทัพลู่หานก็มุ่งตรงไปยังคอกม้า ควบขี่อาชาตัวโตพุ่งทะยานไปที่วังหลวงอย่างรวดเร็วเพราะไฟอันร้อนแรงสุมอยู่ในทรวง   จวนท่านเสนาบดี ในครานี้มีงานมงคลสมรสของบุตรีคนโตผู้เป็นสุดรักสุดหวงของท่านเสนาบดี จึงไม่แปลกที่จะไม่ให้ดวงใจของท่านแต่งออกไปจากจวน ซึ่งท่านแม่ทัพลู่ต้องแต่งเข้าจวนท่านเสนาบดีอย่างเดียว บุตรีของท่านเสนาบดีเสวี่ยนฮุ่ยก็คือ เสวี่ยนซ่าน เจ้าสาววัยสิบเก้าหนาวผู้ที่มีใบหน้าหวานหยดย้อย รูปร่างสูงโปร่ง ดูอ้อนแอ้นผิวขาวดั่งหยวกกล้วย แถมมีดวงตาที่สวยหวาน ใครได้ยลต้องหลงใหลเป็นแน่ ทั่วแคว้นต่างก็อิจฉาท่านแม่ทัพ  ที่ได้แต่งงานกับสตรีแสนงดงามที่สุดของเมืองหลวงจินเปย์ แต่หารู้ไม่ว่า ลู่หานไม่ได้รู้สึกยินดีด้วยเลยแม้แต่น้อย พิธีแต่งงานผ่านไปแล้ว เหลือเพียงดื่มเหล้าจากผู้มีเกียรติเพื่อเป็นสิริมงคลเพียงเท่านั้น  ตนก็จะได้เข้าห้องหอกับภรรยาคนงาม  แต่ลู่หานกลับอยากอยู่ตรงนี้ไปอีกนานแสนนาน  ไม่อยากไปร่วมเสพสังวาสกับผู้เป็นเจ้าสาวแม้แต่นิดเดียว ในขณะที่กำลังยกจะจอกสุราดื่มเพื่อดับความคับแค้นในหัวใจอยู่นั้น ดวงตาคมของท่านแม่ทัพก็ได้เจอคนที่ทำให้หัวใจของตนเต้นแรง ตึกตัก !  ตึกตัก ! คนผู้นั้นเป็นเกอ รูปร่างไม่สูงอะไรมากมายนัก ผิวเรียบเนียน แม้ไม่ขาวดั่งหยวกกล้วยแต่ก็น่ามองน่าลูบไล้  ถ้าเทียบกับเจ้าสาวของตน  เกอผู้งามนี้ตัวเล็กกว่ามากมายนัก   แต่สิ่งเดียวที่เจ้าสาวของตนไม่อาจทำได้นั่นก็คือ หัวใจของท่านแม่ทัพ มันเต้นแรงจนระงับไม่ได้ เพียงแค่ได้พบหน้า สบตากับเจ้าแน่งน้อยผู้นี้ ทั้งที่ฮูหยินของตนก็งามหยดย้อยดั่งเทพธิดาจากสรวงสรรค์ “ข้า เสวี่ยนซิน เป็นน้องของเจี่ยเจียเสวี่ยนซ่าน ข้าขอยกแก้วสุรามงคลนี้ ให้กับท่านพี่เขยขอรับ” มือของน้องเมียยื่นมาตรงหน้า เสวี่ยนซินออกมาจากเรือนเล็ก เพื่อจะมาดูหน้าคนเป็นพี่เขย เกอน้อยไม่คาดคิดว่า หัวใจของตนจะเต้นอย่างรุนแรงเช่นนี้ เพียงแค่ได้เห็นหน้าคมเข้มของท่านแม่ทัพหนุ่ม มือบางเรียวสวยแม้จะหยาบกระด้านไปบ้าง เพราะทำงานหนักตั้งแต่ยังเยาว์ แต่ลู่หานกลับอยากสัมผัสมือน้อยนั่นเหลือเกิน สายตาของแม่ทัพหนุ่มจับจ้องไปยังจอกสุรามงคล ที่ผู้เป็นน้องเมียคนงามยื่นมาให้ด้วยดวงตาวาววับ หัวใจเต้นหนักหน่วงจนระงับไม่ได้ ลู่หานยื่นมือออกไปรับจอกสุรามงคล นิ้วทั้งคู่จึงสัมผัสกัน ความร้อนนั้นก็วาบเข้ามา ทำให้หัวใจและร่างกายของทั้งคู่กระตุก เสวี่ยนซินและแม่ทัพหนุ่มชะงัก ดวงหน้างามเกิดระเรื่อขึ้น  เกอน้อยก้มหน้าลง เพื่อหลบสายตาของพี่เขยที่ทอประกายวูบวาบแปลก ๆ ก่อนจะสาวเท้าเดินไปอีกทางมุ่งหน้ากลับเรือนของตน ด้วยอาการแข้งขาอ่อนแรง และหัวใจสั่นรัวเร็ว  โดยไม่รู้เลยว่า มีสายตาคมของท่านแม่ทัพลู่หานมองตามมาทุกย่างก้าว แล้วก็ยกจอกสุราขึ้นดื่มอย่างเหม่อลอย เมื่อเข้าห้องหอ ท่านแม่ทัพหนุ่มก็จัดหนักให้กับเจ้าสาวเพราะความหื่นหิวที่มีต่อน้องเมีย มันคุกกรุ่นอยู่ในหัวใจอย่างรุนแรง จนไม่สามารถหักห้ามได้   ‘อาส์  ซินเอ๋อร์ เจ้าช่างดูยั่วยวนพี่นัก พี่อยากจับเจ้ากินเจ้าเหลือเกิน ทูนหัวของพี่’   “อาส์ ทะ ท่านพี่ ขะ ข้าเสียว อ๊าส์” เสียงครวญครางของเจ้าสาว และเสียงกายหยาบกระทบกันดัง ตั๊บ ตั๊บ ดังลอดออกมาให้บ่าวไพร่ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกได้ยิน แล้วก็ต้องหน้าแดงก่ำ รีบนำความไปบอกท่านเสนาบดีด้วยความยินดีและสะท้านหวามไหว “ดี … นับว่าหวงตี้ทรงประทานความยิ่งใหญ่มาให้ข้าโดยแท้…หึหึ แม่ทัพลู่หาน”   ในห้องหอ ตั๊บ !   ตั๊บ ! “อาส์ ทะ ท่านพี่ ข้าเสียวยิ่งนัก แท่งของท่านช่างใหญ่โตเสียจริง ทำข้าคับแน่นไปหมดแล้ว” เจ้าสาวคนงามร้องครวญครางเมื่อผู้เป็นสามีกระแทกความยิ่งใหญ่เข้าสู่ความเป็นหญิงรัวเร็ว จนนางหัวสั่นหัวคลอน ร่องรักตอดหนึบ แต่ถึงอย่างนั้น ท่านแม่ทัพกลับรู้สึกว่าข้างในความนุ่มร้อนนั้นหลวมโพรก เหมือนไม่ใช่สาวที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง   ‘เรื่องนี้ ข้าต้อให้เอ่อคังงสืบสาวดูอย่างแน่นอน หากว่าเป็นดั่งที่คิด ข้าจะไม่ปล่อยเอาไว้ให้หยามเกียรติข้าแน่’ ท่านแม่ทัพคิดในใจ แล้วเร่งความยิ่งใหญ่เข้าออกถี่ยิบ ตนนั้นได้ทำการส่งเจ้าสาวคนงามขึ้นสวรรค์ไปครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ตนเองกลับยังไปไม่ถึงไหน  ในสมองของลู่หานเฝ้าคำนึงถึงแต่ผู้เป็นน้องเมียอย่างเสวี่ยนซิน ร่างกายที่เนียนลออแม้จะไม่ขาวดั่งหยวกเหมือนผู้เป็นพี่แต่กลับมีกลิ่นกายหอมกรุ่น ยิ่งทำให้แท่งทวนของแม่ทัพหนุ่มปวดร้าวอย่างที่สุด ยิ่งคำนึงถึงมากแค่ไหน แม่ทัพหนุ่มผู้เกรียงไกรก็ยิ่งทะลวงรูสวรรค์ของเมียอย่างไม่มีการผ่อนแรง จนกระทั่งเสวี่ยนซ่านแทบสลบคากระบี่ยักษ์ของตนนั่นแหละ ลู่หานจึงเสร็จสม “โอ้ววว” เสียงครางต่ำ ๆ ดั่งสัตว์ที่ถูกเชือด ดังออกมาจากลำคอหนาของท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ดวงตาคมปิดเปลือกตาลงแล้วนึกถึงน้องเมียด้วยความต้องการอันมากล้น ที่ได้ซุกซ่อนเอาไว้ ‘อาส์ ซินเอ๋อร์ของพี่ แท่งหยกของพี่มันเป็นของเจ้า สักวันเจ้าจะได้กินมันพี่สัญญา’   อีกฝั่งหนึ่ง  ที่เรือนหลังเล็ก เกอตัวน้อยในวัยสิบห้าหนาว ยืนกอดอกอยู่ริมหน้าต่าง มองไปทางเรือนหอของผู้เป็นพี่สาว แล้วดวงหน้างามก็หม่นเศร้า เนื่องด้วยตนนั้นแอบชอบผู้เป็นพี่เขยเข้าแล้ว แต่ก็จนใจ เพราะท่านแม่ทัพ ไม่ได้คิดพิศวาสตน ผ่านการแต่งงานไปเพียงแค่คืนเดียว ลู่หานก็หาเรื่องเข้ากรมตลอดเพราะกลัวใจของตนจะทนหักห้ามความอยากกระหายที่มีต่อเสวี่ยนซินไม่ได้ จึงรีบเข้ากรมตั้งแต่วันรุ่งของการแต่งงาน โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงบทรักของภรรยาแม้แต่นิดเดียว และจากวันนั้นลู่หานก็อยู่ในแต่กรมหรือไม่ก็จวนของตนเอง ไม่มีการนอนค้างในจวนท่านเสนาบดีอย่างที่ควรเป็น และไม่ได้เสพสังวาสกับฮูหยินของตนอีกเลย ทำให้เสวี่ยนซ่านหงุดหงิดยิ่งนัก  วันนี้ก็เป็นเช่นดั่งเมื่อห้าวันก่อน ท่านแม่ทัพยังคงอยู่ในกรม ซึ่งกำลังประชุมอย่างตึงเครียด เพราะที่ชายแดนทางใต้นั้นมีศัตรูมารุกราน ทางวังหลวงและกรมกลาโหมจึงมีมติให้แม่ทัพลู่นำทัพสู้ศึก จำต้องออกเดินทางไปวันนี้ด้วย  หัวใจของแม่ทัพหนุ่มแสนจะยินดี ที่จะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง และไม่ต้องเห็นหน้าฮูหยินคนงามอีกแล้ว แม้อีกใจหนึ่งจะยังห่วงหาอาวรณ์เกอน้อยนั้นเหลือเกินก็ตามที  เมื่อได้รับราชโองการ แม่ทัพลู่หานก็รีบกลับจวนท่านเสนาบดี เพื่อบอกข่าวนี้แก่ภรรยาของตน แต่เหนืออื่นใดสิ่งที่ลู่หานต้องการนั่นก็คือ การเห็นหน้าน้องเมียก่อนไปทัพต่างหาก !  ‘พี่จะไปทัพแล้ว ก่อนไปพี่อยากจะกอดเจ้านัก ซินเอ๋อร์ แม่ทัพหนุ่มคิดกังวลถึงน้องเมียเป็นอย่างมาก ทั้งที่ไม่เคยจะคำนึงถึงสตรีหรือเกอคนใดมาก่อน แต่ครานี้ หัวใจแกร่งดั่งหินผากลับสั่นคลอนร้อนรุ่มอย่างหนัก จนไม่อาจจะหักห้ามใจได้อีกต่อไป ก่อนควบม้าออกจากจวนท่านเสนาบดี เขาอยากเชยชมแก้มนวลของเจ้าเอวบางสักครั้ง เพื่อเพิ่มพลังกายและใจ ความหวังครั้งนี้จะเป็นผลหรือไม่ !
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD