4-2 *******พระจันทร์ของเราสอง

1673 Words
ศึกแย่งชิงหยกพันปีครานี้ จะนับเป็นความผิดของฝ่ายใด มารดาอสรพิษ บุตรชาย สตรีนางหนึ่งซึ่งเป็นเครื่องสังเวยจากโลกมนุษย์ หรืออาจเป็นแม่เฒ่าเมิ่งเฉียนเป่ยผู้นำของล้ำค่าของจอมปีศาจไปซุกซ่อนเอาไว้ ไม่ให้นางได้ครอบครองไม่ว่าด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม เพื่อปกป้องทุกภพภูมิพรหมโลก ราชาแห่งสวรรค์ลงมาจัดการกับปีศาจอสรพิษอีกครั้งหนึ่ง สงบศึกทั้งเทพและปีศาจ มีทหารอารักขาแห่งเทพสวรรค์ลงมาให้การรักษาเทพแห่งสายน้ำ ก่อนจะส่งตัวปัญหากลับนรกภูมิ ค่อยกลับไปหารือกับเหล่าเทพอาวุโสบนเทวโลกชั้นฟ้าว่าควรทำอย่างไร นางเฟยอี๋ก็คงเคียดแค้นใจนัก แต่เป็นเพราะร่างกายอ่อนกำลังลง ยังสำนึกรู้ได้ว่าหากสตรีรับใช้ผู้นั้นหากได้หยกพันปีไปด้วยการชุบชีวิตของนาง ก็คงจะไม่ได้แก้แค้นหรอก นางนี่แหละจะเจ็บตัว! นางเฟยอี๋ไม่รู้มาก่อนว่าหยกพันปีทรงพลังถึงเพียงนี้ นางคงจะแบ่งครึ่งหนึ่งเอาไว้ใช้เอง ชุบชีวิตนางทรยศขึ้นทรมานเล่นให้สาแก่ใจหากว่าทำได้ แต่ถ้าหากว่าไม่สามารถทำได้ในกรณีซึ่งกลายเป็นครึ่งก้อน ก็ไม่มีประโยชน์ใด แผนการทุกอย่างคงล้มเหลวไม่เป็นท่า ส่วนเรื่องคำทำนายของแม่เฒ่าเรื่องสตรีนางหนึ่ง คู่พรหมลิขิตของเทพอู่เฉิน ไม่ใช่เทพ ไม่ใช่ปีศาจ แต่เป็นมนุษย์ เคยครองคู่กับเทพอู่เฉินมาทุกภพภูมิ จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ นางจะมีปานแดงรูปงูบนร่างกาย อาจนำมาซึ่งความสงบสุขแก่เทวโลกหรือทำลายล้างก็เป็นไปได้ทั้งสองทาง จอมปีศาจจึงคิดอุบายให้เจ้าเมืองเริ่มส่งเครื่องบรรณาการเพื่อค้นหาตัวสตรีนางหนึ่ง โดยการใช้น้ำมือของมนุษย์คงง่ายที่สุด จะได้สังหารนางทิ้งเสีย แผนการของนางเฟยอี๋กลับไม่เป็นไปดังใจหวัง นางไม่ได้ลงไปคาบเครื่องสังเวยในร่างอสรพิษ ถูกบุตรชายลงไปแย่งทำหน้าที่ทุกครั้งด้วยบัญชาการจากเบื้องบน แถมนางก็ไม่ได้ติดใจอันใด ในเมื่อสตรีผู้มีปานรูปงูเหล่านั้นต้องเสียชีวิตไปทั้งสิ้น บัดนี้สตรีเครื่องสังเวยกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ของนางเฟยอี๋ กระทั่งกลับลงนรกภูมิมา แอบดูบุตรชายได้รับการรักษาแล้วจึงโล่งใจไป อย่างไรเสียนางก็ยังเป็นห่วงบุตรชายคนเดียวอยู่เสมอ ยังได้พบกับอาเป้ย... “เกล็ดสีนิลของท่านช่างงดงาม ท่านเป็นปีศาจอสรพิษในนรกภูมิจริงหรือ? ข้ามีความคิดว่าท่านเหมือนเทพงูที่มนุษย์เคารพนับถือ พวกเขาสักการะบูชาท่าน เทพหลงเหนียน” เสียงหวานเอ่ยทั้งที่ยังลูบกรามแกร่งด้วยแววตาหลงใหล สามีเองก็ไม่ต่างกัน ไม่ปล่อยวางอ้อมแขนลงจากการกอดนางสักอึดใจ นี่คงเป็นช่วงเวลาอันล้ำค่าที่โหยหามานาน แค่มองริมฝีปากคู่งามขยับเอ่ยถ้อยคำมากมาย ท่านก็สุขใจแล้ว “เอ๊ะ... ข้าเหมือนจะเคยได้ยินเรื่องไม่มีเทพหลงเหนียนบนเทวโลก มนุษย์ล้วนกุเรื่องขึ้นมา” “ไม่มีเทพหลงเหนียนบนเทวโลก ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดชื่อเทพหลงเหนียน...” เทพอู่เฉินพยายามเป็นอย่างมากในการฟื้นความทรงจำของนาง จึงพูดเรื่องเดิม ใช้คำพูดประโยคเดิม แม้รับรู้ถึงการมาของมารดา ทว่ามิได้สนใจ นรกภูมิไม่ว่าเป็นชั้นไหนล้วนเป็นสถานที่ของปีศาจอสูร คงห้ามนางไม่ได้ และในเมื่อมารดาสงบสติอารมณ์เกรี้ยวกราดลงแล้วอยู่ในร่างสตรี คงไม่ร้ายกาจสักเท่าไร “เทพอู่เฉิน... สตรีผู้นี้ฟื้นคืนมาก็จำเจ้าไม่ได้ วันหนึ่งจิตใจของนางจะเป็นอื่น... รอเถิด อีกเพียงไม่นาน เมื่อนางพบบุรุษรูปงามกว่าเจ้า ปกป้องนางได้ดีกว่าเจ้า นางจะไปจากเจ้า” “เทพปีศาจผู้นี้ปกป้องข้าหรือไม่ปกป้องข้า ข้าก็จะไม่ไปไหนไกลจากเขาทั้งนั้น เขาเป็นสามีของข้า” อาเป้ยหันไปตอบทันควัน ด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราดไม่พอใจ สตรีแปลกหน้าผู้นี้นางไม่เคยพบเจอมาก่อน อยู่ดี ๆ ก็เข้ามาหานาง นั่งลงบนแท่นหิน ขัดจังหวะนางและสามีซึ่งกำลังชมจันทร์และสนทนากันอย่างเพลิดเพลินใจ ใบหน้างดงามอ่อนหวานรับริมฝีปากอิ่มงาม อมชมพูอมแดง สตรีในอาภรณ์สีดำสนิทใบหน้าซีดเผือดราวว่าบาดเจ็บอยู่พอสมควร ดูคล้ายจะเป็นมิตร ตรงกันข้ามกับคำพูดจา ที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงแอบแฝงความร้ายกาจ “อาเป้ย... เจ้าเป็นสตรีหน้าตาสะสวยถึงเพียงนี้ จะมายุ่งวุ่นวายกับปีศาจงูอัปลักษณ์นี่ทำไมกัน ใครบอกเจ้าว่ามันเป็นเทพ ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเป็นปีศาจ นี่น่ะร่างจำแลงบุรุษ ปีศาจบางจำพวกก็ทำได้ เชื่อข้า เจ้าลองดูให้ดี...” นางเฟยอี๋นำกระจกหยินหยางของบุตรชายมาใช้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง หลังแอบย่องไปขโมยมาจากห้องนอนของบุตรชาย นางคิดว่าอีกฝ่ายคงจำนางไม่ได้เมื่อก่อนหน้านี้นางอยู่ในร่างอสรพิษ กระจกบานใหญ่ซึ่งมีสัญลักษณ์ทั้งสีดำและขาวบรรจบกัน ลอยละล่องอยู่ในเวหา ด้วยการสะบัดมือเบา ๆ เพียงครั้ง นางตั้งใจว่าใช้กำลังต่อสู้ไม่ได้ เลยถือโอกาสใช้อุบายหลอกล่อ “เจ้าถือกำเนิดจากหยกพันปี ยังมีพลังเวทสีทองเพราะเจ้าเรียนรู้มาจากสำนักเทียนหลง และนั่น... เป็นปีศาจในร่างบุรุษ มันกำลังล่อลวงเจ้า” ภาพสะท้อนของนางผู้มีไอหยินและแสงสีทอง วนเวียนอยู่เหนืออาภรณ์งดงาม มีหินหยกสีดำที่พลันหายไป ข้างกันเป็นบุรุษเทพปีศาจมีเกล็ดงูสีนิลขึ้นตามใบหน้าและลำตัว สักพักหนึ่งก็ปรากฏเป็นอสรพิษนัยน์ตาสีแดงฉาน กระจกบานนี้กำลังบอกความจริงทุกสิ่งผ่านภาพสะท้อน เทพอู่เฉินไม่พอใจมารดานัก แต่คิดว่ารับมือได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภริยาของท่านมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด “ท่าน... ไม่น่าเชื่อถือ” น้ำเสียงแข็งกระด้าง ฉีกหน้ามารดาอสรพิษ นางหันมองขวับไปอธิบายตามสิ่งที่เห็น “ท่านทั้งสองมีใบหน้างดงามปานหยกสลัก ดวงตาของท่านละม้ายคล้ายกันยิ่งนัก แม้แต่ริมฝีปากบางกระจับงามก็ไม่ผิดเพี้ยนไป ยังกับว่าเป็นพี่สาวน้องชายเสียด้วยซ้ำ แม้ข้าไร้ซึ่งความทรงจำบนเทวโลก ไม่ได้หมายความว่าข้าจะโง่เง่า” “เจ้ายังคงฉลาดเฉลียวเช่นเดิม ภริยาข้า... ไม่มีผู้ใดหลอกลวงเจ้าได้ นางผู้นี้แหละเฟยอี๋ ท่านแม่ของข้า” อาเป้ยรู้สึกตัวช้าไปสักนิดว่าเสียมารยาท นางก้มศีรษะให้แม่สามีอย่างนอบน้อมก็ว่า “ท่านแม่... ท่านเลิกล้มความคิดประหลาด ๆ ของท่านเสียเถอะ ข้าขออภัยที่ทำร้ายท่านก่อนหน้านี้ ข้าไม่รู้สึกตัวสักนิด ข้าไม่ทราบว่าเป็นท่าน” “ฮะ...? เจ้า... ไม่รู้สึกตัวรึ” นางเฟยอี๋หน้าตาตื่นตะลึง เรื่องไม่รู้ตัวของสตรีผู้ฝากฝังตัวเป็นลูกสะใภ้ เพราะถ้ารู้ตัว! ก็ไม่รู้ว่าจะโดนซัดหนักขนาดไหน “ท่านบาดเจ็บมากหรือไม่? มาให้ข้ารักษาท่านเถอะ ท่านแม่...” มารดาอสรพิษเมินหน้าหนีอย่างหยิ่งผยอง พอหลอกล่ออีกฝ่ายไม่ได้ผล ยังนึกถึงคราวก่อนที่ให้บุตรชายรักษาแผลให้แล้วถูกขังเอาไว้ด้วยโซ่ของราชาแห่งสวรรค์ ก็ยังคงโกรธเคืองไม่หาย หากพอจะลุกหนีกลับถูกรั้งด้วยไอหยินที่ปล่อยออกมาจากฝ่ามือเรียว นางเฟยอี๋สลัดเวทนั้นออกพลันเหาะเหินขึ้นเวหา ด้วยความรู้สึกอับอายขายขี้หน้านัก เทพอู่เฉินมองตามพลังมากมายของภริยา พุ่งพวยขึ้นสู่ท้องนภาติดตามร่างมารดาอสรพิษไป รู้สึกใจชื้นขึ้นมา ต่อไปนี้คงไม่มีอะไรมาทำอันตรายอาเป้ยของท่านได้อีก จะได้อยู่กับท่านไปตราบนานเท่านาน “อาเป้ย... เจ้าเคยพูดว่าปรารถนาจะพบท่านแม่ของข้า หวังจะให้นางยอมให้เจ้าเรียกท่านแม่โดยที่เจ้าไม่ถูกเผาเป็นจุณไปเสียก่อน เจ้ายังอยากเชิญชวนท่านแม่ไปชมสวนของเป่าเป้ย แต่ข้าไม่ยอมเสียเองเพราะข้าไม่อยากจะปลูกสวนใหม่... ดอกจื่อเถิงหลัวของข้าคงไม่มีเหลือสักต้น...” แล้วจึงก้มหน้าลงมองใบหน้าสวยใส ไร้เดียงสาของนาง “เจ้าสมปรารถนาข้อหนึ่ง” “ข้ามีโอกาสได้พบท่านพ่อของท่านด้วยหรือไม่?” เทพอู่เฉินพยักหน้ายิ้มตอบนาง “ได้พบ” “ท่านพ่อของท่านเป็นเทพมังกรหรือ?” อาเป้ยท่าทางดีใจนัก จนสามีถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “เจ้ายิ้มอะไร?” “สามีข้าไม่ใช่บุรุษธรรมดา มีทั้งท่านพ่อท่านแม่เป็นเทพและปีศาจผู้ทรงพลัง แถมยังรูปงามถึงเพียงนี้” “เกิดถ้าข้ากลายเป็นงูเล่า เยี่ยงในกระจกนั้น ข้าแสนจะอัปลักษณ์” “ก็งามนัก เพราะข้าชอบงู... และถึงอสรพิษจะชอบล่อลวงมนุษย์... ข้าคงถูกท่านอู่เฉินล่อลวงเสียแล้ว” “ไยเจ้าคนใหม่จึงเรียนรู้การพูดจาได้น่ารักใคร่นัก ภริยาข้า... ข้าคงอยากจะล่อลวงเจ้า” ในที่สุดเทพอู่เฉินจึงหมดสิ้นความอดทน ก้มหน้าลงบดริมฝีปากอิ่มงาม เลื่อนมือเข้าโอบเอวคอดบางเข้าหา มอบจุมพิตแสนหวงแหน ห่วงหาอาลัย พร่ำบอกความรู้สึกภายในจิตใจ ตลอดระยะเวลารอคอยอันเนิ่นนานของท่านซึ่งสิ้นสุดลงเพราะการกลับมาของนาง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD