ปะทะคารม

1216 Words
"ฉันนี่แหละที่เป็นลุงรหัสเธอ อีเตี้ย" กรี๊ด! เชื่อไหมว่าถ้าหากจะมีสิ่งไหนที่ฉันอยากทำในตอนนี้มากที่สุดในตอนนี้ก็คงจะเป็นจะพ่นไฟใส่อีตาคีตะหน้าหล่อแต่ปากปีจอคนนี้นี่แหละ! ฉันสูงร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร ร้อยกสิบห้าเซนติเมตรที่แปลว่ามาตรฐานหญิงไทยนะ! ถ้าจะมีใครที่ผิดปกติมันก็เป็นนายคนนี้ต่างหากที่มันเสือกสูงเกินมาตรฐานผู้ชายไทยไป หึ่ย! "ดูเหมือนจะเก่งแต่พูดในใจสินะ" ร่างสูงเหมือนผีเปรตเดือนสิบของอีตาแก้คีตะโน้มตัวลงมาจ้องเขม็งตรงลูกตาของฉัน เห็นอย่างที่แล้วอยากจะบอกออกไปจริงๆ ว่า....ไปให้พ้นนะ! เหม็นหมาในปากเว้ย! "ขอลายเซ็นด้วยค่ะ" ฉันตัดสินใจไม่โต้ตอบอันใดกลับไปให้ตัวเองต้องรู้สึกเสียสุขภาพจิตก่อนจะยื่นสมุดเล่มเล็กไปให้เขาเซ็นลายมือชื่อของตัวเองลงไปแล้วฉันจะได้กลับบ้านของฉันสักที "ไม่ให้" ดู๊! ทุกคน ดูมันเถอะ! ฉันเกลียด! เกลียดนายโว้ยตาแก่คีตะ! "ถ้าอยากได้ก็เอาไลน์มาแลก" "-_-" มันเกี่ยวอะไรกับการเป็นลุงรหัสอ่ะทุกคน งงๆ กันไหมคะ เหอะๆ ไม่ค่อยจะฉกฉวยโอกาสเท่าไหร่เลยนะคะคุณพี่! "ไม่ให้ก็ไม่ต้องเอาลายเซ็น อยากโดนทำโทษก็เชิญ" "ค่ะๆ ก็ได้" ฉันกัดฟันพูดแล้วรีบดึงมือถือจากมือเขามากเเพิ่มเพื่อนในไลน์ ว้าว! ว่าแต่หมอนี่ใช้โทรศัพท์มือถือT-Nouser2020 (ทีนูเซอร์2020) เลยแฮะน่าอิจฉาจังเลย~ "เรียบร้อยแล้วค่ะ" ฉันว่าก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือที่ราคาแพงที่สุดในโลในขณะนี้คืนไปให้เขา "ก็แค่นี้ เอาคืนไปเซ็นให้แล้ว" ฟึ่บ! ดูเอาเถอะทุกคนสันดานมันค่ะ ยื่นให้ดีๆ ก็ไม่ได้เสือกโยนมาซะฉันเกือบรับเอาไม่ทัน "ขอกูมั่งดิ คีตะ" รุ่นพี่จอมกะล่อนอีกสามคนเมื่อก่อนหน้าว่าขึ้นอย่างไม่นึกที่จะเกรงใจฉันที่ยังคงยืนอยู่ตรงนี้ "เสือก! นี่หลานรหัสกู" โอ้โหทุกคนดูปากมันสิคะ นี่ขนาดกับเพื่อนกับฝูงมันก็ยังไม่เว้นเลย แล้วคนที่เป็นแค่หลานรหัสของเขาอย่างฉันจะยังอยู่ดีได้อย่างไรจริงไหม เหอะๆ "ขอบคุณค่ะ ฉันขอกลับก่อนนะคะรุ่นพี่" ฉันเอ่ยเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ผู้อาวุโสกว่าตามมารยาทที่ทุกคนพึงมีและรีบหมุนตัวเองเดินออกจากจากตรงนั้นในทันที "ให้พี่ไปส่งไหมครับน้อง" พี่ที่ชื่อโทโมะถามฉัน เขาคงเห็นว่ามันเย็นมากแล้วก็เลยหวังดีที่จะไปส่งฉันกลับหอพักน่ะ "ก็...ดีเหมือนกันค่ะ" ฉันตอบรับอย่างรู้สึกยินดีเป็นที่สุดเพราะในเวลาพลบค่ำแบบนี้ก็คงไม่มีวินมอเตอร์ไซค์วิ่งแล้วอย่างแน่นอน ครั้นจะโทรเรียกแกร็ปโทรศัพท์มือถือก็ดันมาแบตหมดเอาซะได้! "เสร่อ" พี่คีตะหันไปต่อว่าพี่โทโมะ ราวกับโดนว่าพี่โทโมะเหยียบเข้าตรงหางยังไงยังงั้นแหละ! หมับ! "อ๊ะ! รุ่นพี่คะจะพาฉันไปไหน" จู่ๆ เขาก็ตรงมาจับมือฉันก่อนจะออกแรงลากให้ฉันยินยอมที่จะเดินตามเขาไปแต่โดยดี "ไปแมนชั่นเธอไง ถามอะไรโง่ๆ" เอ๋าไอ้คนนี้นี่แต๊ะอั๋งคนอื่นไม่พอยังจะมีหน้ามาด่าเขาอีก -_- "เดี๋ยวออกจากตรงนี้แล้วเลี้ยวซ้ายนะคะ เข้าไปในซอย..." "ฉันรู้น่าเธอพักอยู่ที่ไหน" เขาปัดใส่ฉันเพราะคงจะรู้สึกรำคาญที่ฉันไปรบกวนการขับรถของเขา "รุ่นพี่รู้ได้ไงคะว่าฉันพักอยู่ที่ไหน" ฉันหรี่ตามองคนที่นั่งประจำอยู่ที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่ค่อยไว้ใจ ก็ในเมื่อฉันกับเขาพึ่งจะมีโอกาสได้เจอกันเป็นครั้งแรกแต่เขากลับรับรู้แล้วว่าหอพักฉันอยู่ที่ไหน แบบนี้แล้วจะให้ฉันไว้วางใจมันได้ยังไงละ "ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนเหมือนเธอ" มันเอาอีกแล้วค่ะทุกคน น้องหมาในปากมันนี่คงมีไม่ต่ำกว่าสิบตัวอย่างแน่นอนดุจสิตากล้าเอาหัวเป็นประกัน! "ค่ะ...รุ่นพี่" ฉันแอบจิ๊ในคอเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจหันหน้าหนีเขาไปอีกทาว "ฉันไม่ได้ชื่อรุ่นพี่ ฉันชื่อคีตะ เรียกฉันว่าพี่คี" "ค่ะ ฉันขอโทษค่ะ" ฉันกัดขบกรามจนฟันจะหักอยู่แล้วนะ จะพ่นไฟออกมาเผาแกให้แหลกเป็นจุลได้อยู่แล้วนะเว้ย! อย่าเยอะเนอะ! "แทนตัวเองว่าหนูสิ อย่ามาพูดฉันกับฉันนะ" "พี่จะให้ฉันแทนตัวเองว่าอะไรคะ" แล้วนี่เมื่อไหร่มันถึงจะถึงแมนชั่นของฉันสักทีวะเนี่ย! โว้ย! ประสาทจะกิน "หนูสิ พูดเป็นไหมหนูอะ มีใครเคยสอนไหมว่ามารยาทเวลาพูดกับคนที่อายุมากกว่าอะต้องพูดยังไง" แหมๆ อย่างกับตัวเองมีมารยาทตายแหละตาแก่ปากเปรต😒 "แล้วทำไมพี่ไม่แทนตัวเองว่าพี่ละ" ฉันแกล้งถามกลับอย่างรู้สึกหมั่นไส้ไอ้คนขี้เต๊ะ "เรื่องของฉัน สาระแน" "แล้วจะนั่งเซ่อหาสวรรค์วิมานอีกนานไหม ถึงแมนชั่นของเธอแล้วก็เชิญลงไปสิ" ไอ้แก่บ้าฉันจะฆ่าแก๊! ผีห่าซาตานมันเจาะปากให้แกมาพูดใช่มั๊ยคะ ตอบ! "ขอบคุณค่ะ" อย่างน้อยๆ เขาก็ยังมีกะจิตกะใจมาเปิดประตูให้ฉัน เอาละ... ก็ถือว่ายังโอเคอยู่บ้าง "พรุ่งนี้ฉันมารับนะ" "ไม่เป็นไรค่ะ หนูสะดวกนั่งวิน" ฉันตอบตามความจริงเพราะไม่บ่อยนักหรอกที่ฉันจะใช้บริการแท๊กซี่ที่อยู่ปากซอย "นี่คิดจะอนาถา ทั้งที่อยู่แล้วก็การเดินทางเลยรึไงกันฮะ? ก็พอรู้อยู่ว่าโง่ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะโง่ได้ถึงขนาดนี้" ทุกคนดู๊! ดูปากมัน แล้วมันยังดูถูกแคลนว่าแมนชั่นฉันอนาถาอี๊ก ค่าเช่าเดือนนึงสามพันเชียวนะโว้ยอย่าได้คิดมาดูถูก เซฟแมนชั่น "ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่พี่เลยค่ะ วันนี้หนูคงต้องขอตัวก่อนค่ะ สวัสดีค่ะ" ฉันเบือกที่จะตัดบทโดยการไม่เถียง เพราะรู้ดีอยู่แกใจว่าเถียงกับคนประสาท เถียงจนคอเป็นเอ็นก็ไม่มีวันที่เราจะชนะมันหรอก จริงไหมละ! "แปดโมงเจอกัน" เขาลดกระจกมาบอกฉันก่อนจะขับรถออกไปตามเส้นทางเดิม "แต่ฉันมีเรียนสิบโมงย่ะ! แล้วก็อีกอย่างไม่ได้อยากเจอนายสักหน่อย คนบ้า! ฉันคิดในใจและกระแทกเท้าเดินกลับห้อง "กรี๊ด!" กรี๊ดมันออกมาลูกสาว เหยินว่าเหยินเข้าใจลูกสาวคนนดีเสียยิ่งกว่าใคร🤣 ส่วนไอ้พี่มันจะรู้ตัวบ้างไหมว่าอีน้องต้องไปหาหมอจิตเวชแล้วนะ สภาพ! ฮ่าๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD