“คุณเจเดนเป็นยังไงบ้างครับ เกิดอะไรขึ้นครับ”
ลีวายถามเจเดนด้วยท่าทางร้อนรนเพราะเห็นรถเจ้านายตัวเองชนเสาแถมยังเลือดออกที่หัวอีก
“ไม่เป็นอะไรมาก ไปเช็คกล้องวงจรปิดหาข้อมูลรถบรรทุกที่มันชนกูมาว่ามันเป็นใคร แล้วให้ว่านมาเคลียร์รถกูอย่าให้มีเจ้าหน้าตำรวจมาเจอมันจะวุ่นวาย”
เจเดนสั่งลีวายเสียงแข็งขบกรามแน่นด้วยความโกรธเพราะดูจากที่รถบรรทุกคันนั้นวนกลับมาชนเขาก็ทำให้เขารู้แล้วว่าต้องเป็นศัตรูเขาแน่ๆ
“ได้ครับ แล้วผู้หญิงคนเมื่อกี๊มีส่วนเกี่ยวข้องมั้ยครับ ผมจะได้ตามสืบทีเดียว”
ลีวายถามเจเดนอีกครั้งเพราะเห็นเปรี้ยวอยู่ในเหตุการณ์
“ไม่จำเป็น”
เจเดนตอบลีวายอย่างเย็นชาเมื่อหันไปมองแล้วไม่เห็นเธออยู่แล้ว เขาจึงไม่คิดจะสนใจเธออีก
“รับทราบครับ ให้บอกคุณเจด้ากับคุณเอวามั้ยครับ”
“ไม่ต้อง”
พูดจบเจเดนก็เดินกลับเข้าไปในผับเพื่อไปเอารถอีกคันขับกลับคอนโดโดยที่ไม่ยอมทำแผลก่อน ทางด้านเปรี้ยวก็เดินกลับมาห้องเช้าที่ห่างจากผับเกือบห้ากิโลด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“งานก็หาไม่ได้ แถมเจอผู้ชายที่ถูกสเปคก็ยังโดนเค้าเมินอีก คนอะไรหล่ออย่างกับเทพบุตร ถึงแววตาจะดุหน่อยก็เถอะ เฮ้ออ! แต่เค้าก็คงไม่น่าจะโสดแล้วมั้ง หล่อขนาดนั้นเนาะ”
เปรี้ยวพูดตัดพ้อพึมพำอยู่คนเดียวเมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อของเจเดน ตอนที่เธอสบตาเขายอมรับเลยว่าเธอโดนเขาตกเต็มๆ เพราะหน้าตาเจเดนนั้นตรงสเปคผู้ชายในฝันของเธอทีเดียว แต่เปรี้ยวก็ได้แต่คิดแค่นั้นเพราะยังไงคนแบบนั้นก็คงจะมีแฟนเลย ขณะที่เปรี้ยวกำลังเดินไปเรื่อยๆ ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นมีผู้ชายสามคนกำลังเดินตรงมาหาเธอ เปรี้ยวจึงแกล้งหันเดินกลับหลังไปทางเดิมเพราะไม่กล้าที่จะเดินสวนกับผู้ชายสามคนนั้น ด้วยความที่เธออยู่ตัวคนเดียวมาตลอดเธอจึงระวังตัวเองไม่ให้ไปอยู่ในที่เสี่ยงอันตรายกับตัวเองเสมอ ซึ่งสิ่งที่กลัวก็เป็นจริงเพราะเมื่อเธอหันหลังเดินกลับไปทางเดิมผู้ชายสามคนนั้นก็รีบก้าวเท้าวิ่งตามเธอ เปรี้ยวจึงรีบวิ่งไปทันทีเพื่อหาบ้านคนแต่ดันโชคร้ายเพราะแถวนี้ดันเป็นทางเปลี่ยวไม่มีบ้านคนสักหลัง จนเจอรถสปอร์ตหรูสีขาวกำลังขับมา เปรี้ยวจึงตัดสินใจวิ่งพุ่งไปขวางหน้ารถคันนั้นจนทำให้คนในรถต้องเบรกกะทันหันโชคดีที่จอดเฉียดเธอนิดเดียว เมื่อเห็นรถจอดแล้วเปรี้ยวก็รีบวิ่งไปฝั่งคนขับก็ตกใจเล็กน้อยเมื่อคนในรถเปิดกระจกมามองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“อยากตายก็ไปตายที่อื่น อย่าเอารถฉันมาเอี่ยว นี่เธอ!”
เจเดนที่กำลังขับรถมาก็ต้องมาอารมณ์เสียเมื่อมีคนมาขวางหน้ารถไว้ เลยเปิดกระจกด่าแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเปรี้ยวนั้นยื่นมือมาปลดล็อกรถแล้วรีบขึ้นไปนั่งบนตักเขาโดยตัวเธอหันหน้าเข้าไปซบอกแกร่งของเจเดนจากนั้นก็ปิดประตูรถทันที จนเจเดนถึงกับต้องรีบจับเธอออกแต่เปรี้ยวก็กอดเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ออกไปจากรถฉันเดี๋ยวนี้”
เจเดนพูดกับเปรี้ยวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดไม่พอใจ
“ขอโทษนะคะคุณ ได้โปรดช่วยฉันก่อนได้มั้ยคะ ผู้ชายสามคนนั้นพยายามจะตามจับฉัน ฉันกลัวโดนข่มขืน”
เปรี้ยวเอ่ยขอร้องเจเดนเสียงสั่น เจเดนจึงหันไปมองผู้ชายสามคนที่ยืนมองเขาอยู่ในรถแต่เพราะฟิล์มรถมืดทุกด้าน คนข้างนอกจึงมองไม่เห็นยกเว้นแต่คนในรถที่เห็นทุกอย่าง
“เธอกลัวพวกนั้นข่มขืน แล้วเธอไม่กลัวฉันจะข่มขืนเธอเลยรึไง”
เจเดนถามเปรี้ยวเสียงแข็งพยายามจะจับเธอออกแต่เธอดันกอดเขาไว้แน่นกว่าเดิมเพราะกลัวเจเดนจะจับเธอออกจากรถ
“ฉันยอมโดนคนหล่ออย่างคุณข่มขืนดีกว่าให้พวกนั้นข่มขืนค่ะ งืออ คุณก็อย่าใจร้ายกับฉันสิคะ ฉันเป็นผู้มีพระคุณช่วยคุณไม่ให้โดนรถชนนะ”
เปรี้ยวตอบเจเดนและทวงบุญคุณเขาขณะที่หน้าก็ยังซบอกแกร่งเขาไว้ด้วยความกลัวและกอดเขาไว้แน่นเมื่อเจเดนพยายามแกะมือเธอออกจากเขา จนเจเดนถึงกับถอนหายใจเอือมกับคำพูดของเปรี้ยวทันที
“เธอเป็นผู้หญิงประเภทไหนกัน หน้าไม่อายจริงๆ”
เจเดนบ่นให้เปรี้ยวอย่างไม่พอใจ เมื่อรู้สาเหตุที่เธอพยายามขึ้นมานั่งบนรถเขาเจเดนจึงจับเปรี้ยวเหวี่ยงไปนั่งเบาะฝั่งคนขับทันที
“อ๊ะ! ทำแรงไปมั้ยคุณ ฉันเจ็บนะ“
เปรี้ยวแว๊ดเสียงเจเดนเมื่อโดนเขาจับเหวี่ยงมานั่งฝั่งข้างคนขับ
“อยากให้ช่วยก็หุบปาก”
เจเดนพูดดุเปรี้ยวจนเธอต้องเงียบเสียงเพราะกลัวว่าเขาไม่พาเธอไป เมื่อจับเธอไปนั่งข้างๆ ได้แล้ว เจเดนก็ขับรถไปทันที จนขับเลยจุดนั้นมาไกลพอสมควรเจเดนจึงจอดรถข้างทาง
“ลงไป”
เจเดนเอ่ยไล่เปรี้ยวเสียงห้วนๆ จนเปรี้ยวถึงกับหันไปมองค้อนใส่เขา เพราะไม่เคยเห็นผู้ชายที่ดุมากแบบเขามาก่อน แต่ก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าอ่อนลงเมื่อเห็นแผลบนหน้าผากของเจเดน
“ก่อนลงขอทำแผลให้คุณก่อนได้มั้ยคะ เลือดไหลไม่หยุดเลย”
“ไม่ต้อง”
เจเดนพูดเสียงดุใส่เปรี้ยวแต่ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเธอไม่มีท่าทีกลัวเขาเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นเลยสักนิด
“ทำแป๊บเดียว ไม่เสียเวลาคุณหรอกค่ะ ถ้าไม่ให้ทำฉันไม่ลงรถนะ”
เปรี้ยวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมกับเจเดนอย่างจริงจังบ่งบอกว่าเธอจะไม่ยอมลงรถจริงๆ
“อย่ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง ฉันไม่ชอบ”
“ ฉันทำแผลให้แป๊บเดียว เดี๋ยวฉันก็ไป ถ้าคุณยังเถียงฉันอยู่แบบนี้แสดงว่าคุณอยากยื้อฉันไว้นานๆ นะคะ เพราะฉะนั้นกรุณาให้ฉันทำแผลด้วยค่ะ”
เปรี้ยวพูดสวนกลับเจเดนอย่างไม่ยอม จนเจเดนหันมามองตาขวางใส่เธอด้วยความไม่พอใจ
“ฉันไม่ชอบให้ใครจับหัว”
“แผลคุณอยู่ที่หน้าผากค่ะ ไม่โดนหัวแน่นอน”
“ฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะหน้าฉัน”
“สำลีโดนค่ะ มือฉันไม่โดนแน่นอน แม้แต่ปลายนิ้วก็ไม่โดนค่ะ”
“นี่เธอจะทำให้ได้เลยใช่มั้ย”
เจเดนขึ้นเสียงใส่เปรี้ยวอย่างไม่พอใจเมื่อเธอสวนกลับเขาทุกประโยค
“ค่ะ ฉันไปทั้งๆ ที่เห็นเลือดบนหน้าผากคุณไหลไม่ได้หรอกนะคะ ฉันทำแป๊บเดียว รับรองเลยว่าจะไม่ให้นิ้วโดนใบหน้าคุณแน่นอน”
เปรี้ยวตอบกลับเจเดนด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังไม่มีความเกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย จนเจเดนถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายเพราะนอกจากเจด้าและเอวาก็ไม่เคยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเขาแบบนี้
“จะทำแผล มีอุปกรณ์ทำแผลรึไง”
เจเดนถามเปรี้ยวขึ้นเพราะเบื่อที่จะเถียงกับเธอ
“ฉันพกติดตัวตลอดค่ะ นี่ไง”
เปรี้ยวหยิบกระเป๋าผ้ามีซิปใบเล็กออกจากกระเป๋าสะพายข้างของเธอแล้วเปิดหยิบเอาสำลี น้ำเกลือ และแอลกอฮอล์ล้างแผลขวดเล็กๆ ออกมาเตรียมทำแผลให้เขา ทำเอาเจเดนถึงกับคิ้วขมวดคิ้วสงสัยว่าทำไมเธอถึงพกอุปกรณ์ทำแผลติดตัวไว้ตลอดแต่ก็ไม่อยากถามเพราะไม่ได้คิดจะเจอเธออีก
“เอียงหน้ามานิดนึงได้มั้ยคะ”
เปรี้ยวเอ่ยบอกเจเดนเสียงอ่อน เมื่อได้ยินเธอบอกเจเดนก็เอียงหน้าไปหาเปรี้ยวเล็กน้อยเพื่อให้เธอทำแผลให้ เมื่อเจเดนทำตามที่เธอบบอกแล้วก็ลงมือล้างแผลให้เขาตามขั้นตอนที่ตัวเองศึกษามาอย่างตั้งใจทำเอาเจเดนถึงกับมองเปรี้ยวไม่วางตาเมื่อใบหน้าอยู่ใกล้ๆ เขา รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่เธอนั้นทำตามที่พูดจริงๆ เพราะนิ้วของเธอนั้นอยู่บนสำลีตลอดโดยไม่โดนหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย แถมยังทำอย่างเบามือโดยที่สีหน้าของเธอนั้นดูจริงจังและตั้งใจเป็นอย่างมากจนเจเดนรู้สึกว่าเธอแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอมาเมื่อล้างแผลให้เจเดนเสร็จแล้ว เปรี้ยวก็เอาผ้าผิดแผลให้เขาทันที
“เสร็จแล้วค่ะ”
เปรี้ยวเอ่ยบอกเจเดนขณะที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋า
“เสร็จแล้วก็ลงไป”
เจเดนบอกเปรี้ยวสั้นๆ เสียงเรียบ
“ค่า จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่า ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้นะคะ สวัสดีค่ะคุณสุดหล่อ”
พูดจบเปรี้ยวก็ยกมือไหว้เจเดนแล้วลงรถไปทันที โดยไม่รอให้เขาได้เอ่ยปากไล่ จนเจเดนได้แต่งงที่เธอนั้นยอมลงจากรถอย่างว่าง่ายแต่ก็ละความสนใจจากเธอแล้วขับรถไปทันที