พรลักษมีจงใจยิ้มเนือยๆให้คนทั้งคู่ มองตฤนแล้วสบตาหญิงสาวที่มากับเขาอย่างต้องการยั่วยุ เรมียาลูกสาวของนภาลัยนั่นเอง สวยเหมือนแม่เลยเชียว เธอต้องรู้จักผู้หญิงบ้านนั้น เพราะพ่ออยากให้เธอและครอบครัวใหม่รู้จักกันเอาไว้ คนเหล่านี้ไม่สำคัญพอจะให้เธอต้องไปมีอารมณ์ขุ่นมัวตาม เวลาที่ถูกพูดจาเสียดสีใส่
สามแม่ลูกนั่น นิสัยใจคอไม่ต่างกันนักหรอก อย่างที่เขาว่ายังไงนะ ดูนางให้ดูแม่งั้นสิ
“ก็มารับงานคล้ายกับที่คุณนภาลัยเคยทำไงจ๊ะ...เรนนี่”
พรลักษมียิ้มหมิ่นๆส่งให้หลังพูดจบ
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง”เรมียาตวาดเสียงกร้าวลืมไปเลยว่าควรสงบเสงี่ยมเมื่ออยู่ต่อหน้าจักรพรรดิ
“ฉันเบื่อแล้วพอดี กลับดีกว่า”
พรลักษมียักไหล่ เธอไม่แคร์คนพวกนี้สักหน่อย ใครจะรู้สึกยังไงก็ช่าง เลยไม่คิดจะเสวนาต่อก่อนเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าที่วางไว้ด้านในสุด เพื่อกลับห้องของตัวเอง
“ดื่มอะไรดี ตฤนนายจะดื่มอะไร”
เจ้าของห้องส่งเสียงถามโดยไม่รอคำตอบแล้วก้าวเร็วๆตามเธอเข้ามา แต่เขาตรงไปยังเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม มือหยิบจับแก้วแต่สายตาส่งแววตำหนิมาให้อย่างเปิดเผย
“พูดจาไม่น่ารักเลย”
ถึงเขาจะพูดขึ้นมาลอยๆแต่พรลักษมีรู้ว่าเขาหมายถึงเธอ ไม่น่ารักแล้วอย่างไร เธอไม่อยากให้ใครสักคนในนี้มารักเธอนักหรอก
“คุณมันก็ไม่ต่างจากนายตฤนหรอก”
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด จะตัดสินเอา ใครจะไปบังคับคุณได้ล่ะ” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจ มือยังสาระวนกับแก้วเครื่องดื่ม
“พวกเดียวกันทั้งนั้น ฉันน่าจะรู้แต่แรกไม่น่าหลงเข้ามาเลย แล้ว...ไม่ต้องไปตามฉันแล้วนะคะ”
พูดจบเธอตั้งท่าจะจากไปทันที จักรพรรดิมองแล้วนึกกรุ่นขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ได้แต่บอกตัวเองในตอนนั้นว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงกิริยามารยาทแบบนี้ มันไม่น่ารักก็เท่านั้นเอง
“เดี๋ยวก่อน แล้วแผลนี่จะเอายังไง มันยังไม่หายดีเลยนะ”
จักรพรรดิพูดเสียงขรึม เขานึกได้อย่างไรเอาเรื่องแผลที่เกือบจะหายดีมารั้งเธอไว้
“ช่างคุณสิ อีกอย่างมันหายดีมากๆแล้วด้วย หมดภาระของฉันตั้งแต่วันนี้ เลิกยุ่งกับฉันสักที” พรลักษมีไม่บอกลาใครทั้งนั้น ตรงกลับไปยังห้องของตัวเองทันที
เรมียาเพิ่งรู้ว่าพรลักษมีมีห้องที่นี่ และไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาเจอกันด้วย
ตอนมาถึงยัยนั่นยังอยู่ในห้องของชายที่เธอจับจองเอาไว้ในใจเงียบๆแบบนี้อีกต่างหาก
ยิ่งสร้างความไม่พอใจที่มีอยู่เดิมให้มากขึ้นจนแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่
มองตามหลังพรลักษมีไปด้วยสายตาเกลียดชังอย่างไม่ปกปิดเพราะตรงนั้นจักรพรรดิยังไม่เดินมาสมทบ ตฤนบอกขัดบรรยากาศขุ่นมัวขึ้นว่า
“พี่คิง เรนนี่เอาโครงการที่เคยคุยกันไว้มาให้ดูครับ”
จักรพรรดิเดินเข้ามานั่ง รับมาแล้วเปิดดูชั่วครู่ เงยหน้าบอกเสียงสุภาพ “ผมจะให้คุณแตแจ้งไปอีกทีนะครับ”
เขาหมายถึงเลขานุการสาวใหญ่ที่คอย
ดูแลเรื่องยิบย่อยของเขา
“แล้วเรื่องที่จะโพรโมตผับได้นางแบบหรือยังคะ
ให้เรนนี่จัดการเรื่องให้ไหม”
“ไม่เป็นไรครับ ลำบากคุณเรนนี่เปล่าๆ”
เจ้าของผับบอกปัดอย่างสุภาพ
ตฤนยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบแล้วถามขึ้นเหมือนไม่สนใจ
“เรนนี่รู้จักลูกหมีด้วยเหรอ”
“หลานเจ้าสัวชัยรัช ไม่รู้จักได้ยังไงละคะ”
เรมียาใช้ตำแหน่งนั้นของหญิงสาวที่เพิ่งจากไปบอกถึงความสัมพันธ์ของตน ดีกว่าจะแนะนำว่ามันเป็นลูกเมียหลวง เพราะเธอเป็นลูกเมียน้อยจริงๆ
ช่วยไม่ได้ ที่พ่อรักแม่เธอมากกว่าแม่ยัยนั่น ใครแพ้ก็ต้องยอมรับความจริงกันไป อีกอย่างเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วด้วย จนใครๆพากันลืมไปกันหมด
“เจ้าสัวชัยรัชเลยเหรอ”
ตฤนครางเสียงอ่อยๆแต่จักรพรรดิอมยิ้มยกแก้วเครื่องดื่มจิบรับฟังอย่างเดียว
“ค่ะ”
“แต่เห็นว่าเป็นหลานหางแถวน่ะค่ะ เจ้าสัวท่านรักแต่ลูกชายหลานชาย ใครมีลูกสาวหลานสาวก็ตกกระป๋องไปเลย”
“อย่างนั้นเชียว”
“เห็นอย่างนั้นเถอะ เอาแต่ใจได้โล่เลยนะคะ แม่บ้านรู้จักกันเล่าให้ฟังว่าขี้วีนมาก ไม่พอใจนี่จะด่าแวดๆ ด่ากราดสาดเสียเทเสียเลยค่ะ รุ่นน้องเรนนี่เรียนที่เดียวกับยัย...เอ่อ...กับลูกหมีบอกมาว่าแม่เนี่ยใช้เงินเยอะ ช็อปของแบรนด์มันมือจนเงินไม่พอ สุดท้ายมีพวกเสี่ยๆต่อคิวกันรับเลี้ยงยาวเป็นหางว่าวถึงอยู่มาได้ทุกวันนี้ไงคะ”
“ท่าจะจริง ดูอย่างวันนั้น ผมเห็นเมาอยู่ในผับ เป็นห่วงไงครับเลยจะเข้าไปช่วยสักหน่อย ตบผมเสียหน้าหงายเลย แถมยังมาว่าผมคิดจะลวนลามอีก พอมาอีกวันคว้ามีดจะแทงผม ดีนะพี่คิงมาช่วยทัน รับเคราะห์แทนผมไปเลย”
“ยัยนั่นเล่นขนาดนั้นเลยเหรอคะ แล้วคุณคิงเป็นอะไรมากไหมคะ”
“คงไม่เล่น น่าจะเอาจริง” ตฤนสำทับอย่างติดตลก
“อย่างว่า ไม่มีคนคอยสอนคอยตักเตือน จะว่าไปแล้วก็น่าสงสารนะคะ”
เรมียาแสร้งพูดราวกับเห็นใจบุคคลที่สามในหัวข้อสนทนาเสียเหลือเกิน
“คุณคิงบริหารผับคุณแม่แล้ว แขกเยอะกว่าเดิมอีกนะคะ คุณแม่นอยด์ใหญ่เลยว่าสงสัยคนไม่เชื่อทีมบริหารของท่าน”
จักรพรรดิยิ้มรับไม่ว่าอะไร เขากำลังคิดถึงหญิงสาวที่เพิ่งจากไป พรลักษมีนิสัยขนาดนั้นเลยหรือ ไอ้เรื่องฉุนเฉียวเขาพอรู้ว่าน่าจะจริง แต่แล้วเรื่องที่ทำร้ายนายตฤนนี่ล่ะ มันยังไง ส่วนเรื่องอื่นเขาต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองว่ามันจริงหรือไม่ที่เธอผ่านใครมานักต่อนักแล้วนั่นน่ะ