EP 4 ภาษามือ

1404 Words
ถามออกไป เธอก็เงียบ เออ ก็ยัยนี่พูดไม่ได้ ไม่ได้ยินเสียงนี่หว่า -*- ลืมไปซะสนิทว่าเตรียมสมุดโน้ตมาด้วย ผมล้วงสมุดออกมาเขียน ก่อนส่งไปให้เธออ่าน ‘เธอเอาไอ้นั่นไปซ่อนไว้ที่ไหน’ - -^ ‘Sorry, I don’t understand Thai’ =[]=” ให้ตาย นี่ผมกำลังคุยกับคนใบ้อินเตอร์อยู่เรอะ แล้วภาษาอังกฤษเท่าหางอึ่งอย่างผมจะคุยรู้เรื่องมั้ยเนี่ย? โธ่โว้ย! ทั้งที่ตั้งใจไว้แน่วแน่แล้วแท้ๆ ว่าของที่ยัยนี่ขโมยไปน่ะ ถ้าไม่ได้คืน ผมขอลาตาย!! เอาไงดีวะ ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตัดสินใจอะไร มือบางก็ฉวยสมุดโน้ตนั้นไปอีกครั้งพร้อมเขียนบางอย่างยุกยิก แล้วส่งคืนมาให้ ชื่อผับดังย่านรัชดาฯ ยัยนี่จะสื่ออะไร? พอหันไป ก็เห็นเธอทำท่าชี้โบ๊ชี้เบ๊ และพนมมือเขย่าๆ ตรงหน้า ท่าทางรีบร้อน ที่ทำงานใหม่สินะ จะให้ผมไปส่งเหรอ หึ... ฝันไปเหอะ รอยแค้นที่เธอฝากไว้เมื่อคืนมันยังไม่จางไปเลยนะเฟ้ยยย ไม่มีทางซะหรอก! คนอย่างไอ้ต๊ะน่ะ แค้น ฝัง หุ่น! - -^ “เฮ้ย ไอ้ต๊ะ! มาทำไรที่นี่คนเดียววะ” เสียงตะโกนข้างหูแข่งกับเสียงอึกทึก และแรงเขย่าที่บ่าทำให้ผมละสายตาจากนักร้องบนเวทีหันมองไปด้านหลัง แต่ยังไม่ทันได้ตอบ กังฟูก็ตบบ่าผมแรงๆ อีกหนและเปรยออกมาเบาๆ ขณะทอดสายตามองไปบนเวที “อ่อ รู้ละ...” เพลงที่ขึ้นทำนองใหม่เป็นจังหวะฮิปฮอปเร้าใจ พร้อมการปรากฏตัวของเธอคนนั้นในชุดแนบเนื้อยวนตา เข้ากันดีกับแว่นตาลายเสือดาว เธอจ่อไมโครโฟนชิดปาก ร้อง เต้น เป็นจังหวะเหมาะเจาะน่ามอง ไม่น้อยไป ไม่มากเกิน หนแรกผมถึงกับมองตาค้าง แต่พอนึกไปนึกมา ก็อดมุ่นคิ้วสงสัยไม่ได้ เสียงนั่น... จะว่าไปยัยนี่เป็นใบ้ แล้วทำงานแบบนี้ได้ยังไงนะ? ‘Why did you do that?’ (ทำไมคุณทำได้อะ?) หลังเลิกงานในผับ ผมก็รับเธอมานั่งเล่นกินลมอยู่ท่าน้ำที่เก่า ใต้เสาไฟฟ้าต้นใหญ่ เธอรับปากกาอีกด้ามไป ก่อนเขียนเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่ที่ใต้คำถามผม หงะ... หรือประโยคที่ถามไอ้กังฟูมานี่มันจะไม่ถูกหลักไวยากรณ์วะ ‘Sing a song’ (ที่ร้องเพลงน่ะ) คราวนี้เธอทำท่าเข้าใจ และจรดปลายปากกาตอบมาสั้นๆ ‘Lip-sync’ ล... ลิปซิ้งค์ =[]= ปัดโธ่! เรื่องง่ายๆ แค่นี้ทำไมผมคิดไม่ออกวะ อะ... ยัยนี่แอบหันไปหัวเราะเยาะผมแบบไม่มีเสียงด้วย จับโยนลงน้ำซะเลยดีมั้ยเนี่ย -*- แต่จะว่าไปถ้าเธอลิปซิ้งค์ได้ ก็แปลว่าเธอได้ยินเสียงอะดิ งั้นก็ไม่แปลกที่เธออ่านปากเก่งมาก ที่จริงเธออาจจะไม่ได้อ่านปาก แต่อาจจะได้ยินเสียง แค่พูดโต้ตอบไม่ได้ หรือว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรกับเธอในอดีตกันนะ เรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรถามซะด้วยสิ ใบหน้าเรียวสวยใต้แว่นกรอบใหญ่นั้นหันกลับมาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจรดปลายปากกาลงบนสมุดโน้ตที่ผมวางไว้บนตัก ‘What’s your name?’ ‘Tah, and you?’ ‘Pinto’ “ปิ่นโตเหรอ?” เธอเงยมองเพราะผมขยับถาม และเมื่อผมขยับปากทวนคำช้าๆ อีกครั้ง เธอก็พยักหน้ารับชื่อนั้นยิ้มๆ อ่านะ สงสัยจะเป็นลูกครึ่งไทยกับอะไรอีกสักชาติ มิน่าล่ะถึงผมดำจัดขนาดนี้ อยากรู้จังว่าตาเธอสีอะไร... ร่างบางข้างกายสะดุ้งก่อนผละหนี เมื่อผมแตะปลายนิ้วลงที่แว่นตาอันโตที่เธอสวมไว้ เรียวปากอิ่มเม้มแน่นท่าทางโกรธจัด และฉวยกระเป๋าลุกเดินหนีไปทันที ปล่อยผมให้นั่งเอ๋ออยู่ตรงนั้นพักใหญ่ ก่อนลุกขึ้นเดินตามอย่างไม่เข้าใจชีวิต ผมทำไรผิดวะเนี่ย =_=! “นี่ คุณ!” ผมวิ่งไปดักหน้า และโดยไม่ทันตั้งตัวก็ถูกเธอจับแขนพาดบ่า หันหลัง และเพียงเสี้ยววินาทีหลังจากนั้นโลกทั้งใบก็หมุนคว้าง... โครม! ผมนอนนิ่ง เบิกตากว้างมองผืนฟ้าไร้ดวงดาวอยู่อย่างนั้น ฟังเสียงรองเท้าส้นสูงเดินตึงตังจากไปอย่างหมดท่า เจ็บหัว เจ็บหลัง แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ‘งง’ มากกว่า ผมเนี่ยนะ โดนผู้หญิงจับทุ่ม!! บ่ายวันจันทร์ที่แสนเงียบเหงา ไม่มีงาน ไม่มีเรียน ผมเลยไม่มีอะไรทำได้แต่นอนเอกเขนกอยู่บนพื้นพรม จ้องพัดลมเพดานที่หมุนไปช้าๆ อย่างเหม่อลอย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหลายวันมานี้ในหัวผมมันมีแต่ภาพยัยนั่น ปิ่นโต... ผู้หญิงชื่อแปลกที่ชอบสวมแว่นตากันแดดเป็นชีวิตจิตใจ ถึงกรอบผมของคุณเธอจะชิดปิดแก้มไปหน่อยรวมถึงหน้าม้าปัดที่ยาวซะปิดหน้าปิดตา ไม่รู้จะแต่งตัวลึกลับไปไหน -*- แต่ดูยังไงก็รู้ว่าเป็นคนสวย... สวยมากซะด้วย ทำไมต้องหวงไม่ยอมให้ผมเห็นหน้าชัดๆ ขนาดนั้น? หรือที่จริงยัยนั่นจะตาเหล่ =_= หลายวันมานี้น่ะ ผมเสียเวลาไปซุ่มอยู่หน้าบ้านหลังนั้นวันละหลายชั่วโมงเลยละ ก็ไม่ยักเห็นใครเข้าออกเลยซักคน เฮ้อ! ทำไมอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้นถึงได้ดูเป็นปริศนาขนาดนี้กันน้า... “ว่างมากนักรึไง?” ใบหน้าอ่อนใสในกรอบผมซอยสั้นกัดสีน้ำตาลอมทองชะโงกมามองผมจากทางเหนือศีรษะ อืม... มองกี่ทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเฮียผมนี่น่ารักเป็นบ้าเลย สวยกว่าผู้หญิงหลายคนที่ผมเคยคั่วมาซะอีก เมื่อไหร่จะมีใครมากระชากเฮียผู้แสนประเสริฐของผมลงจากคานซะทีน้า “ถ้าว่างมากก็ไปช่วยหน้าร้านหน่อยสิ” “เฮีย...” “อะไร? ทำไมทำเสียงแบบนั้น หรือไม่สบาย“ เฮียเติ้ลยื่นมือมาอังหน้าผากผม อีกมือแตะหน้าผากตัวเองเพื่อวัดไข้ เกือบจะซึ้งอยู่แล้วนะ ถ้าไม่ใช่พอรู้ชัดว่าผมสบายดีแล้วเฮียก็ตบหน้าผากผมจนหัวเกือบหลุดแบบนี้อะ -*- “สอนภาษามือให้หน่อยดิเฮีย” “...” เฮียเติ้ลเลิกคิ้ว เบ้ปาก ก่อนบ่นพึมพำอะไรสักอย่าง แล้วทำท่าจะเดินหนี “โธ่ เฮี๊ยยยย” ผมกระโดดตะครุบขาเฮียไว้พร้อมเรียกเสียงสูง จนเฮียค่อยหันมา ทำหน้าเหี้ยม แถมด้วยหักนิ้วข่มขวัญ เอิ่ม.. อาการแบบนี้มัน =_=; ผัวะ! “อย่าเซ้าซี้ได้มั้ย ไปทำงาน!!” “ครับ T_T” เตะตีผมจนพอใจเฮียก็ฮึดฮัดเดินหายไปหลังร้าน ปล่อยให้ผมออกไปเผชิญชะตากรรมโดนลูกค้าสาวๆ โลมเลียอยู่หน้าเคาน์เตอร์ จะว่าไปเมื่อก่อนผมก็ชอบนะ แต่ทำไมช่วงนี้มันเบื่อๆ... “จะเรียนภาษามือไปทำไม” เสียงใสถามห้วนอย่างเคย เรียกให้ผมหันมองอาเฮียตัวเล็กของผมที่ไม่รู้มายืนก้มหน้าก้มตาจัดของอยู่ข้างกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ใจอ่อนแล้วดิ เฮียผมก็เงี้ย ปากร้ายใจดี จับจุดได้ไม่ยากหรอก -_-v “จีบสาว” ผมว่า พลางยักคิ้ว เฮียเติ้ลเบ้หน้า หันมามองราวกับผมเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลก “โธ่ เฮียก็ สอนหน่อยน่า เมื่อก่อน (ตอนมาดแมน) เฮียเคยมีกิ๊กเป็นสาวใบ้ข้างบ้านนี่ ถึงตอนนั้นยังเด็กแต่ผมจำได้นา -0-” เรื่องภาษามืองูๆ ปลาๆ น่ะ ผมรู้มาเพราะเคยเห็นเฮียจู๋จี๋กับแม่กิ๊กคนนั้นแหละ “ชื่ออะไรนะ อาเจ๊คนนั้น?” “พิณ...” “อืม ตอนนั้นรู้สึกว่าเค้าทิ้งเฮียไปใช่ป่ะ” “ไม่ใช่ -*- พิณเค้าย้ายตามพ่อแม่ไปอยู่บราซิล” เออแฮะ เมื่อก่อนมีจดหมายจากต่างประเทศมาถึงเฮียอย่างบ่อย แต่ช่วงหลังนี่รู้สึกจะคุยกันผ่านเฟซไทม์ละมั้ง ผมเคยเห็นแว็บๆ นานแล้วละ ตอนเดินผ่านห้องนอนแล้วเฮียเปิดประตูแง้มไว้ “เป็นไงบ้างล่ะเจ๊พิณน่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD