Prologue First kiss
จำได้ไหม... คุณจูบครั้งแรกเมื่อไหร่?
คุณบางคนอาจจะตอบว่าจำฝังใจ หรือบางคนอาจจะอินโนเซนส์จนแก้มแดงกับคำถามนั้นเพราะยังไม่มีโอกาสได้รู้ว่าจูบเป็นยังไง แต่ผมจะบอกว่าพวกคุณโชคดีนะ ตัวผมสิที่โชคร้าย...
ผมจำได้แค่คืนที่ผม ‘อกหัก’ ครั้งแรกในชีวิต เป็นคืนที่ฝนเทกระหน่ำราวฟ้ารั่ว เป็นคืนที่ผมเมาจนฟุบอยู่ในผับทั้งที่อายุไม่ถึง (ก็เมื่อก่อนไม่ได้ตรวจเข้มอะไรมากนี่ -_-+)
และเป็นคืนที่ผมจูบใครสักคนที่ลากตัวผมกลับมาจนถึงบ้านตัวเอง
น่าแปลกที่เวลาผ่านมาตั้งสี่ปีแล้ว ระหว่างนี้ผมเองก็ผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วนเพราะอยากประชดใครบางคนที่ไม่เห็นค่าความรักของผมในวันนั้น... แต่ผมกลับไม่เคยลืมรสจูบในคืนนั้นได้เลย ราวกับกลิ่นหอมหวานๆ ยังติดตรึงอยู่ที่ปลายจมูกและริมฝีปาก ราวกับผิวเนื้อนุ่มเนียนยังจารจารึกอยู่ในความทรงจำยากที่จะทิ้งไป อีกทั้งตอนที่ตื่นผมมีกระดุมเสื้อของใครสักคนที่ไม่ใช่ของผมอยู่ในมือด้วยละ =_= ทั้งที่จำได้ว่าผมไม่ได้ทำอะไรมากกว่าจูบนะ
เฮ้อ! ใครจะตอบข้อสงสัยผมได้ล่ะเนี่ย
ผมกลับไปที่ผับนั้นด้วยนะในวันรุ่งขึ้น กลับไปถามบาร์เทนเนอร์คนเดิมที่ชงเตกีลาให้ผมจนฟุบคาแก้วด้วยความอ่อนหัดในวัยเยาว์ T^T เพราะโทรศัพท์ผมตกหาย (อาจจะ)ระหว่างถูกลากกลับบ้าน เลยเช็กเบอร์ไม่ได้ว่าหมอนี่โทรตามใครให้ และรุ่นพี่บาร์เทนเนอร์ก็ให้คำตอบผมได้กระจ่างมากๆ!
‘ผู้หญิง... คนที่มารับคุณเมื่อคืนเป็นผู้หญิง’
ผมสืบได้แค่นี้แหละ หน้าตายังไง ผมสั้น ผมยาว ผิวขาว ผิวคล้ำ เฮียแกไม่รู้อะไรซักอย่าง! บอกแต่ว่าตอนนั้นมันมืดมาก คนที่มารับผมก็ใส่หมวกแก๊ปบังฝนเลยไม่ทันมองว่าตัดผมทรงไหน อะไรยังไง ประกอบกับมัวแต่หิ้วปีกผมโยนขึ้นไปบนรถแท็กซี่กับผู้หญิงคนนั้น ตัวเองจะได้กลับบ้านซะที
ช่างดูแลลูกค้าได้ดีจริงๆ -_-*
พึ่งใครไม่ได้ผมเลยมานั่งตรึกตรองเอาเอง และพบว่าผู้ต้องสงสัยในคดีนี้มีสามคน!
คนแรก ‘ซายน์’ ยัยตัวเล็กที่เคยหักอกผมนั่นแหละ
ไม่รู้ว่าจริงหรือฝัน แต่คืนนั้นเหมือนผมเห็นหน้าเธอรางๆ เธออาจเป็นคนที่บาร์เทนเนอร์สุ่มเบอร์ในโทรศัพท์มือถือเรียกให้มารับผมก็ได้ เพราะในความทรงจำที่เลือนรางนั้นเหมือนผมจะถาม... ถามผู้หญิงคนนั้นว่า...
‘ทำไมเป็นพี่ไม่ได้...’
ใช่... มันคือคำถามที่ผมไม่เคยถามซายน์ แต่ติดค้างอยู่ในใจผมตลอดเวลา ไอ้เนธัชแฟนเธอน่ะ! มันเคยเห็นซายน์ถูกผู้หญิงคนอื่นที่มาตอมมันผลักล้ม แล้วยืนมองเฉยๆ ไม่ช่วยอะไรเลยนะ!! ผมสิดีกับเธอทุกอย่าง ผมรักเธอ... รักเธอ... อย่างที่ไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนได้มากมายขนาดนั้น แต่ทำไมเธอถึงมองผ่านผมไปราวกับผมเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านตัวเธอให้เย็นสบาย
แต่ลมก็คือลม ไม่อาจมีตัวตน ไม่อาจจับต้องได้...
สำหรับเธอ ผมเป็นได้แค่นั้น
นอกเรื่องไปไกล... ฮ่าๆ ผมบ้าว่ะ เวลาก็ผ่านมาตั้งสี่ปีแล้วยังตัดใจจากเด็กนั่นไม่ได้ซะที... วันที่ผมตั้งข้อสันนิษฐานว่าเธออาจเป็นคนไปรับผม ก็ได้ข่าวว่าเธอไม่สบายเข้าโรงพยาบาลพอดี เดาว่าเธอคงไม่อยากเจอหน้าผมเท่าไหร่ เลยปล่อยให้ผู้ต้องสงสัยรายแรกลอยนวลไปก่อน
ผู้ต้องสงสัยคนที่สอง ‘น้ำค้าง’ เด็กข้างบ้าน
เธออ่อนกว่าผมห้าปี เพราะฉะนั้นวันที่เกิดเหตุ... เธอเพิ่งอายุสิบสาม -0-! น้ำค้างชอบมาป้วนเปี้ยนใกล้ผมตั้งแต่เธอยังตัวกะเปี๊ยก แถมสัญญิงสัญญาว่าถ้าโตเมื่อไหร่จะเป็นเจ้าสาวให้ผมด้วยนะ ผมก็ได้แต่รับคำขำๆ บอกให้เธอโตไวๆ แล้วจากนั้นเธอก็โตเอาๆ จนน่าตกใจ (ยกเว้นความสูงที่ดูเหมือนจะหยุดนานละ) แถมมีทีท่าว่าชอบผมโดยไม่ปิดบัง
ถ้าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นน้ำค้าง ก็ไม่แปลกที่เธอจะไม่ขัดขืนอะไรเลยแบบนั้น...
แต่พอเอากระดุมเสื้อไปยื่นให้น้ำค้างดู เธอก็มองหน้าผมงงๆ พักใหญ่ จากนั้นก็ทำตาเป็นประกายถามผมว่าซื้อมาให้เธอเป็นของขวัญเหรอ เอิ่ม... ได้ข่าวว่ามันเป็นกระดุมเสื้อที่ทำจากกะลาสีน้ำตาลแบบเรียบที่ใหญ่กว่ากระดุมเสื้อธรรมดานิดหน่อย และต้องใช้เข้าชุดกันนะ จะซื้อมาให้เม็ดเดียวทำเพื่อ? พอถามว่าไม่ใช่ของเธอเหรอ น้ำค้างก็ทำหน้างงไปใหญ่
โอเค... อาจไม่ใช่ยัยนี่ก็ได้
ผู้ต้องสงสัยคนที่สามเป็นคนที่ผมไม่อยากสงสัยที่สุดในโลก =_=
เฮียเติ้ล พี่ชายผมเอง T^T!
กับคนนี้คงต้องเท้าความยาวหน่อย เฮียเติ้ลเป็นลูกติดของแม่แป๋วที่มาแต่งงานกับพ่อตอนผมยังตัวกะเปี๊ยก เมื่อก่อนเฮียมีลูกน้องวิ่งตามเป็นโขยง ผมเองก็เป็นหนึ่งในลูกน้องเฮียตอนนั้น ตอนที่จำความได้ก็วิ่งตามหัวทุยๆ เกรียนๆ ของเฮียไปทั่ว
เฮียผมเคยเป็นขาโหด เป็นนักเลงคุมซอย เป็นพี่ต่างสายเลือดที่ผมรักและนับถือโคตรๆ ยกไว้เหนือหัวเลยครับกับคนนี้ =_= แต่เฮียก็ทำร้ายความรู้สึกผมในเช้าวันหนึ่ง...
คือวันแรกที่แกลุกขึ้นมาแต่งหญิง!!!!
พ่อกับแม่แป๋วถึงกับปล่อยโฮลั่นบ้าน! ใครจะไปรู้ว่าอยู่มาวันหนึ่ง... อดีตเด็กตัวผอม หัวเกรียน ลูกพี่ของเหล่าเด็กผู้ชายทั้งซอยกลับกลายเป็นสาวสะพรั่งร่างเล็กบอบบางไปซะได้เล่า!! T^T
พวกลูกกระจ๊อกวัยเด็กถึงกับพากันช็อก... จนต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มรายตัวกันเลยว่างั้น (ส่วนหนึ่งเพราะพยายามเกลี้ยกล่อมเฮียแกให้กลับใจ แล้วโดนสกายคิกส์อย่างเคยมือเคยเท้ากันนั่นละ)
นี่แหละครับ ผู้ต้องสงสัยรายที่สามของผม ที่น่าสงสัยเพราะชื่อเฮียอยู่อันดับต้นๆ ของรายชื่อที่เมมฯ ไว้ในโทรศัพท์ที่หายไปคืนนั้น แล้วที่สำคัญเราอยู่บ้านเดียวกัน! ผมทำใจอยู่นานกว่าจะกล้ายื่นกระดุมเสื้อให้ดูตอนที่เฮียกำลังเตรียมอาหารเย็น
เฮียมองมาแวบหนึ่ง แล้วหันกลับไปสับหมูต่อ ปากก็บอกสั้นๆ
‘เสื้อแกอยู่ไหนล่ะ วางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ เดี๋ยวฉันเย็บให้ เออ!’ ตอนนั้นเฮียกระแทกปังตอกับเขียงดังปัง! ทำเอาหัวใจผมตกไปอยู่กับตาตุ่ม T_T
‘คิดไปคิดมานะตะเกียบ’ แกชอบเรียกผมแบบนี้แหละ เพราะตอนเด็กๆ แกบอกว่าผมทั้งผอมทั้งสูงเหมือนตะเกียบไม้ไผ่ ‘แค่กระดุมเสื้อหลุดนี่แกไม่มีปัญญาเย็บเองเรอะ! ฉันทำทั้งงานที่ร้านน้องหมา ทั้งงานบ้าน ทั้งทำกับข้าวให้แกกิน เรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้หัดทำเองซะบ้างเหอะ คราวหน้าคราวหลังอย่ามาใช้ฉันเหมือนนังแจ๋วอีกนะ แล้วจะหาว่าไม่เตือน -_-+’
พูดพลางยกปังตอขึ้นชี้หน้าแยกเขี้ยวใส่ ทำเอาผมขวัญผวาต้องรีบช่วยเฮียจัดโต๊ะรอเพราะรู้ได้เลยจากการเติบโตมาด้วยกันว่านี่คืออาการโมโหหิว T^T!
ตัดออกได้ทันที! ผู้หญิงในคืนนั้นไม่มีทางเป็นเฮียแน่ เพราะ
1. สำหรับผมเฮียไม่ใช่ผู้หญิง -_-;
2. ถ้าเป็นเฮียผมคงโดนถีบร่วงโซฟาแถมด้วยกระทืบซ้ำตั้งแต่ยังไม่ทันจูบ
3. ถ้าคืนนั้นเฮียถูกผมจูบจริงอะไรจริง ต้องมีปฏิกิริยาทางใดทางหนึ่งกับผมบ้างเด้! เพราะตั้งแต่กลายร่างเป็นสาว เฮียอ่อนไหวขึ้นเยอะเลยนะ ไม่มีทางมองหน้าผมปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้หรอก!
‘ไหนล่ะเสื้อที่จะซ่อม เอามาๆ ฉันไม่ได้มีเวลารับใช้แกทั้งวันหรอกนะ’
คือคำถามหลังจากทานข้าวเสร็จแล้วจิกหัวใช้ผมล้างจาน ผมเลยโกหกเฮียไปว่าเดี๋ยวเย็บเอง อยากทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง แค่นั้นเฮียก็แบะปาก ยักไหล่ แล้วเดินออกจากครัวไปเหมือนผมเป็นหัวหลักหัวตอเดินได้ =_=
ถ้าจะให้ผมให้คำจำกัดความกับเฮียนะ ผมคงพูดได้แค่...
ปากร้าย ใจดี ตีนหนัก
นั่นละเฮียผม!
จากวันนั้น... ถึงวันนี้... ผ่านมาสี่ปีผมก็ยังสงสัยไม่หายว่าเจ้าของกระดุมที่ผมยังเก็บไว้นี่เป็นใคร ผมยังไม่เคยถามซายน์เลยเพราะช่วงแรกที่หักอกผม เธอดูไม่ค่อยกล้าสู้หน้าผมเท่าไหร่ นั่นยิ่งทำให้ผมสงสัยว่าอาจเป็นเธอเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยนะ!! เพราะช่วงนั้นยัยนั่นชอบใส่เสื้อเชิ้ตด้วย แต่จนเวลาผ่านไปๆ ผมก็ไม่กล้าถามเธออยู่ดี
และจากวันนั้นถึงวันนี้ ซายน์ก็ดูมีความสุขดีที่มีเนธัชอยู่ข้างๆ ในฐานะ ‘คนรัก’ และมีผมในฐานะของ ‘เพื่อนพี่ชาย’ ...พี่ชายอีกคนนอกจากไอ้โซดา เพื่อนรักของผมที่เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเธอ
ยิ่งนับวัน ยิ่งมั่นใจ ว่าซายน์คือผู้หญิงคนนั้น ผมเลยเลือกที่จะเก็บความทรงจำนั้นไว้พร้อมกับใส่กระดุมเม็ดนั้นไว้ในกล่องปิดตายแล้วซุกมันไว้ใต้เตียง ต่อให้วันนั้นผมจูบเธอ... ต่อให้วันนั้นเธอไม่ขัดขืนสักนิดไม่ว่าจะด้วยเหตุใด... แต่วันนี้เธอก็แสดงออกให้ผมเห็นชัดเจนว่าระหว่างเรา ไม่อาจเปลี่ยนสถานะเป็นอื่นไปได้
อาจถึงเวลาแล้วก็ได้...
ที่ผมต้องตัดใจจากซายน์ซะที