ตอนที่14

3064 Words
    กัณภัคเองก็สำลักจนหน้าดำหน้าแดง ให้ตายเถอะ เธอไม่น่าพูดนำเลย ขำจนแสบคอแสบจมูกไปหมด “ไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่ารู้สึกจะเยอะเหลือเกินนะคะวันนี้” คุณหมอสาวแม้จะเขินแต่ก็อดเหน็บอีกคนไม่ได้ ไม่รู้คลึ้มอกคลึ้มใจอะไรมาเล่นมุขกลางวงกินนี่ “สงสัยอากาศมันแปรปรวนมั้งคะ” ฮ่ะ ๆ “อืมเห็นด้วยค่ะอากาศกำลังแปรปรวน แบบนี้มีสิทธิ์ไม่สบายได้นะพี่ว่ามั้ย” กรนันท์เอ่ยขึ้นพยายามกลั้นยิ้มเต็มที่ และอีกคนก็รับมุขได้ใจจริง ๆ “ไม่สบายก็นี่ไงคะหมอ” ฮ่า ๆ “ยัง ๆ ยังเล่นไม่หยุดอีกนะคุณเนี่ยไนซ์เอาอะไรให้พี่เรากิน ถึงได้อาการกำเริบแบบนี้ฮึ” คิก ๆ “อาการรักเหรอพี่หมอ ไนซ์ไม่เกี่ยวนะคะ” นั่นเอาเข้าไปแต่ละคนเพิ่งจะรู้ว่าเนย่ารู้สึกยังไงก็ตอนนี้แหละ อาหารกลางวันที่เต็มไปด้วยบรรยากาศทั้งขำทั้งฮาทั้งเขิน กว่าจะจบลงได้ก็บ่ายคล้อยไปเยอะ “ม่อนปีนต้นมะพร้าวไหวหรือเปล่ากินอิ่ม ๆ น่ะ ไปตัดก้านมะพร้าวมาจะได้สร้างกำบังลม พวกพี่จะไปตัดเอาพวกต้นไม้เล็ก ๆ มาเสริมทับกัน” กัณภัคบอกกับน้องหลังจัดการมื้ออาหารจนอิ่มหนำ ก็ได้เวลาทำงานกันต่อ “ได้อยู่พี่เดี๋ยวหาต้นเตี้ย ๆ หน่อยเอาเยอะมั้ยล่ะ” “สักสิบยี่สิบก้านโน่นแหละ เอาลงมาเหอะเดี๋ยวไปช่วยลาก” “จัดไปค่ะ” มณนิชาแยกตัวไปตัดก้านมะพร้าวส่วนพี่ ๆ ที่เหลือก็มุ่งเข้าไปแนวป่าช่วยกันเก็บเอาใบตองมามุงหลังคาอีกชั้นกันฝนรั่ว “คงจะตกชัวร์แน่เลยค่ะ ดูมดพวกนี้คาบไข่เตรียมหนีน้ำกันแล้ว” กัณภัคชี้ให้ทุกคนดูมดดำที่เดินกันเป็นสายยาวขึ้นไปตามต้นไม้ “งั้นเราก็รีบกันเหอะ เผื่อเทกระจาดลงมาก่อนมืดจะลำบาก”     ทุกคนต่างเร่งมือช่วยกันขนพวกกิ่งไม้เล็ก ๆ ออกมาไว้แล้วก็เข้าไปช่วยกันเก็บใบตอง งานเริ่มเร่งแข่งกับสภาพท้องฟ้าที่เหมือนกลุ่มเมฆเริ่มตั้งเค้ามาบ้างแล้ว กำบังลมถูกสร้างขึ้นง่าย ๆ แต่เน้นความแข็งแรงเพื่อต้านลมได้ ก้านมะพร้าวหลายสิบก้านถูกตั้งชันและมัดเข้ากับคานไม้ไผ่ และทาบซ้อนด้วยต้นไม้เล็กเป็นพุ่มยัดซ้อนกัน จนกลายเป็นกำแพงยาวเกือบสามเมตร “เท่านี้ก็น่าจะเป็นกันสาดให้เราได้แล้วนะ” สาว ๆ มองผลงานพร้อมกับยิ้มให้กันก่อนที่จะจัดการช่วยกันเอาตับใบตองขึ้นมุงหลังคากระท่อมทั้งสองให้หนาขึ้นอีกชั้น “เรียบร้อย ใครจะข้ามไปอาบน้ำฝั่งนั้นหรือจะรออาบน้ำฝนกัน” อัญญาวีถามขึ้นเมื่องานเสร็จทันก่อนที่ฝนจะเทลงมา “รออาบน้ำฝนก็ไม่เลวนะพี่” “ถ้างั้นตอนนี้ยังมีเวลาเราทำอาหารกันไว้ก่อนดีมั้ย ถ้าฝนตกมาไฟก็ใช้ไม่ได้แล้วนะ” กิ่งกานต์แนะนำ “ถ้างั้นเอาเมนูง่าย ๆ แล้วกันนะเอาปูมาย่างกับต้มมันนกนี่ก็พอ มื้อเย็นกินแค่นี้คงพอแล้วล่ะ ส่วนลูกก่อเอาไว้ต้มพรุ่งนี้แล้วกัน” เมื่อสรุปกันได้ต่างก็แยกย้ายช่วยกันจัดการกับอาหารให้เสร็จโดยเร็ว “ตอนนี้มันน่าจะกี่โมงแล้วนะห้าโมงได้มั้ย ตอนเรากินมื้อกลางวันเสร็จตะวันมันลงประมาณนี้” กัณภัคพูดขึ้นมาขณะพากันย่างปู “น่าจะประมาณนั้นล่ะเมฆคลึ้มมาเชียว” ณัฐพัชมองดูฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำมาเรื่อย ๆ “เสร็จแล้วอาหารเอาเข้าเก็บไว้ในกระท่อมกันเลยนะ แล้วโต๊ะกินข้าวเราก็ย้ายมาไว้ใต้ถุนนี่ หรือใครหิวจะกินกันเลยก็ได้ถ้าฝนตกหนักเราคงก่อไฟไม่ได้” พี่ใหญ่บอกกับน้อง ๆ “ไนซ์จะกินตอนนี้เลยเหรอ?” เนย่าถามคนที่กำลังปอกเปลือกมันใส่กะลามะพร้าว “ยังค่ะแต่ปอกไว้ก่อน ถ้าไม่มีแสงสว่างก็หยิบเข้าปากเลยง่ายดี” “ถ้างั้นปูพวกนี้เราก็แกะเอาแต่เนื้อเลยแล้วกันนะ หิวก็จะได้กินเลย” เรวิกาเสนอบ้างและทุกคนก็เห็นด้วยอาหารสองอย่างถูกจัดการให้เหลือเพียงส่วนที่กินได้ และจากนั้นไม่นานฝนห่าใหญ่ก็เทลงมายังกับฟ้ารั่ว “อู้วเย็นชื่นใจจริง ๆ ไม่ได้เล่นน้ำฝนมานานแล้วนะเนี่ย” นรากรกล่าวขึ้นพลางแหงนหน้ารับหยาดฝนที่เทลงมา พวกเธอคิดถูกที่สร้างกำบังลมเพราะด้านนี้ลมทะเลพัดแรง สาดเข้าหากระท่อมจริง ๆ “พี่ไนซ์ไม่ได้สาบถสาบานอะไรไว้นะพี่ ฟ้าแรงนะนั่น” ฮ่ะ ๆ “เฮ้ย! ไม่เคยมีประวัติไอ้น้อง เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ใจไม่ใช่คำสาบาน หึ ๆ” “อย่าเล่นน้ำฝนกันเพลินนะเด็ก ๆ เดี๋ยวหมอพี่ เอ้ย พี่หมอจะงานเข้าไม่สบายมาจะลำบากนะ” “โห่วันนี้พี่เราเอาทุกช๊อตจริง ๆ เลยน๊า พี่หมอใส่อะไรมากกว่าใจลงในอาหารหรือเปล่าเนี่ย” เฮ้วว ฮ่า ๆ กิ่งกานต์ส่ายหัวจนไม่รู้จะพูดยังไงกับคู่บัดดี้ตัวเอง วันนี้ไม่รู้กินอะไรผิดมาถึงได้หยอดกันเรี่ยราดแบบนี้ เนย่าก็ทั้งเข้าใจพี่หมอทั้งขำมุขพี่สาวอีกคน ไม่ได้หนีกันกับคนของเธอเลย เหมือนกินยาชนิดเดียวกันมาไม่ผิด “จับแยกมั้ยเนย่าเป็นเพราะปล่อยให้อยู่ด้วยกันมากไปหรือเปล่า ไหลซึมเข้าเส้นเลือดหมดทุกคนแล้วมั้งน่ะ” คุณหมอสาวพูดขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้ “อุ๊ย! ทำแบบนั้นไม่ได้สิพี่หมอถ้าเราจับแยกก็เข้าทางเขาเลยสิคะ ตอนนี้พวกเขานอนด้วยกันนะพี่ ถ้าจับแยกไม่กลายเป็นมานอนกับเราเหรอคะ” “เออนะพี่ก็ลืมไป หึ ๆ งั้นปล่อยให้เกาะกันอยู่แบบนั้นแหละ” “ทุกวันพี่อัญก็ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้นะคะ แต่วันนี้แปลกจริง ๆ นั่นแหละ มีอะไรสะกิดพี่เขาหรือเปล่าคะ” เรวิกาอดที่จะตั้งคำถามขึ้นมาไม่ได้ “นั่นสิพี่หมอ เมื่อวานพวกพี่เข้าป่ากันสองคนเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” ชาลิศาเอ่ยเย้ารุ่นพี่ไปด้วย “ทุกวันก็ไม่ใช่แบบนี้นะ พี่ถึงแปลกใจนี่ไงว่าไปกินอะไรผิดสำแดงมาน่ะ” ทั้งสี่สาวที่หลบเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าในกระท่อม ก็คุยกันไปด้วยในเมื่อฝนข้างนอกยังตกหนัก พวกเธอก็ต้องหลบอยู่แต่ในนี้แหละ “อ้าว แล้วนี่พี่นันท์ยังไม่มาเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกเหรอคะ” เนย่านึกถึงพี่สาวอีกคนที่นอนด้วยกันกับพวกเธอ “เดี๋ยวนะ เป้พี่เขาไม่อยู่ นี่เตรียมการอะไรกันหรือเปล่าเนี่ยสงสัยย้ายไปชุมนุมกันที่กระท่อมหลังนั้นแน่ ๆ เลยค่ะ” ชาลิศาเอ่ยขึ้นให้สามสาวทำหน้าคิดตาม “ไม่น่าไว้ใจนะเนี่ยแล้วพี่ใหญ่นั่นจะพาน้อง ๆ ทำอะไรพิเรนทร์กันหรือเปล่า” คิก ๆ “พี่หมอพูดเหมือนพวกเขาจะวางแผนทำมิดีมิร้ายพวกเรายังงั้นแหละ” เนย่าอดขำกับคำพูดพี่ไม่ได้ถึงแต่ละคนจะดูกะล่อนเจ้าเล่ห์ แต่ก็คงไม่บ้าทำอะไรแบบนั้นหรอกมั้ง ก็นี่มาถ่ายรายการนะไม่ใช่ว่าติดเกาะจริง ๆ หึ ๆ “ไม่ได้กลัวเรื่องนั้นหรอกค่ะ แต่ไม่รู้ไปประชุมเพลิงคิดทำอะไรกันประหลาด ๆ หรือเปล่า” “คงมีอะไรอยากจะคุยกันละมั้งคะพวกเราก็เห็นอยู่ ว่าหกคนนั่นเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยยังกับพี่น้องท้องเดียวกัน” “แบมก็คิดเหมือนเรนั่นแหละ จะพาเด็กม่อนเสียคนก็ตอนนี้ละมั้ง” “ห่วงน้องขนาดนั้นเชียว” เนย่าแซวเพื่อนนางร้ายทันที เมื่ออีกคนเผลอบ่นไปถึงคู่บัดดี้อายุน้อย “ก็น้องมันยังเด็กอยู่นะ ยังไม่สมควรจะแก่แดดแก่ลมเรื่องแบบนี้ว่ามั้ยล่ะ” “อืม 24 นี่ก็ไม่เด็กแล้วนะแบมรู้เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ได้แล้ว” “นั่นสิ ที่สำคัญกินเด็กจะทำให้ดูอ่อนกว่าวัยนะ” คิก ๆ ๆ “แหม ได้ทีนี่เอาใหญ่เลยนะจ๊ะเนย่า” ชาลิศาส่งค้อนเล็ก ๆ ให้เพื่อนเมื่อเป็นคราวตัวเองโดนล้อบ้าง ให้ทั้งสามสาวขำไปด้วยงานนี้สงสัยจะโดนกันถ้วนหน้า     ส่วนอีกกระท่อมที่คืนนี้มีสมาชิกเข้ามาเสริมอีกหนึ่งคน ก็ไม่ได้ทำให้พื้นที่คับแคบลงสักเท่าไหร หลังพากันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็จัดการอาหารค่ำต่อทันทีเพราะตอนนี้ยังพอมีแสงสลัวอยู่บ้าง “พี่อัญน้องถามจริง ๆ นะ พี่จริงจังหรือเล่นคะ” กรนันท์ที่ลงทุนเนรเทศตัวเองมาเพื่อคำถามนี้โดยเฉพาะ “หืม หมายถึงเรื่องหมอกิ่งน่ะเหรอ” พี่สาวคนฉลาดก็ถามกลับด้วยรอยยิ้ม “ใช่ค่ะตกลงยังไงคะพี่ ปกติไม่เห็นหยอดแบบนี้นี่นา” นรากรถามบ้างเพราะอยากรู้เหมือนกัน หึ ๆ “พี่น่ะจริงจังอยู่แล้วถ้าหมอเขาเล่นด้วยอะนะ ที่เห็นแปลก ๆ วันนี้ก็พี่เพิ่งรู้พร้อมพวกเราเมื่อเช้านั่นไง ที่หมอบอกหมอไม่มีห่วงถึงไปอยู่ที่ลำบากบนดอยได้ ก็แสดงว่าหมอไม่มีแฟนใช่มั้ยเพราะถ้ามีแฟน พี่คิดว่าคนรักที่ไหนจะยอมให้แฟนตัวเองไปอยู่แบบนั้นแล้วยิ่งเป็นผู้หญิงด้วย” “โอ้โหวิเคราะห์ได้เด็ดขาดเลยพี่ แล้วถ้าพี่หมอเล่นด้วยละคะ พี่อัญจะหอบผ้าตามขึ้นไปอยู่บนดอยด้วยหรือเปล่า” มณนิชาถามขึ้นบ้างให้รุ่นพี่พยักหน้าทันทีเหมือนกัน “ไปสิ เรื่องอะไรจะปล่อยแฟนตัวเองไปลำบากคนเดียวอีกอย่างงานพี่ไม่ใช่งานประจำแล้ว พี่แค่รับงานเป็นบางตัวช่วยศูนย์วิจัยเท่านั้น ก็เลยค่อนข้างอิสระน่ะไปอยู่ไหนก็ได้เหมือนกัน” “ว้าว แบบนี้ก็เดินหน้าเต็มที่เลยพี่น้อง ๆ สนับสนุนเต็มที่ค่ะ” ณัฐพัชปรบมือเชียร์รุ่นพี่ทันที คนจะชอบกันไม่ต้องรอเวลาหรอก ไม่งั้นจะมีคำว่ารักแรกพบได้ยังไงใช่มั้ย “อ่ะเรื่องพี่อัญจบไปชัดเจน ไนซ์ล่ะยังไงเรา เห็นข่าวกับสาว ๆ เยอะเหมือนกันนี่” เหอะ ๆ “วันนี้พี่นันท์สวมวิญญาณตำรวจสอบสวนเหรอพี่” มณนิชาเอ่ยเย้ารุ่นพี่ให้อีกคนหัวเราะขำถูกใจ “อีกไม่กี่วันจะออกจากเกาะแล้ว ตอนนี้มีเวลาทำคะแนนต้องรีบนะ” “คำพูดของคนมีประสบการณ์ใช่มั้ยเนี่ย” อัญญาวีแซวรุ่นน้องกลับบ้าง ดูแววแล้วไม่น่าธรรมดาเหมือนกัน หึ ๆ “ประสบการณ์โชกโชนแบบหืดขึ้นคอเลยละค่ะ” กรนันท์บอกขำ ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวของตัวเอง “สรุปพี่นันท์มี ผบทบ.แล้วใช่มั้ยนี่” “หืมอะไร ผบทบ.เจ้าม่อน” คิก ๆ ๆ “ผู้บงการที่บ้านไงพี่ ฮ่ะ ๆ พ่อม่อนเค้าชอบพูดแบบนี้แหละเวลาพูดถึงแม่น่ะ” ฮ่า ๆ “เออคำนี้เหมาะจริง ๆ ด้วยอ่ะ อืมมีแล้ว และก็เหมาะสมกับผบทบ.จริง ๆ ดุยิ่งกว่าท่านนายพลอ่ะใช่มั้ยณัฐ” ฮ่า ๆ “ของณัฐนี่น่าจะยังเป็นรองผบ.อยู่นะพี่ แต่อนาคตก็ไม่รู้จะเลื่อนตำแหน่งหรือเปล่า” “แหม ที่แท้พี่สองคนก็มีคนควบคุมชีวิต เอ้ย ควบคุมหัวใจแล้วนี่เองถึงว่าสิแซวกันสนุกเลยอ่ะ ของไนซ์น่ะคนนี้ไนซ์จริงจังค่ะ จริง ๆไนซ์รู้จักเนย่ามาหลายปีแล้วล่ะแต่เขาคงจำไนซ์ไม่ได้หรอก” “อุ๊ย แอบรักเหมือนละครเหรอพี่ไนซ์” คริ ๆ น้องเล็กทำท่าเพ้อเขินจน กัณภัคเขกกระโหลกไปทีนึง นรากรอมยิ้มก่อนจะเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาสี่ปีแล้ว ให้เพื่อนร่วมทีมได้ฟังกัน “เจอกันครั้งแรกที่โมเดลลิ่งของญาติไนซ์เองแหละค่ะ ตอนนั้นเหมือนเนย่าเพิ่งเข้าวงการมาด้วยยังไม่เป็นที่รู้จักเหมือนตอนนี้ ก็เด็กจบใหม่ใส ๆ แหละค่ะ" คนพูดพอนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ยิ้มไปด้วย "วันนั้นไนซ์มีธุระไปหาญาติไนซ์ก็ใส่แว่นกันแดดสีดำอะนะ ใส่เสื้อหนังแข่งรถทับเสื้อยืดสีดำข้างใน ก็บังเอิญเห็นเขาก่อนตอนที่เขายืนซื้อน้ำปั่นอยู่หน้าตึกค่ะ คือแบบพี่เคยเป็นมั้ยเวลาเจอคนที่ใช่ แล้วมันเหมือนมีอะไรวิ่งชนหัวใจเราน่ะ แค่รอยยิ้มกับใบหน้าใส ๆ ของเขาวันนั้นทำเอาไนซ์ถึงกับเก็บมาเพ้อได้คิดดู” “อืมแต่เนย่ายิ้มสวยจริง ๆ นะ ยอมรับมีเสน่ห์ตรงรอยยิ้มน่ะ” กรนันท์พูดขึ้นมาให้ที่เหลือพยักหน้าไปด้วย “แล้วไงต่อเห็นแค่นั้นก็เก็บมาเพ้อจนวันนี้เลยเหรอ” กัณภัคถามยิ้ม ๆ “เปล่า พอตั้งสติได้สมองก็เริ่มแผนการณ์เลยแหละ เรามองอยู่ตลอดจนเห็นเขากำลังจะเปิดประตูเข้ามาเราก็รีบเดินเอาอกไปรับทันที หึ ๆ ได้ผล แก้วน้ำปั่นเขาหกรดเสื้อเราเหลืองอ๋อยเลย เขาก็รีบขอโทษรน ๆ คงตกใจด้วยล่ะถึงกับควักผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้น่ะเราเลยรีบคว้าเอาผ้าก่อนเลย หึ ๆ" "แหม แผนสูงนะเรา" กัณภัคเอ่ยเย้า พลางยิ้มไปด้วย "ยังไม่ทันได้ถามชื่อเสียงอะไรกันเลยก็มีคนมาเรียกเขาไปเข้าประชุม เขาก็ได้แต่ขอโทษนั่นล่ะเราก็เลยได้แต่ผ้าเช็ดหน้ามาดูต่างหน้าแทน แต่หลังจากนั้นเราแอบไปส่องเขาที่นั่นบ่อย ๆ จนน้าที่เป็นญาติเราถามก็เลยสารภาพไปว่าชอบเด็กในสังกัดเขาน่ะ" นรากรหยุดมองแต่ละคนที่ดูจะตั้งใจฟังเรื่องของเธอ ก็หัวเราะก่อนจะเล่าต่อ "น้าเขาก็บอกตอนนี้เนย่าเพิ่งเข้าวงการมา ไม่อยากให้มีเรื่องอะไรแบบนี้ ถ้าจริงจังก็ต้องรอไปก่อน เพราะเนย่ามีแพลนจะไปเรียนต่อโทที่ต่างประเทศด้วย ไนซ์ก็เลยได้แต่แอบตามไปดูเขาตามงานต่าง ๆ แอบไปถ่ายรูปอะไรประมาณนั้นแหละจนเขาไปเรียนต่อก็เลยห่าง ๆ” “โหแบบนี้พี่ว่าไม่น่าจะแค่ชอบแล้วมั้งรักแล้วละน้อง หาทางสารภาพเถอะดู ๆ เนย่าก็ไม่ได้รังเกียจเรานะพี่ว่า ไม่งั้นคงโดนตบหน้าแหกตั้งแต่วันโขมยชั้นในเขาแล้วล่ะ” ฮ่า ๆ เมื่อฟังเรื่องราวของรุ่นน้องกรนันท์ก็วิเคราะห์ พร้อมเสนอแนะช่องทางให้น้องทันที “อืมอันนี้พี่ก็เห็นด้วยกับนันท์ เอางี้มั้ยเดี๋ยวพวกพี่ช่วยจัดฉากให้สารภาพไปเลย ให้เขาเห็นถึงความจริงใจของเราน่ะ ถ้ามัวแต่หยอดแบบนี้เดี๋ยวเขาก็หาว่าเล่น ๆ ไม่จริงจัง มันจะเสียเวลาเปล่า ๆ ถ้ามั่นใจก็ใส่เกียร์ไปเลยน้อง” พี่ใหญ่อย่างอัญญาวีก็ยุยงส่งเสริมกันเข้าไปอีก “เอางั้นเหรอพี่” “อืมเอางั้นแหละ จัดเลยพรุ่งนี้ฟ้าหลังฝนด้วย” ฮ่า ๆ “อ่ะ ๆ ว่าไงก็ว่าตามกันค่ะเขาจะรับรักไนซ์หรือเปล่าเนี่ย” “เอาน่าอย่าเพิ่งป๊อดมั่นใจตัวเองหน่อย เอาความจริงใจเข้าสู้สารภาพความจริงไปเลย ประทับใจเขามาตั้งกี่ปีแล้ว เชื่อเหอะผู้หญิงถ้าเขาไม่รังเกียจเรายังไงเขาต้องให้โอกาส” “เชื่อผู้เชี่ยวชาญเถอะไนซ์ เอาใจช่วยนะเพื่อนเดี๋ยวออกแบบเรือนหอให้ฟรี” ฮ่า ๆ มีมิตรดีมันก็ดีแบบนี้สินะมีทุกข์ร่วมต้าน มีสุขร่วมเสพเป็นที่ปรึกษาและกำลังใจให้กัน     เช้าวันที่ห้าบนเกาะหลังจากที่เมื่อคืนวานพายุฝนเทกระหน่ำลงมา ทำให้อากาศที่เคยร้อนอบอ้าวเย็นฉ่ำชื่นในเช้าของวันนี้ สาว ๆ ทยอยตื่นตามกันเช่นทุกวัน "เอาตามที่คุยกันไว้เมื่อคืนนะ เดี๋ยวพี่จะบอกหมอกิ่งให้รับรู้ด้วยจะได้พาเนย่าไปกินลมชมวิวที่อื่นก่อน เราจะได้เตรียมสถานที่ไว้ให้ไนซ์สารภาพรัก" อัญญาวีบอกกับน้อง ๆ ที่พากันตื่นขึ้นมาจนครบแต่ยังไม่ออกจากกระท่อม "มันจะลำบากหรือเปล่าพี่ คือ แบบไนซ์หาวิธีพูดกับเนย่าเองก็ได้นะ" "เฮ้ยไม่ลำบากอะไรเลยไนซ์ พวกพี่เต็มใจที่สุดที่จะเห็นน้องมีแฟนเป็นตัวเป็นตนน่ะ เดี๋ยวพี่จะไปบอกทีมงานให้เตรียมถ่ายภาพ ฮ่า ๆ เก็บไว้ใช้ตอนแต่งไง" กรนันท์เอ่ยเย้ารุ่นน้องที่ดูจะเกรงใจกันขึ้นมาซะงั้น   กัณภัคเปิดหน้าต่างกระท่อมออกมองดูภายนอก บรรยากาศหลังฝนมันคงสดใสจริง ๆ เพราะดูท้องฟ้าวันนี้จะใสกว่าเมื่อวานเยอะ   "วันนี้อากาศน่าจะดีนะคะ เหมาะแก่การทำอะไรดี ๆ นะว่ามั้ย" สาวหน้าคมหันมาบอกพลางยิ้มในหน้า "ว่าแต่ใครคิดไอเดียอะไรได้บ้างแล้วคะ จะจัดฉากยังไงดี" ณัฐพัชถามแต่ละคน "คือเอาฉากแบบในละครมั้ยคะ ม่อนเคยดูมันก็น่ารักดีนะ" น้องเล็กของทีมเกริ่นออกมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD