ตอนที่6

3157 Words
เพียงอึดใจทั้งสองคนก็โผล่ขึ้นมาสูดเอาอ๊อกซิเจนเข้าปอด "ไนซ์หาที่ผูกเชือกเลย" นรากรหันมองรอบ ๆ เพื่อจะดูว่าควรจะผูกเครือไม้นี่เกี่ยวตรงไหนได้บ้าง มีแง่งหินที่โผล่น้ำขึ้นมาพอที่จะใช้แทนเสาได้ "โอเคเรียบร้อย หวังว่าคงไม่โดนคลื่นซัดจนขาดนะ" "ไม่น่านะ เพราะตรงนี้น้ำลึกอยู่คลื่นไม่กระแทกแรงมาก ไหน ๆ เราก็เปียกแล้วเล่นน้ำกันดีกว่า" "อื้อ เอาสิเราอาบเสร็จ จะได้เปลี่ยนให้สาว ๆ ข้างบนลงมาอาบบ้าง" ณัฐพัช อัญญาวีกับกรนันท์ ช่วยกันเอาต้นไม้เล็กที่ตัดมาจัดเรียงซ้อนทับกันเป็นกำแพงสี่เหลี่ยม สำหรับทำเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของพวกเธอ "เป็นไงพี่อัญ มิดชิดพอมั้ยพี่" กรนันท์ที่อยู่ด้านในส่งเสียงถามคนที่อยู่ด้านนอก "โอเคค่ะ ถ้าไม่มาแหวกพุ่มไม้ส่องก็ไม่เห็นแน่นอน" ฮ่า ๆ "นี่ถ้าพวกเราติดเกาะจริง ๆ เราคงสามารถทำห้องสุขาใช้กันได้นะพี่" ณัฐพัชยกประตูชั่วคราวที่ใช้ใบไม้ซ้อนเรียงกันแล้วใช้ไม้ไผ่ทาบมัดด้วยเครือไม้ แค่นี้พวกเธอก็มีห้องแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้ากันแล้ว ภายในห้องพุ่มไม้สี่เหลี่ยมยังมีราวไม้ไผ่เอาไว้วางเสื้อผ้าด้วย  ด้านนอกก็เตรียมราวขนาดยาวเอาไว้สำหรับตากผ้าอีกต่างหาก "พี่ก็ว่างั้นแหละ ไอเดียพวกเราแต่ละคนนี่ไม่ธรรมดาเลยนะนี่" ฮ่า ๆ   "ต้องขอบคุณทางรายการที่เขาให้มีดเรามาด้วย มันเป็นตัวช่วยหลักที่จะทำให้เราสร้างอะไรได้มากเลยล่ะว่ามั้ย" "ใช่แล้ว ทำให้เราลำบากน้อยลงเยอะเลย" "โน่นไง เหยื่อสามรายแรกขึ้นจากน้ำแล้ว" "น้อง ๆ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วนะใช้งานได้เลย" กรนันท์ร้องบอก ให้คนที่เพิ่งขึ้นจากทะเลยกนิ้วโป้งให้ทันที "เนย่า ช่วยหยิบเป้ให้หน่อยค่ะ" เนย่าที่กำลังช่วยเรวิกากับชาลิศาล้างเห็ดล้างผักเตรียมเครื่องทำอาหาร หันมามองคนที่เปียกเป็นลูกหมา ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเป้ในกระท่อมที่เพิ่งสร้างเสร็จออกมายื่นให้ "ขอบคุณค่ะ พวกคุณก็ไปอาบน้ำกันได้แล้วนะ ที่เหลือพวกเราจะจัดการต่อเอง" นรากรบอก ก่อนจะถือชุดเดินตามมณนิชากับกัณภัคไปยังห้องพุ่มไม้ "พวกเราพากันไปอาบก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่คั้นกะทินี้ไว้ให้พวกนั้นก่อน" "ค่ะพี่หมอ" "หู๊ ไอเดียพี่เขาเจ๋งนะนี่ ดูสิมีราวให้พร้อมเลยนึกว่าจะได้กองเสื้อผ้าบนดินซะแล้ว" มณนิชาฉีกยิ้มแป้นถูกใจ ก่อนกวักมือเรียกพี่ทั้งสองให้เข้ามาดูด้วย "อืม น่ารักดีแฮะ นี่ถ้ามีห้องน้ำกับน้ำจืดนี่คือเหมือนพวกเรามาเที่ยวพักผ่อนกันเลยนะว่ามั้ย" "นั่นสิ ฉันรู้สึกโชคดีที่มาติดเกาะนี้นะ อย่างน้อยเรื่องอาหารเราก็ไม่อดตายน่ะ" กัณภัคตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจัดการพากันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ทั้งสามคนก็มานั่งมองวัตถุดิบที่จะทำอาหาร เห็ดสาระพัดที่ช่วยกันเก็บมาได้มีมากพอสมควร ส่วนเห็ดโคนถูกแยกไว้อีกหนึ่งกระทง "พี่หมอจะทำเมนูอะไรคะ" กัณภัคถามรุ่นพี่ซึ่งกำลังเอายอดผักกูดลวกน้ำร้อนอยู่ น้ำที่มีอย่างจำกัดจากเถาวัลย์น้ำนั่นแหละ ส่วนน้ำกินพวกเธออาศัยกินน้ำมะพร้าวแทน "พี่ว่าจะผัดเห็ดโคนกับผักกูดนี่ใส่กะทิน่ะ" "หืม น่ากินจัง เสียดายเครื่องปรุงเราขาดพริกนะ เรามีน้ำผึ้งแทนความหวาน มีผักส้มแปปแทนความเปรี้ยว มีใบหอมแขกสร้างความหอมกลมกล่อมให้รสชาติ มีขิงกับข่าอีกแค่นี้ก็คงอร่อยเน๊อะพี่" มณนิชาเปรยขึ้นเมื่อมองดูของที่มี "เดี๋ยวนะ  พี่หมอเราเอาน้ำทะเลมากรองแล้วติต่างแทนน้ำปลาได้มั้ยพี่" นรากรปิ๊งไอเดียขึ้นมากะทันหัน "ก็ได้นะ พี่ก็กำลังคิดอยู่ว่าพรุ่งนี้จะทำเกลือไว้ปรุงอาหารน่ะ" "โอเค งั้นเดี๋ยววันนี้เรากรองเอาแค่น้ำเค็มก่อนก็พอค่ะ  ม่อนมาช่วยพี่หน่อย ไปเก็บเอาหินก้อนเล็กมาแล้วก็ทรายนะ" "รับทราบค่ะ" มณนิชารีบถือกะลามะพร้าวแยกออกไปหาสิ่งที่จะมาเป็นตัวช่วยกรองน้ำ นรากรจัดการฟันกระบอกไม้ไผ่แล้วเจาะให้เป็นรูเพื่อระบายน้ำ กัณภัคช่วยเอาถ่านไฟมาบดเตรียมไว้รอ  "จะเอาอะไรทำไส้กรอง ไม่มีฟองน้ำใช้เศษผ้าแทนแล้วกัน" กัณภัคถามคนที่กำลังเจาะรูไม้ไผ่ให้เงยหน้ามามอง นรากรขมวดคิ้วสักพักก็ฉีกยิ้มกว้างจนน่าสงสัย "ใครว่าไม่มีฟองน้ำละเพื่อน เรามีฟองน้ำอย่างดีต่างหาก" พูดจบสาวนักแข่งรถก็วางของลง ก่อนจะลุกปีนเข้าไปในกระท่อมไม่นานก็ออกมา พร้อมกับสิ่งที่ทำให้คนที่เห็นทั้งขำทั้งนึกชมความหัวไว  ฮ่า ๆ "คิดได้นะไนซ์ แล้วยกทรงใคร อย่าบอกนะว่าของเนย่าน่ะ" คิก ๆ "ใช่เลยพี่หมอ  ก็แม่คุณเธอเอามาสิบกว่าตัวโน่น เดี๋ยวไนซ์ไปบอกเขาก่อนนะ  อิอิ" ทั้งกัณภัคและหมอกิ่งกานต์ได้แต่หัวเราะขำตามหลัง คนที่ถือยกทรงยี่ห้อดังลงไปยืนโบกอยู่ชายหาด "เนย่า เฮ้ คุณ" เนย่ากำลังเล่นน้ำอยู่กับชาลิศาและเรวิกาหันมามองบนฝั่ง เห็นอีกคนโชว์ยกทรงสีเนื้อที่ดูคุ้นตาก็กรี๊ดออกมาด้วยความอายทั้งโมโห กรี๊ดดด "คุณเอายกทรงฉันมาทำไมห๊า มันใช่ของเอามาโบกเล่นหรือไง ไอ้ ๆ คนบ้าโรคจิต คิดลามก เอาไปเก็บเดี๋ยวนี้นะ" ฮ่า ๆ "เดี๋ยวสิคุณอย่าเพิ่งโวยวาย ฉันจะเอาฟองน้ำในนี้มาทำไส้กรองน้ำต่างหากล่ะ" "แล้วทำไมต้องเป็นของฉันห๊ะ ตัวนี้ฉันเพิ่งซื้อมายังไม่ได้ใส่เลยนะ" "ฟอดด อ๊า  ถึงว่าสิกลิ่นไม่เหมือนคุณเลย" กรี๊ดด " นี่คุณมันโรคจิตจริง ๆ หรือไงฮึ " เนย่าตะเกียกตะกายขึ้นมาจากน้ำ หวังจะมาทุบคนที่ทำตัวเป็นโรคจิต หัวเราะงอหงายอยู่บนฝั่ง ฮ่า ๆ  "เอาน่าขอยืมก่อนเดี๋ยวกลับไปฉันซื้อคืนให้ จะเอากี่โหลบอกมาเลยคนสวย" นรากรรีบหันหลังวิ่งออกมาก่อนที่สาวนางแบบจะทันถึงตัว เสียงหัวเราะขำขันกันไม่เว้นกระทั่งทีมงานที่เห็นเหตุการณ์ เมื่อได้อุปกรณ์ที่จะใช้กรองน้ำแบบธรรมชาติครบแล้ว นรากรก็จัดการนำสิ่งของแต่ละอย่างใส่ลงในกระบอกไม้ไผ่ ก่อนจะเอาน้ำทะเลที่กัณภัคตักมารอไว้แล้วเทลงไป น้ำค่อย ๆ ไหลลงจากรูจนได้ปริมาณพอสมควร "อ่ะนี่ ใช้ผ้ากรองอีกครั้งนะ ค่อยเอามาทำอาหาร" กิ่งกานต์ส่งผ้าขาวที่แอบติดมาด้วย ให้นรากรยิ้มรับมากรองน้ำอีกครั้ง เสร็จแล้วก็ลองแบ่งใส่กะลาเปล่าเอานิ้วจุ่มมาแตะลิ้นดู ให้คนที่นั่งมองลุ้นเรื่องรสชาติ "อื้อ เค็มใช้ได้" ฮ่า ๆ จากนั้นขั้นตอนการปรุงอาหารก็เริ่มขึ้น ท่ามกลางแสงสีส้มแสดของดวงอาทิตย์ยามใกล้อัสดง เมนูแรกจากฝีมือคุณหมอเสร็จไปเรียบร้อย หน้าตาและรสชาติก็ไม่เลวเท่าไหรแม้ว่าเครื่องปรุงจะตามมีตามเกิด "พี่หมอไปอาบน้ำเถอะค่ะ ที่เหลือกัณกับม่อนจะทำต่อเอง" กัณภัคบอกรุ่นพี่ ให้อีกคนได้ไปชำระร่างกายบ้าง อัญญาวีกับณัฐพัชกำลังช่วยกันเผาหัวมันสำปะหลัง ส่วนที่เหลือหลังจากผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มานั่งดูแม่ครัวเอก ที่กำลังสาละวนปรุงต้มเห็ดหลายชนิด "อย่าใส่เยอะนะม่อน เปรี้ยวมากเดี๋ยวท้องเสียกันพอดี" กัณภัคเตือนรุ่นน้อง "ค่ะพี่ เอาแค่พอให้ได้รสหน่อย ๆ" ชาลิศามองเด็กตัวสูงที่ท่าทางคล่องแคล่ว จับอันนั้นอันนี้ใส่ลงหม้อก็ยกยิ้มบาง ๆ "สุกแล้วค่ะ อ่ะพี่ชิมหน่อยรสชาติเป็นไง" มณนิชาเอาเปลือกหอยตักน้ำต้มเห็ดให้รุ่นพี่ชิมคนแรก "อืม เปรี้ยวโอเคแล้ว แต่มันจืดไปหน่อยน่ะ ไนซ์เอาน้ำเกลือมาหน่อย" "เรียกซะเรานึกภาพกระปุกน้ำเกลือที่โรงพยาบาลเลยนะ" ฮ่า ๆ กัณภัคจัดการปรุงอีกรอบก่อนจะชิม "พี่ว่าพอกินได้ล่ะ ไนซ์ลองซิเป็นไง" นรากรตักน้ำในหม้อขึ้นมาชิมก่อนพยักหน้าให้ "อืม เปรี้ยวพอดี รสชาติใช้ได้ละ"     และแล้วอาหารเย็นของวันแรกบนเกาะร้างก็เสร็จเรียบร้อย ทั้งหน้าตาและรสชาติถือว่าผ่านสำหรับเมนูของป่า ไม่หรูหราทว่าอิ่มท้องกันถ้วนหน้า "มันพวกนี้เอาไว้เชื่อมพรุ่งนี้นะพี่ แค่นี้ก็อิ่มแล้วอ่ะ" ณัฐพัชบอก เมื่อมันสำปะหลังที่เผาไว้หลายหัวถูกเมินไปแล้ว "อืม เก็บไว้ทำพรุ่งนี้แหละ" มื้ออาหารผ่านไปพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าไปเช่นกัน ความมืดเริ่มโรยตัวพร้อมเสียงหรีดหริ่งเรไรส่งเสียงประสานกันกับเสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง เสมือนมีดนตรีจากธรรมชาติมาขับกล่อมฟังแล้วก็เพลินดี "เจ๊ พรุ่งนี้ถ้าโชคดีมีปลาติดกับดักนะ เดี๋ยวเราทำห่อหมกมะพร้าวอ่อนกันมั้ย" หลังพากันกินอาหารอิ่มท้อง แต่ละคนก็หามุมนั่งคุยปรึกษากันไปถึงสิ่งที่จะทำในวันรุ่งขึ้น "หืม ก็น่าอร่อยดีนะ" "ใช่มั้ย ภาวนาขอให้สัตว์ที่ถึงฆาตมาติดกับด้วยเถอะสาธุ" หึ ๆ ชาลิศาอดขำไม่ได้กับสิ่งที่เจ้าเด็กนี่ทำ "สมมุติไม่ได้อะไรล่ะ พรุ่งนี้เราจะกินอะไร" "ฉันไม่ยอมแพ้หรอก มีน้ำมันต้องมีกุ้งหอยปูปลา ยังไงฉันต้องหาวิธีจับพวกมันมาให้ได้ เราจะกินแต่เห็ดกับผักกูดมันก็อาจจะอยู่รอดนะเจ๊ แต่ถ้าเราได้โปรตีนจากเนื้อด้วยมันก็ดีกว่าถูกมั้ยล่ะ" "อือหึ งั้นก็พยายามเข้านะจ๊ะเด็กน้อย พี่จะเป็นกำลังใจให้" อื้อ ๆ มณนิชาส่งเสียงอู้อี้เมื่อคู่บัดดี้ใช้มือมาบีบแก้มสองข้างส่ายไปมา ชาลิศาหัวเราะชอบใจเมื่อได้แกล้งเด็กนี่บ้าง เพี๊ยะ  "ไม่ต้องมาเนียนเลย ง่วงก็ไปนอน" เนย่าฟาดมือลงบนต้นขาคนที่เอนตัวมาซบลงที่หัวไหล่ "อือยังไม่ง่วง แค่ต้องการที่พักพิง เดี๋ยวคืนนี้ฉันนอนหลังข้างนอกนี่เอง พวกคุณก็ไปนอนหลังที่มีฝากั้นนั่น" เนย่านิ่งฟังคนที่เสนอตัวจะนอนกระท่อมที่ยังไม่เสร็จดี เพราะยังไม่ได้ทำฝากั้นทั้งสี่ด้าน "ถ้าจะนอนข้างนอกนี่ก็หาเสื้อแขนยาวใส่ด้วยล่ะ ดึกมาอากาศมันเย็น" "ห่วงเค้าเหรอ ว่าที่แฟนเค้าน่ารักจัง" ป๊าบ ฟาดไปอีกดอก "ใครว่าที่แฟนคุณ ไม่ต้องพูด กลับไปกรุณาซื้อชั้นในมาคืนฉันด้วย" แม้จะหมั่นไส้คนกะล่อนนี่แต่ใช่ว่าเธอจะไม่เขินนะ เล่นหยอดกันทุกครั้งที่มีโอกาสมันก็หวั่นไหวบ้างแหละ      เช้าวันใหม่ไม่มีเสียงนกหวีดมาเป่าเรียกอีกแล้ว มีแต่สัญชาตญาณส่วนตัวของแต่ละคนที่รู้สึกตัวตื่นกันเอง ทีมงานตากล้องพากันตื่นรอสแตนบายแล้วตั้งแต่ตีห้า กัณภัครู้สึกตัวก่อนจะสะกิดคนข้าง ๆ "ม่อน" "อือ" "ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวต้องลงไปเก็บกับดักนะ" "ห๋า เช้านี่เหรอพี่ น้ำเย็นจะตาย รอสายหน่อยไม่ได้เหรอ" "ก็ตื่นขึ้นวิ่งสักห้ารอบก็ร้อนแล้ว เนี่ยเดี๋ยวตะวันก็ขึ้นแล้ว" เมื่อคืนพวกเธอนอนที่กระท่อมหลังที่ยังไม่ได้ทำฝากั้น ดีที่พากันเอาเสื้อกันหนาวตัวหนาเตรียมมาด้วย เลยพอสร้างความอุ่นแทนผ้าห่มได้ โชคดีหน่อยที่ยุงไม่ค่อยมี อีกด้านหนึ่งอัญญาวีกับณัฐพัชก็เริ่มรู้สึกตัวกันแล้ว แต่คนขี้เซาที่นอนตรงกลางอย่างนรากรยังไม่กระดิกตัวเลย  มณนิชาลุกขึ้นขยี้ตามองไปรอบ ๆ ที่จริงมันก็คงจะเกือบหกโมงแล้วมั้ง แต่หมอกคงลงก็เลยยังไม่ค่อยสว่างมาก แต่ละคนลุกออกไปจัดการล้างหน้าล้างตา ไม่อยากจะบอกเลยว่ายังไม่ทันตายก็ต้องใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าซะแล้ว เมื่อวานทีมงานยังอนุโลมให้ใช้น้ำจืดที่ทีมงานมี แต่หลังจากเริ่มถ่ายจริงก็ไม่มีการช่วยอะไรทั้งสิ้นเลยจ้า งานนี้ล่ะได้เป็นชาวเกาะเต็มตัว น้ำเกลือที่กรองไว้เมื่อวาน เลยได้เอามาเป็นน้ำบ้วนปากและแปรงฟันไปด้วย เหอะ ๆ ก็เข้าท่าดีนะ เหมือนได้ใช้น้ำยาบ้วนปากยี่ห้อนาเกลือเลย เค็มดีจริงม่อนคอนเฟริม "ตื่นแล้วเหรอพี่ไนซ์ ลุกไปวิ่งกันพี่ เช้า ๆ แบบนี้สดชื่นดีนะ" มณนิชากลับมา ก็เห็นนรากรนอนทำตาปริบ ๆ "อืม เดี๋ยวตามไป ต้องลงไปกู้กับดักด้วยใช่มั้ย" "ใช่ค่ะ แต่เดี๋ยวอบอุ่นร่างกายก่อน ลงน้ำตอนนี้ไม่ไหวอ่ะหนาว รอแสงตะวันขึ้นก่อนดีกว่า" เมื่อบอกรุ่นพี่เสร็จก็ออกวิ่งตามกัณภัคไป นรากรลุกเก็บเสื้อแจ๊คเก็ตตัวหนาลงในเป้ก่อนจะไปจัดการตัวเองต่อ สาว ๆ อีกกระท่อมก็ทยอยตื่นตามกันมา "เฮ้ พวกเรามาทางนี้ มาดูนี่" อัญญาวีที่ออกวิ่งไปจนสุดริมหาดร้องเรียกน้อง ๆ "มีอะไรเหรอพี่" "นี่ตรงนี้มันมีช่องทะลุไปฝั่งนั้นด้วย เมื่อวานน้ำมันขึ้นมาท่วมเราเลยไม่เห็น" "จริงด้วยพี่ งั้นตอนนี้เราก็ลอดข้ามไปได้สิช่วงนี้น้ำกำลังลงเลย" สิ่งที่ทุกคนเห็นจากกำแพงเขาเมื่อวาน ปรากฏว่าพอน้ำลง ทำให้เห็นช่องหินที่คงโดนน้ำเซาะจนเป็นรูใหญ่พอสมควร "อืมลองข้ามไปดูดีกว่า เผื่อจะเจออะไรบ้างนะ" ทั้งห้าคนเดินลุยน้ำที่สูงประมาณเอว ลอดช่องหินไปอีกด้าน "โอ๊ว! สวรรค์มีจริงด้วย พวกเราสบายแล้ว ดูสิ" อัญญาวีที่ลอดออกไปก่อน หันมาบอกคนข้างหลังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ "โอ้โห มันน้ำจืดหรือน้ำเค็มพี่ เรารีบไปดูกันดีกว่า" ภาพที่ทุกคนข้ามมาเห็นมันเหมือนกับสวรรค์บนเกาะร้างแห่งนี้จริง ๆ จากสภาพเขาสูงที่ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ตรงนี้ได้หากไม่ได้ข้ามมาเจอ หนองน้ำขนาดเท่าสระว่ายน้ำสี่เมตรมีน้ำค่อนข้างใส คาดว่าหนองแห่งนี้คงเกิดจากน้ำฝนที่เทสาดลงมาจากยอดเขา จนทำให้เกิดเป็นหลุมใหญ่และมีน้ำขังแบบนี้ พอลองเอามือวักน้ำขึ้นมาชิมมันก็เป็นน้ำจืดจริง ๆ ด้วย "โอ สวรรค์บนเกาะจริง ๆ เลย คราวนี้เรามีน้ำกินน้ำอาบแล้ว จะให้อยู่เกาะนี่สักสามเดือนไนซ์ก็อยู่ได้นะเนี่ย" ทุกคนต่างยิ้มหัวเราะด้วยความดีใจ ใครจะไปคิดว่าจะโชคดีแบบนี้ เพราะจุดนี้มันเป็นแค่ช่องเขาแคบ ๆ ที่เว้าเข้ามา ไม่มีชายหาดให้เห็นนอกจากโขดหินต่าง ๆ ที่รายล้อมอยู่ด้านนอก เหมือนกับขุมทรัพย์ที่ถูกซุกซ่อนจากธรรมชาติ หากว่าพวกเธอไม่บังเอิญเห็นช่องโหว่นั้นก็คงจะไม่รู้ว่ามีที่ตรงนี้ซ่อนอยู่ "แล้วแบบนี้เราก็ต้องข้ามมาอาบน้ำฝั่งนี้กันน่ะสิพี่ แล้วถ้าตอนเย็นน้ำมันขึ้นปิดช่องนี้เหมือนเมื่อวานล่ะเราจะทำไง" มณนิชาถามพี่ ๆ ให้แต่ละคนเริ่มใช้ความคิดหาวิธีการ "เราต้องทำแพ เดี๋ยวไปตัดไม้ไผ่มาทำแพ เราจะมารอเฉพาะเวลาน้ำลงแล้วข้ามมาไม่ได้ ต้องอาศัยแพต่างเรือ เพราะถ้าน้ำขึ้นสูงมันก็จะท่วมพวกโขดหินพวกนี้ เราน่าจะทอแพอ้อมมาจอดตรงนี้ได้" อัญญาวีเสนอแนวคิด และนั่นก็ทำให้น้อง ๆ ต่างเห็นด้วย "ถ้างั้นตอนนี้เรารีบกลับไปบอกสาว ๆ ที่เหลือดีกว่าค่ะ จะได้หาอะไรข้ามมาตักน้ำจืดไปไว้ใช้" กัณภัคเอ่ยขึ้นให้ทั้งหมดรีบย้อนข้ามกลับมายังที่พัก "พากันยิ้มหน้าบานนี่มีอะไรดี ๆ เหรอคะ หรือไปเจอทองคำแท่งเกยหาดมา" กิ่งกานต์ส่งเสียงทักกลุ่มคนที่เดินกลับมาที่พัก ดูสีหน้าแต่ละคนเหมือนจะอารมณ์ดีเกินเหตุจนนึกสงสัย "นาทีนี้ทองคำแท่งก็ไม่มีค่าเท่าน้ำจืดหรอกค่ะคุณหมอ" อัญญาวีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ให้คนที่ได้ยินต่างสงสัยไปด้วย "อย่าบอกว่าไปเจอถ้ำที่มีน้ำจืดนะคะ?" หึ ๆ "ไม่ใช่ถ้ำค่ะ แต่เป็นหนองน้ำจืดใสแจ๋วเลยล่ะ" "ห๊า! จริงเหรอพี่อัญ ไปเจอที่ไหนกันคะ เมื่อกี้กลับมาจากไปวิ่งกันไม่ใช่เหรอ" เรวิกาถามด้วยความตื่นเต้นปนสงสัย "เพราะไปวิ่งนี่แหละเลยเจอของดี คือตรงกำแพงเขาตรงนั้นค่ะ พอน้ำลงมันมีช่องโหว่ทะลุไปฝั่งนั้นได้ พวกพี่เลยลองลอดข้ามไปน่ะ ก็เลยจ๊ะเอ๋เข้ากับบ่อน้ำทิพย์ที่ถูกซ่อนไว้จากช่องเขาสูงนั่นแหละ" อัญญาวีเล่าไปยิ้มไป ให้คนที่ฟังพลอยตื่นเต้นดีใจไปด้วย "แบบนี้เราก็มีน้ำกินน้ำอาบแล้วสิคะ" เนย่าพูดออกมาอย่างดีใจ จริงอย่างที่พี่เขาพูด ตอนนี้น้ำจืดมีค่าสำหรับพวกเธอมากกว่าทองคำซะอีก "นี่แหละก็เลยรีบมาบอกพวกเรา ตอนนี้มีภาชนะอะไรที่จะใส่น้ำได้พวกเราจะเอาไปขนน้ำมาไว้ค่ะ ก่อนที่น้ำจะขึ้นปิดปากทางเข้า  ไว้กินอะไรตอนเช้าเสร็จเราจะช่วยกันทำแพสำหรับเอาไว้ข้ามไปอาบน้ำฝั่งโน้นกัน"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD