เมื่อรับรู้สิ่งที่ต้องทำ ทุกคนก็รีบหาขวดพลาสติกที่เตรียมมา และตัดไม้ไผ่เป็นท่อนหลายท่อนเพื่อนำไปบรรจุน้ำจืดมาไว้
"ถ้างั้นเดี๋ยวกัณกับม่อนขอลงไปกู้กับดักก่อนนะ พี่เผื่อจะได้อาหารเช้า"
กัณภัคบอกกับรุ่นพี่
"ไหวหรือเปล่าสองคนน่ะ ให้ไนซ์ไปช่วยมั้ย"
"ไหวค่ะ แค่ยกขึ้นมาแค่นั้นเอง"
"อืม ถ้างั้นก็ตามนั้นจ๊ะ ป่ะพวกเรารีบไปขนน้ำกันดีกว่าเดี๋ยวต้องกลับมากรองอีก"
กลุ่มสาว ๆ เฮโลไปที่สุดหาดอีกฝั่ง ส่วนสองพี่น้องนอกไส้กัณภัคกับมณนิชาก็ลุยน้ำลงไปกู้กับดักที่วางไว้
"ขอให้มีอะไรติดบ้างนะพี่ ถ้าโชคดีมีกุ้งล๊อบสเตอร์นี่ ม่อนจะรำรอบกองไฟคืนนี้เลย"
ฮ่า ๆ
"ไอ้ม่อนเอ๊ย คุณแบมเขาจะซื้อให้กินอยู่ไม่ใช่เหรอ ได้กินของแพงแถมฟรีอีกต่างหากนะ"
"หูยอันนั้นต้องรอออกจากเกาะ นี่ขอกินแบบธรรมชาติแบบนี้ได้บรรยากาศกว่ากันตั้งเยอะนะพี่"
"อืม มีเวลาอยู่นี่อีกตั้งหลายวัน เดี๋ยวพี่พาแกดำน้ำหาก็ได้ ถ้ามันไม่มาติดกับดักเรานะแถวนี้มีปะการังมันอาจจะมีพวกกุ้งมังกรอาศัยอยู่ก็ได้"
"นั่นล่ะเป้าหมายฉันเลยพี่ ครั้งหนึ่งในชีวิตนะดำน้ำจับกุ้ง" ฮ่า ๆ
เมื่อพากันลอยคอไปถึงจุดที่วางกับดักเมื่อวาน สังเกตุเห็นว่าเครือไม้ที่ใช้ผูกยึดกับแง่งหินยังอยู่ดี กัณภัคจึงลองไปขยับดึงดู
"ฮึ้ย หนัก ๆ อยู่นะ"
"จริงเหรอพี่"
กัณภัคพยักหน้ายิ้ม ๆ
"พร้อมนะ"
"อืม พร้อม"
เมื่อสูดเอาอากาศเข้าจนเต็มปอดถึงได้พากันกลั้นหายใจดำลงไปใต้น้ำ กับดักที่วางพิงกับช่องหินตอนนี้ที่มองเห็นคือมีสิ่งมีชีวิตติดอยู่ในนั้นจริง ๆ ด้วย แต่พอกำลังจะยกขึ้นมามณนิชากลับทำท่าทางตื่นเต้นมากมาย แถมปล่อยกับดักแล้วพุ่งตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ จนคนเป็นพี่ต้องดีดตัวตามขึ้นมาด้วย
พรวด
"เฮ้ย!เป็นอะไรทำไมไม่ยกขึ้นมา"
กัณภัคเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่ก็แทบจมลงน้ำอีกครั้ง เมื่อไอ้น้องตัวดีกระโดดกอดทั้งที่ลอยคอกันอยู่กลางน้ำ
กรี๊ดด
"พี่ ๆ เห็นกุ้งมั้ย กุ้งอ่ะ ตัวเบ้อเร่อเลย"
แป๊ะ
"โอ๊ยไอ้บ้า พี่นึกว่าอะไรจู่ ๆ ก็ปล่อยมือทิ้งตกใจหมด"
กัณภัคตีมือเข้าที่หน้าผากคนน้องด้วยความหมั่นไส้ ดูมันจะดีใจเกินเหตุจริง ๆ
ฮ่า ๆ
"ก็ม่อนตื่นเต้นนี่นา"
"เออ ได้กินสมใจแถมแกต้องรำรอบกองไฟด้วยอย่าลืมล่ะพูดอะไรไว้ เจ้าป่าเจ้าเขาท่านได้ยินนะ"
เหอะ ๆ
"จัดไปตามคำขอสิจ๊ะ"
กัณภัคส่ายหน้าพลางยิ้มขำไปด้วย กว่าจะพากันลงไปยกกับดักขึ้นมาได้ก็ทุลักทุเลพอสมควร และเหมือนพวกเธอจะโชคดี เพราะมีทั้งปลาทั้งปูแถมเจ้ากุ้งมังกรตัวใหญ่ติดเข้าไปด้วย
"เป็นไงมั่งได้ผลมั้ย"
กรนันท์เดินเข้าไปสอบถาม เมื่อเห็นสองสาวกำลังช่วยกันอุ้มกับดักขึ้นฝั่งมา
"โชคดีมากค่ะพี่นันท์ วันนี้เราจะได้กินอาหารอย่างดีเลยล่ะ"
"ว๊าว ไม่ธรรมดานะเนี่ย วางวันแรกก็เจอของดีเลย"
เมื่อสังเกตุเห็นว่าอะไรที่ติดมาบ้าง กรนันท์ก็กล่าวชมรุ่นน้องให้พากันยิ้มเผล่
หึ ๆ "ค่ะ และคืนนี้พี่จะได้ดูสาวรำวงรอบกองไฟด้วยนะ"
"หืม มีอะไรพิเศษเหรอคะ?"
กรนันท์ถามกลับด้วยสีหน้างุนงง
แหะ ๆ
"พอดีม่อนหลุดปากพูดว่าถ้าวันนี้มีกุ้งมาติดกับดัก ม่อนจะรำรอบกองไฟค่ะ"
ฮ่า ๆ
"เออ สงสัยเจ้าที่ท่านได้ยินจริง ๆ นะนี่"
ผลงานจากกับดักของสองสาวไม่ธรรมดาจริง ๆ ได้อาหารมื้อใหญ่เลยทีเดียว
"อันนี้เขาเรียกปลาอะไรพี่รู้มั้ย"
มณนิชาถามพวกพี่ ๆ เมื่อเททุกอย่างออกจากกับดักแล้ว มีปลาสีออกทองปนแดงมีเกล็ด
"อืม น่าจะปลาทรายแดงนะ"
กรนันท์ผู้มีถิ่นกำเนิดทางใต้อย่างจังหวัดภูเก็ตเป็นคนตอบ
"อ๋อ ไอ้สองตัวนั่นใช่ปลาทูมั้ย"
หึ ๆ
"เขาเรียกปลาลังค่ะ ตัวคล้าย ๆ ปลาทูแหละรสชาติก็คล้าย ๆ กัน เอามาต้มยำหรือทำฉู่ฉี่อะไรประมาณนั้น"
"เจ๊ แล้วเราจะเอาปลาอะไรทำห่อหมกล่ะ ไอ้ปลาทรายนี่คอดเกล็ดออกทำได้เปล่า"
มณนิชาทำหน้ายุ่งหันมาปรึกษาบัดดี้ตัวเอง
เรวิกาที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะถามออกไป
"ม่อนอยากกินห่อหมกเหรอ แต่เครื่องเรามีไม่ครบนะ ถ้าไม่ผสมไข่ไก่มันจะเป็นยังไงพี่ว่ามันจะเป็นห่อกะทิแทนละมั้ง"
ฮ่า ๆ
"นั่นสิเจ้าม่อน ทำเมนูอื่นไปก่อนเถอะนะ ห่อหมกไว้กลับไปกินบ้านเราก็ได้แม่แกทำอร่อยจะตาย"
กัณภัคตบไหล่ปลอบใจรุ่นน้อง ให้อีกคนจำยอมพยักหน้ารับ
"เอาน่าวันนี้เธอก็จะได้กินกุ้งสมกับที่อยากจะกินไง"
ชาลิศาเอ่ยปลอบอีกคน ดูท่าเจ้าเด็กตัวสูงคงอยากจะกินจริง ๆ ไม่งั้นคงไม่พูดถึงเมนูนี้ตั้งแต่เมื่อคืน
สรุปแล้วจากวัตถุดิบที่มีสุดท้ายก็ได้เมนูต้มส้มปลาสี่ตัว ปูทะเลเผาขนาดกำลังดีไม่เล็กไม่ใหญ่อีกสามตัว และก็กุ้งมังกรตัวใหญ่ย่างไฟอีกหนึ่งตัว
ทุกคนมีภาชนะประจำตัวคือกะลามะพร้าว จากลูกที่พากันกินน้ำกินเนื้อหมดแล้วเอามาใช้ประโยชน์เป็นถ้วยชั่วคราว ช้อนตักก็มาจากเปลือกหอยที่เก็บเอาตามหาดมาฝนขอบกับหินหยาบเพื่อลบคม กัณภัคยังมีความคิดสร้างสรรค์ใช้กระบอกไม้ไผ่ผ่าออกครึ่งหนึ่ง แล้วเหลาที่เหลือให้กลมสำหรับเป็นด้ามจับใช้แทนทัพพีตักน้ำแกงได้อีก ทุกอย่างสามารถนำมาดัดแปลงใช้ประโยชน์ได้มากมายทีเดียว
"เป็นยังไงรสชาติ สมกับที่เธออยากกินมั้ย"
ชาลิศาถามคนที่เอาเนื้อกุ้งสีขาวเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ
"หืม เนื้อหวานมาก ๆ เลยอ่ะเจ๊"
ทุกคนพากันยิ้มเอ็นดูท่าทางเหมือนเด็กที่ได้ของกินถูกใจ แม้พี่ ๆ จะยกให้กินคนเดียวแต่มณนิชาก็ไม่ยอม ทุกอย่างมีน้อยก็ต้องแบ่งกันกินทุกคน และนี่ก็เป็นความน่ารักของเด็กคนนี้ด้วย
"กินเสร็จฉันกับม่อนจะเอากับดักลงไปวางทิ้งไว้อีกรอบก่อนนะคะ เผื่อติดอะไรมาเป็นมื้อเย็นให้เราได้อีก เสร็จแล้วเราค่อยเข้าไปตัดไผ่กัน"
"อืม งั้นเร เนย่ากับแบม อยู่ช่วยหมอกิ่งกรองน้ำที่เราขนมานี่นะ พวกพี่จะไปช่วยกันตัดไม้ไผ่ออกมาทำแพ"
อัญญาวีบอกน้อง ๆ อีกครั้ง เมื่ออิ่มท้องทุกคนก็พร้อมทำหน้าที่ของตัวเอง
"ใครอยากกินไก่ย่างมั่ง"
อัญญาวีที่เดินนำหน้าน้อง ๆ ย้อนกลับเข้าไปในป่าเมื่อวานหันมาถามยิ้ม ๆ
"พี่อัญเห็นไก่เหรอคะ"
กัณภัคเอ่ยถาม
"อืม พี่เห็นรอยเขี่ยหาอาหารหลายจุดนะ เกาะนี้คงมีไก่ป่าน่ะ เจ้าหน้าที่เขาไม่ได้ห้ามก็แสดงว่าเราสามารถจับได้"
"งั้นเราก็ทำกับดักจับได้สิพี่ แต่จะเอาอะไรล่อมันดีล่ะไม่มีข้าวเปลือก"
ณัฐพัชมองหน้าแต่ละคนให้ช่วยคิด
"ไม่เห็นยากเลยค่ะ ปลวกไงพี่ ของชอบเลย เดี๋ยวเราหาจอมปลวกในป่านี่เยอะแยะ"
กัณภัคเสนอให้ทุกคนยิ้มออกมาอย่างเห็นด้วย
"เยี่ยมเลยความคิดดี ถ้างั้นพี่ว่าเดินไปทางฝั่งโน้นก่อนแล้วกัน เพราะรอยที่พี่เห็นจะอยู่ฝั่งนั้นไปทำกับดักทิ้งไว้ก่อน เราจะได้ไปขุดเอาพวกหัวมันด้วย"
ระหว่างทางที่เดินไป เจออะไรที่จะทำอาหารได้ทุกคนก็พากันเก็บไปเรื่อย จนเมื่อไปถึงจุดที่อัญญาวีบอกเห็นรอยเขี่ยของไก่
"นี่ตรงนี้รอยเพิ่งใหม่ ๆ อยู่เลยค่ะ"
มณนิชาชี้ให้พี่ ๆ เดินมาดู ทุกคนก็เห็นตรงกัน
"ถ้างั้นเดี๋ยวทำกับดักไว้แถว ๆ นี้สักสามจุดนะ พอทำเป็นกันใช่มั้ย ใช้เครือไม้ทำเป็นบ่วงแทนเชือกเอา หรือใครเคยทำแบบไหน"
"ภาคปฏิบัติแบบนี้ไม่เคยสักครั้งเลยค่ะพี่อัญ มีแต่จำมาจากในคลิปอ่ะ"
นรากรบอกออกไปขำ ๆ
ฮ่า ๆ
"แล้วเราจะได้กินไก่กันมั้ยเนี่ย"
เมื่อฟังคำพูดแต่ละคนแล้วก็ได้แต่พากันขำ แหมก็ไม่เคยตั้งใจจะมาดักไก่ในป่าแบบนี้สักทีนะ
"ถ้างั้นก็เอาวิธีของพี่ละกัน ทำง่ายสุดละ เดี๋ยวหาเครือไม้มาก่อนแล้วกันเราต้องทำบ่วง"
เมื่อได้เครือไม้มาเรียบร้อยอัญญาวีก็สอนวิธีการทำกับดักบ่วงต้นไม้ นั่นคือใช้วิธีเอาเชือกผูกกับปลายต้นไม้แล้วเหนี่ยวลงมาให้ได้ระดับพอดี เวลาที่ไก่เดินชนตัวสลักที่เกี่ยวกับไม้บนดิน ไม้จะดีดตัวขึ้นพร้อมกับบ่วงก็จะรวบขาไก่เอาไว้นั่นเอง เมื่อรู้วิธีการจากนั้นก็พากันแยกไปทำห่างกันไปคนละมุม เสร็จแล้วก็ไปเดินหาจอมปลวกเพื่อเอามาเป็นเหยื่อล่อไก่
"อ๊า เรียบร้อยแล้วนะ ป่ะ ไปขุดเอามันแกว กับมันสำปะหลังไปตุนไว้ไหน ๆ ก็มาถึงที่แล้ว"
"โชคดีจังนะคะที่มาเจอของกินได้แบบนี้น่ะ"
กรนันท์เอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ เมื่ออัญญาวีพาเดินมาถึงแหล่งที่มีเครือมันแกวขึ้นให้เห็นเยอะพอสมควร ป่าที่ไม่มีผู้คนบุกรุกเข้ามา ทรัพยากรก็ย่อมอุดมสมบูรณ์เป็นธรรมดา
"พี่ก็ว่างั้นแหละ เปลี่ยนใจขออยู่ต่อสักเดือนมั้ยล่ะ"
ฮ่า ๆ
"ทำได้เหรอพี่ ม่อนว่าเจ้าหน้าที่เขาคงกลัวเรามาล้างผลาญของกินในป่าจนหมดน่ะสิ"
เมื่อพากันขุดเอาพอได้กิน ทั้งหมดก็ย้อนกลับไปยังอีกด้านเพื่อไปตัดเอาลำไผ่
ฟากกลุ่มสาว ๆ ที่อยู่กระท่อมก็ช่วยกันจัดการกรองน้ำจืดที่ขนมาเมื่อเช้า
"จะว่าไปเจ้าไนซ์นี่ก็ฉลาดนะนี่ พี่ยังคิดไม่ทันเลยว่าจะใช้ฟองน้ำนี่น่ะ"
กิ่งกานต์พูดขึ้นขำ ๆ แต่คนที่ได้ยินเข้า แถมเป็นเจ้าของฟองน้ำพิเศษที่ว่านั่นอีก เขินจนหน้าแดงแล้ว
"ฮึ่ยพี่หมอน่ะ อย่าพูดสิเนย่าอายนะเนี่ย"
ฮ่า ๆ
"ไม่เห็นต้องอายเลยนี่คะ ก็มีกันทุกคน"
หึ ๆ
คุณหมอยังแซวต่ออย่างอารมณ์ดี ในเมื่อตอนนี้มีน้ำกินน้ำอาบแล้ว พวกเธอก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลย หกวันที่เหลือบนเกาะนี้จะคิดว่ามาเที่ยวผจญภัยก็ยังได้
"ส่วนที่จะเอาไว้ทำอาหารเดี๋ยวยกขวดไปตากแดดเลยนะเร เราจะใช้แสงแดดช่วยฆ่าเชื้อเบื้องต้น เดี๋ยวตอนทำอาหารมันต้องผ่านความร้อนจากไฟอยู่แล้ว ส่วนที่เราจะใช้เป็นน้ำดื่มกรองเสร็จเราก็จะต้ม แล้วกรองมาใส่กระบอกไม้ไผ่เอาใบไม้ปิดปากกระบอกไว้ แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วค่ะ"
เรวิกาขนขวดพลาสติกร่วมสิบขวดที่มีน้ำใสสะอาด ไปวางเรียงกันในจุดที่แดดกำลังร้อนระอุ
กว่าชั่วโมงสิ่งที่ทำก็เสร็จเรียบร้อย พวกเธอมีน้ำต้มสะอาดที่สามารถดื่มกินได้แล้ว
"แล้วพวกเราจะทำอะไรต่อคะพี่หมอ"
ชาลิศาถามขึ้นเมื่องานกรองน้ำเสร็จแล้ว
"นี่ไงคะ ฝากระท่อมหลังนี้ยังไม่มีเลย พวกเราไปเก็บใบไม้มาสานฝากันดีกว่านะ กว่าพวกนั้นจะออกมาเดี๋ยวจะได้ทำอะไรกินพร้อมกัน"
จากกลุ่มคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน หากตอนนี้กลับกลายเป็นดั่งพี่น้องคนสนิทกันไปแล้ว มิตรภาพที่ดีก่อเกิดขึ้นในเวลาไม่นาน เพราะความที่ต้องร่วมด้วยช่วยกัน เงินรางวัลอาจมีค่าสำหรับบางคน แต่เชื่อว่าสิ่งที่ได้มากกว่าเงินทองนั่นคงไม่พ้นประสบการณ์ที่ไม่อาจจะหากันได้ง่าย ๆ นั่นเอง
เสียงตัดไม้ไผ่ดังเป็นระยะ คนไหนที่ไม่ได้ถือมีดก็เดินหาเห็ดเก็บผักกินได้ มณนิชาเดินวนไปยังจุดที่เก็บเห็ดโคนกับชาลิศาเมื่อวาน ปรากฏว่ามีเห็ดโผล่ขึ้นมาจริง ๆ แม้จะไม่เยอะเท่าเมื่อวานแต่ก็พอได้ไปทำเมนูอะไรได้บ้าง
"ณัฐ กอโน้นเหมือนจะมีด้วงไผ่นะเห็นลำมันเหมือนโดนอะไรแทะน่ะ"
"เหรอพี่ แบบนั้นก็ได้โปรตีนอีกแล้วสิ เดี๋ยวณัฐตัดตรงนี้เสร็จเดี๋ยวไปดูนะ"
ณัฐพัชบอกกับกรนันท์เมื่อรุ่นพี่ที่เดินสำรวจหาหน่อไม้ย้อนกลับมาบอก แถวนี้จะมีกอไผ่ขึ้นกระจัดกระจายกันอยู่บ้างเป็นกอใหญ่ บ้างก็กอเล็กตอนนี้เธอกับกัณภัคช่วยกันตัดได้หลายลำแล้ว
"น้อง ๆ คะ พี่ได้มันสายพันธุ์ใหม่มาอีกแล้วค่ะ"
อัญญาวีที่แยกออกไปเดินสำรวจป่า กลับมาพร้อมชูหัวอะไรสักอย่างสีขาวมีเส้นคล้ายรากรอบ ๆ หัว
"นั่นมันนกนี่นาพี่อัญ โห อยู่เกาะนี่พวกเราคงจะกินแต่มันแทนข้าวจริง ๆ เลยนะนี่"
กัณภัคเย้าขำ ๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าหัวสีขาวนั่นคือมันชนิดหนึ่ง
"เกาะนี้มันเยอะจริง ๆ ถ้าสำรวจจริงจังพี่ว่าคงเจออีกหลายอย่างน่ะ นี่ขนาดเราวนเวียนอยู่แค่ครึ่งเกาะเองนะ แถมยังได้นี่มาอีก ตะลิงปลิง กับใบชะพลูจ้า มีหลายอย่างให้เลือกสรร"
ฮ่า ๆ
"เหมือนไปตลาดผักมาเลยเน๊อะพี่ มันนกก็อร่อยดีนะ ไว้พรุ่งนี้เปลี่ยนจากมันสำปะหลังมาขุดมันนกแทนละกัน"
ณัฐพัชเสริมขึ้นบ้างให้ที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วย มันพวกนี้ถ้าไม่ตั้งใจแสวงหากินจริง ๆ ก็ใช่ว่าจะได้กินง่าย ๆ นะ ในเมื่อเกาะนี้มีให้กินแบบฟรี ๆ พวกเธอก็ไม่ควรพลาดใช่มั้ยล่ะ
เมื่อพากันได้จำนวนไม้ไผ่ที่ต้องการ ทั้งหมดก็ช่วยกันแบกออกจากป่า กลับมาถึงที่พักอีกทีกระท่อมอีกหลังก็มีฝากั้นทั้งสี่ด้านเรียบร้อย
"เฮ้อ ร้อนสุดยอดเลยนะนี่"
นรากรเดินมาพิงหลังกับมุมกระท่อม พลางถอดเสื้อแขนยาวตัวหนาออกเหลือเพียงเสื้อกล้ามสีดำ ใบหน้าของแต่ละคนแดงจัดเหงื่อโซกสภาพไม่ได้ต่างกันเลย ส่วนคนที่ทำงานรอที่หาดเห็นสภาพบัดดี้ตัวเองก็ได้แต่พากันยิ้มปนสงสาร พวกเธอไม่ต้องไปเดินป่าเลยเหนื่อยน้อยหน่อย
"อ่ะนี่ กินน้ำก่อน"
เนย่ายกกระบอกไม้ไผ่มายื่นให้คนที่นั่งใช้เสื้อโบกไล่ความร้อน
"ขอบคุณนะ"
นรากรยกยิ้มหวานให้คนที่ส่งน้ำมาให้ โดยไม่ทันได้สังเกตุว่าอีกฝ่ายนั้นแอบยกยิ้มมุมปาก
พรวด แค๊ก ๆ ๆ
"ย๊ากก! เนย่า นี่มันน้ำเกลือ"
เมื่อลิ้นสัมผัสกับความเค็มของน้ำ นรากรถึงกับพ่นพรวดออกมาแทบไม่ทัน ก่อนจะร้องโวยคนที่ปิดปากหัวเราะคิกคัก
"โอ๊ะโอขอโทษนะ มันวางใกล้กันฉันเลยหยิบผิดน่ะ
เนย่าพึมพำขอโทษ แต่ปากกลับกลั้นยิ้มแทบไม่ไหว
"ไม่ต้องเลยตั้งใจแกล้งกันชัด ๆ เดี๋ยวเถอะ"
นรากรส่งค้อนให้พร้อมกับสายตาคาดโทษ
"อย่าทำสายตาอาฆาตแบบนั้นสิคะ มา ๆ เดี๋ยวเปลี่ยนให้ อ่ะเอาน้ำมะพร้าวแล้วกัน"
เมื่อได้แกล้งอีกฝ่ายพอหอมปากหอมคอ นางแบบสาวจึงลุกไปยกมะพร้าวอ่อนที่เฉาะไว้แล้วมาให้คนที่นั่งหน้างอ เรียกรอยยิ้มขำจากเพื่อน ๆ ร่วมทีม
"หิวกันหรือเปล่า มีมันเชื่อมนะคะพวกเราเพิ่งทำเสร็จสักพักนี่เอง"
เรวิกาเอ่ยบอกทุกคนที่นั่งพักเหนื่อย
"ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหรค่ะ ร้อนเหนียวตัวอยากอาบน้ำมากกว่า เออม่อน เราลงไปดูกับดักดีกว่าป่ะเผื่อได้อะไรมาทำกิน"
กัณภัคเอ่ยชวนรุ่นน้องที่นอนแผ่หราอยู่ข้าง ๆ
"พักให้เหงื่อแห้งก่อนก็ได้ค่ะ ลงน้ำทั้งแบบนี้เดี๋ยวร่างกายปรับตัวไม่ทัน"
กิ่งกานต์หันมาบอกน้อง ๆ
"อืมเชื่อพี่หมอ งั้นม่อนขอพักสายตาแป๊บนะพี่ เพลียแดดอ่ะ"
"ปล่อยให้นอนพักไปเถอะคงจะพากันเหนื่อยน่ะดูสภาพแต่ละคน เดี๋ยวเราเอาเห็ดพวกนี้ไปล้างมาทำอาหารกันดีกว่า"
กิ่งกานต์บอก เมื่อมองดูหกสาวที่ออกมาจากป่าสภาพก็น่าสงสารอยู่หรอก ย่ามพิเศษของแต่ละคนที่นำเสื้อยืดดัดแปลงใช้แทนกระเป๋าผ้าถูกรื้อของที่อยู่ในนั้น มีทั้งผักทั้งขิงป่าข่าป่ามันแกวมันสำปะหลัง ยิ่งของอัญญาวีนี่นึกว่าไปช้อปปิ้งตลาดผักสดมา เพราะมันมีอะไรหลายอย่าง ที่ไม่น่าเชื่อว่าเกาะนี้จะมีของพวกนี้ด้วย แต่ก็ถือเป็นเรื่องดี ตราบใดที่มีของที่กินได้พวกเธอก็ยิ่งไม่ต้องกังวลเรื่องอาหาร
"มีอะไรเหรอคะพี่หมอ"
ชาลิศาที่ช่วยเลือกสาระพัดพืชผักออกจากย่าม เอ่ยถามคนที่ทำหน้าตาครุ่นคิด
"พี่กำลังคิดว่า ถ้าเราเอาขิงอ่อนพวกนี้ดองน้ำผึ้ง มันจะเป็นยังไง"
"อุ๊ย! น่าสนใจนะคะพี่หมอ เกลือที่เราเพิ่งสกัดจากน้ำทะเลเอามาผสมตัดกับน้ำผึ้งให้ได้รสหวานเค็มนิดหน่อย เรว่ามันคงอร่อยดีนะคะ ดูสิขิงงาม ๆ ทั้งนั้นเลย"
เรวิกาพูดน้ำเสียงตื่นเต้นอยากจะลองวิชาดัดแปลงพืชผักที่เห็น
"หึ ๆ พี่ก็ว่าน่าลองเน๊อะ ไหน ๆ ของก็มีเยอะเราลองแปรรูปกันดีกว่า"