คำว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าคงเป็นอย่างนี้เองสินะ...

1963 Words
จากคำกล่าวที่ว่าคนไทยเป็นเชื้อชาติที่ไม่ตรงเวลานั้นใช้ไม่ได้กับคนจากประเทศไทยอย่างนัชฌาน เพราะทันทีที่นาทีสุดท้ายของเวลาพักสองชั่วโมงจบลง เขาก็เปิดประตูผาง พาตัวเองออกมาจากห้องนอนและตรงเข้ามาปลุกชายหนุ่มที่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้นข้างโซฟาที่มีร่างของบิดานอนอยู่ทันที “ตื่นได้แล้วไลเกอร์ ได้เวลาซ้อมการแถลงข่าวแล้ว” นัชฌานเหวี่ยงกระเป๋าเอกสารในมือไปกระแทกร่างใหญ่เบาๆ เป็นการปลุก แต่ดูเหมือนจะเบาไปเพราะนอกจากลีแทจินจะไม่ตื่นแล้ว เขายังโบกมือปัดอย่างรำคาญ “ไสหัวไป! จะนอน!” ปัดอย่างเดียวไม่ว่า ยังไล่สำทับตามมาด้วย “ถ้าไม่ยอมตื่นดีๆ ฉันจะใช้มาตรการสูงสุดนะบอกไว้ก่อน” “คิดว่าทำได้ก็ลองดู” คนนอนเปิดเปลือกตาขึ้นมาว่าท้าทายเล็กน้อยก่อนจะพลิกตัวหนีไปอีกฝั่ง นัชฌานรู้ทันทีว่ากำลังถูกท้าทายและก็รู้อยู่แก่ใจว่าต่อให้ลีแทจินนอนหลับสนิทเป็นหมีก็ตาม การปลุกคนไร้วินัยอย่างเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ยกเว้นแต่จะเจอการปลุกสุดโหดตามสไตล์ของเขาเข้าไป “พูดเองนะ” นัชฌานว่าแค่นั้นแล้วก็หันไปถอดเสื้อสูทออกแขวน เสียงที่เงียบไปทำให้ลีแทจินต้องลอบหรี่ตาขึ้นแอบมองอีกครั้งเพื่อจะดูว่านัชฌานกำลังคิดจะทำอะไร แต่ไม่ทันที่เขาจะได้เห็นร่างของคนตัวเล็ก สัมผัสหนักหน่วงก็ปะทะเข้ามาที่ก้นกบของเขาเต็มแรง ก่อนจะตามมาด้วยครั้งที่สองและครั้งที่สามติดๆ จนเขาต้องรีบผุดลุกหนีอย่างรวดเร็ว “โอ๊ย! ทำบ้าอะไรของนายวะ!” ลีแทจินตะเบ็งสุดเสียง สองมือกุมแก้มก้นของตัวเองพลางสูดปากอย่างเจ็บปวดไปด้วย ขณะที่ดวงตาเรียวทั้งสองข้างมองจ้องคนตัวเล็กเขม็ง “ปลุกนายด้วยมาตรการขั้นเด็ดขาดไง”นัชฌานยิ้มเย้ยพลางกระดิกเท้าไปมาราวกับกำลังเรียกให้อีกฝ่ายดูผลงาน สายตาของลีแทจินเลื่อนลงมาตามที่นัชฌานต้องการแล้วก็ต้องย่นหน้ายู่ด้วยเข้าใจแจ่มแจ้งว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเองทันทีที่เห็นรองเท้าหนังขัดเงาบนเท้าเล็กๆ คู่นั้น เท่านั้นก็ตะโกนโวยวายเสียงดังทันที “นี่นายเตะก้นฉันเหรอ! กล้าดียังไงมิทราบ! ถ้าพลาดไปโดน ‘อย่างอื่น’ ขึ้นมา นายจะรับผิดชอบยังไงฮะ!” อย่างอื่นที่ว่านั้นหนีไม่พ้นอวัยวะอ่อนไหวกลางลำตัว หากแต่เสียงโวยวายนั้นไม่ได้ทำให้คนกระทำสำนึกผิดได้เลย ซ้ำทำให้นัชฌานยิ้มสะใจเสียอีก “ก็ฉันเตือนนายแล้วว่าจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด” “ไอ้บ้านี่” ลีแทจินเดินเขยกไปนั่งบนโซฟาที่อยู่ใกล้ๆ แค่ถูกเตะก้นก็เจ็บจนร้าวไปทั้งตัวแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าโดนจุดสำคัญขึ้นมาจะเจ็บปวดเจียนตายขนาดไหน “เลิกสำออยแล้วมาซ้อมกันได้แล้ว เอ้า นี่สคริปต์ของนาย ฉันลองคัดเอาคำถามที่คิดว่านายน่าจะเจอพรุ่งนี้มาให้ดู ลองอ่านดูแล้วคิดคำตอบดูว่าสมควรจะตอบแบบไหน” ลีแทจินรับมาดูอย่างเสียมิได้ เขากวาดสายตาผ่านๆ ส่วนใหญ่แล้วเป็นคำถามที่เขาคุ้นเคยเพราะไม่ว่าจะจัดงานแถลงข่าวกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง พวกนักข่าวก็จะถามออกมาประมาณนี้ทั้งนั้น “คำถามเดิมๆ ไม่เห็นต้องสนใจเลย” เขาทิ้งกระดาษในมือลงพื้น ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ถ้านายไม่สนใจ เส้นทางอาชีพของนายอาจไปต่อลำบากได้ เก็บขึ้นมาซะ” นัชฌานชี้นิ้วไปยังกระดาษแผ่นนั้น ทว่าก็เสียเปล่าเพราะลีแทจินไม่แม้แต่จะชายตามอง แกล้งดึงมือขึ้นประสานหลังศีรษะ ทำท่าเหมือนพวกนักเรียนมัธยมปลายที่ไม่ฟังคำสั่งอาจารย์เหมือนในภาพยนตร์เป๊ะ “ไม่ มีปัญหาอะไรมั้ย?” น้ำเสียงยียวนหลุดออกจากริมฝีปากชมพูระเรื่อ ถ้าเป็นผู้จัดการคนอื่นคงจะเก็บขึ้นมาเองไปแล้วเพื่อเลี่ยงการมีปัญหาหยุมหยิม แต่สำหรับนัชฌาน เขาไม่มีคำว่าโอนอ่อนแต่อย่างใด “บอกให้เก็บขึ้นมา” น้ำเสียงของคนตัวเล็กยังคงเรียบนิ่งทว่าแฝงไปด้วยความไม่พอใจเล็กๆ นั่นเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้ลีแทจินรู้ว่าเขาเริ่มจะเป็นฝ่ายได้เปรียบขึ้นมาบ้างแล้ว “ถ้าอยากเก็บมากนะ” ว่าจบก็ยกเท้าขึ้นไปวางบนกระดาษแผ่นนั้นพลางมองหน้าผู้จัดการ “ก็เก็บขึ้นมาเองสิ” ผึง! ราวกับได้ยินเสียงเส้นความอดทนของใครสักคนขาดสะบั้นลอยเข้ามาในหู ลีแทจินยิ้มกริ่มด้วยเขานึกว่าตัวเองชนะแล้ว แต่น่าแปลกนักที่นัชฌานยังคงยืนนิ่งจนนักร้องหนุ่มอดแปลกใจไม่ได้ “นี่นายไม่โมโหเหรอ” “ไม่” “แปลกแฮะ ทำไมไม่โมโห” ลีแทจินพึมพำพลางชำเลืองมองดวงหน้ามน ก่อนที่เขาจะรู้สึกว่ามีวัตถุบางอย่างลอยเข้ามากระแทกต้นแขนซ้ายอย่างจังและตามมาด้วยเสียงของใครอีกคนที่ถูกลืมไปแล้ว “แต่ฉันโมโห!” ลีแทจินล้มกลิ้งไปบนพื้น พอตั้งหลักขึ้นมานั่งได้ก็เห็นชายวัยกลางคนที่นอนหลับอุตุลุกขึ้นมาประเคนฝ่าเท้าให้เขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก เท่านั้นเสียงร้องโวยวายของชายหนุ่มก็ดังไล่หลังมาติดๆ “โอ๊ยพ่อ! ทำอะไรเนี่ย!” “ถีบแกน่ะสิไอ้ลูกเวร ใครสั่งใครสอนให้แกเป็นคนหยาบช้าแบบนี้กันฮะ เก็บกระดาษงี่เง่าแผ่นนั้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” ดั่งคำประกาศิต ลีแทจินรีบคลานไปคว้าเอากระดาษต้นเรื่องขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็วก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นยืนทำท่าเหมือนปกติดี พอเห็นบุตรชายทำตามคำสั่งเรียบร้อย ลีซางมินก็สบถหยาบคายก่อนหันไปหาชายหนุ่มร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ “ผมต้องขอโทษแทนไอ้ลูกบ้านั่นด้วยนะครับคุณผู้จัดการ ผมเลี้ยงดูมันไม่ดีเอง มันถึงได้โตขึ้นมาบัดซบขนาดนี้ ถ้ามีอะไรผิดพลาด ได้โปรดรบกวนสั่งสอนมันด้วยนะครับคุณผู้จัดการ” ไม่ว่าเปล่า ยังก้มหัวปลกๆ ลีแทจินซึ่งมองเหตุการณ์นั้นอยู่ต้องรีบเข้ามาดึงบิดาให้ยืนตัวตรงอย่างรวดเร็วเพราะการที่ลีซางมินทำอย่างนี้ มันเหมือนกับว่าเขาถูกหมิ่นศักดิ์ศรีอย่างไรอย่างนั้น “พ่อ! ไปขอโทษหมอนั่นทำไมเล่า ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” สิ้นเสียง ฝ่ามือเพชฌฆาตก็ฟาดป้าบลงมาข้างขมับของชายหนุ่มทันใด “ไม่ได้ทำผิดอะไร ฉันนอนฟังแกพล่ามเอาแต่ใจอยู่นานแล้ว แถมยังทำตัวไร้มารยาทอีก นี่ยังไม่นับเรื่องเมื่อคืนที่แกไปก่อไว้อีกนะ ยังมีหน้ามาถามว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรอีก! ไอ้ลูกไม่รักดี ไม่รู้ว่าไปจำสันดานแย่ๆ มาจากใคร!” ลีซางมินว่าพลางกระหน่ำตีบุตรชายไม่เลิก “ทีเมื่อคืนพ่อยังกินเหล้าเมาแล้วขับจนโดนตำรวจจับเข้าซังเตเลย ผมก็เหมือนพ่อนั่นแหละ!” “ยอกย้อนนักต้องทุบให้ตาย! ฉันดื่มหนักขนาดนั้นก็เป็นเพราะผู้จัดการควอนโทรมาบอกฉันเรื่องแกนั่นแหละ แกเป็นแบบนี้ฉันจะมีหน้าไปเจอแม่แกบนสวรรค์ได้ยังไงฮะ! คุกเข่าขอโทษคุณผู้จัดการเดี๋ยวนี้!” “พ่อ! พอแล้ว!” นักร้องหนุ่มยกมือปัดป้องเป็นพัลวันแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะทำให้ลีซางมินหยุดทุบตีเขาได้เลย จนในที่สุดชายหนุ่มก็ต้องร้องเรียกนัชฌานที่มองนิ่งๆ ให้ช่วยเหลือ “ยืนดูอยู่ได้! ช่วยหน่อยสิเว้ย!” “คุณลีครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ” เพียงแค่นัชฌานเอ่ยสั้นๆ ประโยคเดียวก็หยุดการกระทำอันบ้าคลั่งของลีซางมินได้ในพริบตา เขาหันมาขอโทษขอโพยนัชฌานอีกครั้ง “ผมต้องขอโทษกับการกระทำอันโง่เง่าของลูกชายด้วยครับ” ชายวัยกลางคนโค้งต่ำสุดตัว พอเห็นบิดาต้องอยู่ในสภาพนั้น ลีแทจินก็ทนดูไม่ได้จนต้องหันหนีไปทางอื่น นัชฌานเขยิบเข้าไปจับตัวเขาให้ยืนตรงเหมือนเดิมอย่างเบามือ “ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ เขายังเด็ก ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ” “ต้องขอบคุณมากจริงๆ ที่ช่วยเหลือผม แล้วก็รับช่วงมาดูแลไอ้ลูกคนนี้ต่อจากผู้จัดการควอน ส่วนเมื่อกี้ ผมต้องขอโทษด้วยครับ ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ ได้โปรดบอกผมมาเถอะครับ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อชดใช้การกระทำของลูกชายเอง แต่ช่วยให้แทจินได้อยู่ในวงการต่อไปด้วยนะครับ ช่วยดูแลอนาคตมันด้วย” ถึงจะบอกว่าไม่ต้องขอโทษ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ลีซางมินหายรู้สึกผิดได้เลย นัชฌานไม่ว่าอะไร เพียงแค่ยิ้มรับบางๆ ดูจากท่าทางของลีซางมินแล้ว แสดงว่าในระหว่างที่ทุกคนคิดว่าเขาหลับ เขาคงจะแอบฟังการสนทนาของเขากับลีแทจินอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งทนเห็นความดื้อด้านของลูกชายไม่ไหวจึงได้ลุกขึ้นมาอาละวาดอย่างนี้เป็นแน่ แต่ก็นับว่าดีอยู่เหมือนกัน เพราะมันจะได้ช่วยเขาทุ่นแรงในการจัดการกับลีแทจินหน่อย “ไม่ต้องชดใช้หรอกครับ ผมไม่ถือ” “จริงเหรอครับ” “ครับ” “ขอบคุณมากจริงๆ ครับคุณผู้จัดการ” ลีซางมินโค้งคำนับอีกหลายต่อหลายรอบ ยิ่งเห็น ลีแทจินก็ยิ่งขุ่นใจ ไม่เข้าใจบิดานักว่ากับอีเรื่องแค่นี้ทำไมจะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย “ทำตัวเป็นพ่อพระ เฮอะ!” เขาบ่นกระปอดกระแปดโดยไม่รู้ตัวเลยว่าถูกลอบมองอยู่ หากเขาเหลือบมามองเจ้าของสายตาคู่นั้นสักนิด เขาคงจะรู้ได้ทันทีว่าที่นัชฌานพูดออกไปแบบนั้นก็เพราะมีแผนการบางอย่างอยู่ในใจเตรียมงัดออกมาใช้ในอีกเสี้ยววินาที “ผมไม่ถือ แต่...” “แต่อะไรครับ” “แต่ช่วยผมซ้อมการแถลงข่าวให้ไลเกอร์ก็พอ” เพียงอึดใจเดียว แผนการที่นัชฌานคิดไว้เมื่อครู่ก็ถูกกางออกมาตรงหน้า และมันก็ได้ผลอย่างมากเสียด้วยเมื่อเขาใช้ผ่านลีซางมิน “ได้เลยครับ เดี๋ยวผมช่วยซ้อมให้เอง มานี่แทจิน ฉันจะช่วยซ้อมให้แกเอง” ชายวัยกลางคนรับคำด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพลันหันไปเรียกลูกชาย ขณะที่ลีแทจินซึ่งบ่นงุบงิบอยู่เมื่อครู่ถึงกับเบิกตาโพลง มองบิดาสลับกับจอมวางแผนอย่างตกใจ “เอาจริงดิ?” “คิดว่าฉันเล่นหรือไงกันฮะ!” บิดาประเคนฝ่ามืออรหันต์ลงบนกบาลลูกชายอีกครั้ง “นั่งลงเร็วๆ เอากระดาษนั่นมาด้วย” พอถูกบิดาสั่ง ร่างกายก็เคลื่อนไหวไปเองโดยอัตโนมัติ ความจริงแล้วลีแทจินไม่ได้เกรงกลัวบิดาหรอก แต่ออกแนวเกรงใจมากกว่าด้วยธรรมชาตินั้น เขาเคารพบิดามากกว่าใครอื่น หากเขาจะยอมก้มหัวให้ใครสักคนก็คงจะมีแต่ลีซางมินเท่านั้นนี่แหละที่ปราบพยศเขาได้ แต่ใครจะไปรู้เล่าว่าเหนือบิดาแล้ว ยังมีผู้จัดการหน้าใหม่ที่ดันบงการบิดาต่ออีกทีได้ด้วย คำว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าคงเป็นอย่างนี้เองสินะ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD