“ห้ามหลับ”
เสียงของนัชฌานดังขึ้นทันทีที่เห็นดวงตาทั้งสองข้างของลีแทจินปิดลงมาเกือบครึ่ง ก่อนที่จะคว้าเอาขวดสเปรย์น้ำแร่ที่ได้จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่งและวางทิ้งไว้ในตู้เสื้อผ้ามาเป็นผู้ช่วยในการเรียกสติให้กลับมา
ละอองน้ำกระจายไปบนใบหน้าคร้าม ไอเย็นและกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้ลีแทจินลืมตาคู่นั้นขึ้นโพลงทันควันก่อนจะถามเสียงขุ่น
“อะไรเนี่ย”
“สเปรย์น้ำแร่ นายจะได้สดชื่น” นัชฌานยักไหล่พลันเร่งเร้าให้คนตรงหน้าก้มลงมองกระดาษในมืออีกครั้ง “ซ้อมต่อเร็วเข้าจะได้เสร็จเร็วๆ นายจะได้มีเวลาพักผ่อน เอาล่ะ ตอบมาซิว่าถ้าถูกนักข่าวถามว่านายเป็นคนเริ่มทะเลาะกับพวกอันธพาลนั่นใช่หรือไม่ นายจะตอบว่าอะไร”
เสียงของนัชฌานแทบไม่เข้าหูเขาเลย ลีแทจินชำเลืองมองนาฬิกาบนผนังห้องที่บอกเวลาตีสามแล้วก็ถอนหายใจ ไม่รู้ว่ากี่ชั่วโมงแล้วที่เขาต้องมานั่งคอยคิดคำตอบของคำถามบ้าๆ พวกนี้ ตั้งแต่ที่บิดาอาสาจะเป็นคนช่วยซักซ้อมให้ เขาก็ยังไม่ได้หยุดพักเลยตั้งแต่ตอนนั้นกระทั่งถึงตอนนี้ ซึ่งเวลานี้เป็นหน้าที่ของนัชฌานที่มารับช่วงต่อ ส่วนบิดาเขาน่ะเหร เฮอะ กลับบ้านไปนอนอุตุเรียบร้อยแล้ว
“ฉันไม่ซ้อมแล้ว พอแค่นี้แหละ ซ้อมไปทำไม เสียเวลา”
สุดท้ายแล้ว ลีแทจินก็ตัดสินใจยกเลิกการซักซ้อมการแถลงข่าวโดยไม่รอขออนุญาตผู้จัดการอีกต่อไป เขากระโดดตัวปลิวขึ้นไปเอนกายนอนบนเตียง คว้าผ้าห่มมาคลุมมิดไปทั้งตัวพลางส่งเสียงอู้อี้ออกมา
“นายไสหัวกลับไปได้แล้ว ฉันจะนอน”
นัชฌานมองคนใต้ผ้าห่มนิ่งๆ ยอมตัดใจปล่อยให้นักร้องหนุ่มทำตามใจอยาก ใจจริงเขาอยากจะตรงเข้าไปกระชากลีแทจินออกจากใต้ผ้าห่มแล้วจับมัดให้นั่งซ้อมบทยันถึงเวลาแถลงข่าวเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ยังพอใจดีอยู่บ้างด้วยคิดว่าลีแทจินคงยังจะไม่ชินกับการทำงานในรูปแบบของเขาที่ค่อนข้างจะเข้มงวด แถมวันนี้เขาก็ดันมาปรากฏตัวแบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้าอีกต่างหาก ถ้าลีแทจินยังจะปรับตัวไม่ได้ก็ไม่แปลก
“ก็ได้ ถือว่าวันนี้เป็นวันแรก ฉันจะไม่เข้มงวดอะไรกับนายมาก แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าถ้าพรุ่งนี้ผลงานออกมาไม่ดีล่ะก็ นายโดนคิดบัญชีชุดใหญ่แน่”
นัชฌานว่าตบท้ายก่อนจะออกจากห้องไป
เสียงประตูปิดลงดังแว่วมาทำให้ร่างใหญ่ค่อยๆ โผล่ออกมาจากผ้าห่มผืนหนา เขาย่องไปดูทุกๆ ห้องเพื่อให้แน่ใจว่าผู้จัดการกลับไปแล้วจริงๆ พอไม่เห็นเงาของใคร ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นึกว่าวันนี้เขาจะถูกตามติดทั้งวันเสียแล้ว
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญสักเท่าไหร่ สิ่งสำคัญในตอนนี้คือเขาต้องโทรไปวีนกับคิมแฮซูเรื่องเปลี่ยนผู้จัดการให้เขาและส่งนัชฌานมาโดยไม่บอกล่วงหน้ามากกว่าหลังจากที่เขาหาจังหวะเหมาะๆ ไม่ได้ทั้งวันเพราะนัชฌานตามติดแจ
เท่านั้นชายหนุ่มก็คว้าโทรศัพท์โทรออกโดยไว ไม่กี่อึดใจ เสียงปลายสายก็ตอบรับกลับมา
‘ว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็นแก มีอะไรฮะแทจิน โทรมาซะดึกดื่นเชียว’
ฟังคำถามของคิมแฮซูแล้ว ความหงุดหงิดที่สั่งสมมาตลอดวันก็ปะทุขึ้นทันที
“ยังมีหน้ามาถามอีกนะครับท่านประธานคิม”
เสียงหัวเราะร่วนของคิมแฮซูดังแทรกขึ้นมาด้วยเขารู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
‘เป็นไงล่ะ ผู้จัดการคนใหม่ทำงานดีใช่มั้ย’
“ไม่ตลกเลยไอ้ประธานงี่เง่า” ลีแทจินกัดฟันกรอด หลุดพูดคำไม่เหมาะสมกับผู้เป็นนายโดยไม่รู้ตัว
คิมแฮซูได้ฟังก็พอรู้ว่านักร้องหนุ่มหัวเสียเต็มแก่แล้วจึงหยุดหัวเราะ กระแอมไอสองสามครั้งก่อนเข้าเรื่องอีกครั้ง
‘แล้วนายต้องการอะไร’
พอถามขึ้นมาอย่างนี้ก็เข้าทางลีแทจินทันที “ผมต้องการให้ท่านเปลี่ยนผู้จัดการคนใหม่ให้ผม แล้วก็ห้ามเอารหัสประตูห้องผมให้ใครต่อใครโดยที่ผมไม่อนุญาตด้วย เข้าใจมั้ย”
คำพูดที่ฟังดูเหมือนคำสั่งนั้นไม่ค่อยเข้าหูคนมีอำนาจเหนือกว่าอย่างคิมแฮซูสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้สนใจกับพฤติกรรมก้าวร้าวที่ลีแทจินแสดงออกต่อเขานัก แต่ถ้าถูกสั่งนี่ เขาค่อนข้างจะรับไม่ค่อยได้
‘ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ แกจะทำไมฮึ?’
“ผมก็จะไม่รับงานที่ทางต้นสังกัดป้อนมาให้แม้แต่งานเดียว”
‘ถ้าแกมีเงินประทังชีวิตพอล่ะก็ แล้วแต่นะ เห็นว่าติดหนี้คุณผู้จัดการอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ ทำอะไรก็คิดดีๆ แล้วกันถ้ายังเป็นห่วงปากท้องของพ่ออยู่’ คิมแฮซูว่าอย่างไม่แคร์เพราะเขารู้ว่าตัวเองเป็นต่อ
ลีแทจินเพิ่งตระหนักได้ในตอนนี้เองว่าเขาถูกต้อนจนตรอกไปเรียบร้อยตั้งแต่เจอหน้านัชฌานแล้ว เท่านั้นเขาก็ได้แต่เงียบ เม้มริมฝีปากแน่นอย่างขุ่นแค้นที่ถูกทำให้ฝ่ายได้เปรียบเสมออย่างเขากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เมื่อไม่ได้ยินอีกฝ่ายปริปากพูดอะไรออกมา หัวใจของประธานบริษัทก็ชุ่มชื้นทันทีที่ได้สัมผัสกับรสชาติแห่งชัยชนะครั้งแรก มันได้เวลาแล้วที่จะทำให้นักร้องหยิ่งทระนงคนนี้รู้ว่าใครกันแน่ที่อยู่เหนือกว่าอย่างแท้จริง
‘ถ้านายไม่อยากลำบาก ก็ทำตัวตามปกติและเชื่อฟังคุณผู้จัดการซะ จะได้ไม่มีปัญหา หมดธุระแล้ว พอแค่นี้นะ ฉันจะนอนต่อ พรุ่งนี้เจอกันที่งานแถลงข่าว’
ปลายสายถูกตัดทิ้งไปในชั่ววินาที ทิ้งให้คนโทรไปยืนนิ่งงันก่อนที่ความอดทนซึ่งเสมือนฟางเส้นสุดท้ายของเขาจะขาดสะบั้น โยนโทรศัพท์ในมือทิ้งลงพื้นจนแตกกระจายไปทั่วเป็นการระบายอารมณ์พลันรำพึงอย่างโกรธเคือง
“ถ้าคิดว่าบงการฉันได้ล่ะก็ คิดผิดแล้วท่านประธานคิม”
เรียกได้ว่าไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ไม่ใช่ว่าเขาซักซ้อมบทพูดสำหรับการแถลงข่าว แต่ลีแทจินตื่นเต้นในการเอาคืนท่านประธานคิมมากเสียจนข่มตาหลับไม่ไหว เขาลุกขึ้นมาอาบน้ำทันทีที่เสียงนาฬิกาปลุกดังบอกเวลา ในเวลาเช้าตรู่อย่างนี้ช่างเหมาะนักที่จะทำให้สมองปลอดโปร่ง
ร่างใหญ่คว้าแปรงสีฟันเข้าปากก่อนเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น กะว่าจะยืดเส้นยืดสายสักเล็กน้อย ทว่าในจังหวะที่เขาเดินออกจากห้องน้ำมานั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ใครบางคนกดรหัสห้องเข้ามาพอดี พอเห็นร่างเล็กแทรกผ่านประตูห้องเข้ามา เสียงแหบห้าวก็ดังไปทั่วห้องพลัน
“มาทำไมตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่กันเนี่ย!”
“มาแสตนด์บายรอเผื่อนายไม่ยอมตื่น” นัชฌานว่าพลางปรายตามองคนตรงหน้า “แต่ผิดคาด ตื่นเช้าเหมือนกันนะเนี่ย”
“ก็วันนี้มันวันสำคัญนี่” ลีแทจินตอบกลับเบาๆ เขาไม่มีอารมณ์จะโต้เถียงกับนัชฌานสักเท่าไหร่ถึงแม้ว่าการโผล่หน้ามารบกวนเวลาส่วนตัวของเขาแต่เช้าจะทำให้เขาไม่พอใจนักก็ตาม
พฤติกรรมแปลกประหลาดของนักร้องหนุ่มชวนให้นัชฌานต้องหรี่ตามองอย่างจับผิด พลันสายตาก็ปะทะเข้ากับรอยคล้ำใต้ตาบนใบหน้าคมก่อนที่จะเอ่ยถาม
“นายยังไม่ได้นอนใช่มั้ย”
“นายก็คงจะยังไม่ได้นอนล่ะสิถึงได้ว่างมากจนต้องมารบกวนฉันแต่เช้า” ลีแทจินย้อนถามกลับด้วยน้ำเสียงยียวน ไม่ยอมตอบคำถามเมื่อครู่
“เปล่า”
“เปล่า? ถ้านอนแล้ว ทำไมนายมาที่นี่เร็วจัง อย่ามาหลอกกันหน่อยเลยน่า นายเพิ่งจะกลับไปเมื่อตอนตีสามนี่เอง ไม่มีทางเลยถ้าจะนอนแค่ชั่วโมงเดียว”
น้ำเสียงคนฟังบ่งบอกชัดเจนว่าไม่เชื่อในสิ่งที่นัชฌานพูด นักร้องอย่างเขารู้ดีว่าหากไม่ได้นอนติดต่อกันเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วเผลองีบหลับไป ร่างกายจะหยุดการทำงานจนต้องนอนหลับยาวทันที ไม่มีทางที่จะนอนได้เพียงงีบหรือสองงีบแน่ๆ เพราะเขามักประสบปัญหานี้บ่อยๆ ยามที่มีคิวงานให้ทำเยอะจนไม่มีเวลาพักผ่อน
“ฉันนอนสองชั่วโมง” นัชฌานตอบปัดๆ เสียงเรียบ แต่นั่นยิ่งทำให้ลีแทจินทำหน้าไม่เชื่อหนักขึ้นไปอีก
“จะสองชั่วโมงได้ยังไง นายออกจากห้องฉันตอนตีสาม กว่าจะกลับถึงบ้าน กว่าจะมาก็กินเวลาอย่างน้อยชั่วโมงนึงล่ะฉันเชื่อ นี่เพิ่งจะตีห้าด้วย เป็นไปไม่ได้เลยที่นายจะนอนสองชั่วโมง”
“จะเป็นไปไม่ได้ได้ยังไง ในเมื่อฉันไม่ต้องบวกเวลาเดินทางเพราะฉันอยู่ข้างห้องนายนี่เอง”
ในที่สุด นัชฌานก็เฉลยออกมาจนได้ แปรงสีฟันในมือนักร้องหนุ่มตกลงสู่พื้นทันทีที่เขาได้ยินความจริงจากริมฝีปากชมพูระเรื่อ
“อะไรนะ อยู่ข้างห้องฉันเหรอ?”
“ใช่ ท่านประธานคิมให้ฉันย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ นาย จะได้คอยจับตาดูพฤติกรรมได้ง่ายๆ” คนตัวเล็กว่าไม่ยี่หระ
ลีแทจินก็ลืมไปเลยว่าห้องที่เขาอยู่นั้นเป็นห้องที่ทางบริษัทต้นสังกัดเป็นคนจัดหาให้ และในอพาร์ตเม้นต์เดียวกันกับเขาก็ยังมีอีกหลายห้องที่ทางบริษัทซื้อเอาไว้เพื่อให้นักร้องได้พักอาศัยตามสัญญาจ้างที่ทำการตกลงกัน แต่เขาไม่คิดว่าผู้จัดการส่วนตัวจะได้สิทธิครอบครองห้องชุดสุดหรูเหมือนนักร้องเหล่านั้นด้วย
เห็นสีหน้าของลีแทจินก็พอจะเดาได้ว่าเขาคิดอะไร นัชฌานจึงเฉลยข้อข้องใจโดยไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากถาม
“ฉันได้อภิสิทธิ์นี้ก็เพราะเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนาย การอยู่ใกล้ๆ เพื่อจับตาดูพฤติกรรมมีความจำเป็นพิเศษ”
ยิ่งฟังก็ยิ่งหงุดหงิดไอ้ประธานคิมบ้าบอนั่น เขาเป็นนักร้องนะ ไม่ใช่นักโทษสักหน่อย มาคอยตามทุกฝีก้าวอย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน! แต่เอาเถอะ อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เขาก็จะได้เช็คบิลท่านประธานคิมที่เคารพรักแล้ว รับรองว่าเขาเอาคืนอย่างเจ็บแสบแน่
ลีแทจินแสร้งพยักหน้าทำเป็นเข้าใจก่อนก้มลงเก็บแปรงสีฟันบนพื้นขึ้นมาถือดังเดิม
“นายคงจะเหนื่อยสินะ พักผ่อนตามสบาย เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อน รอหน่อยแล้วกัน” ว่าจบก็ปลีกตัวหายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้นัชฌานเลิกคิ้วสูงมองอย่างสงสัยที่จู่ๆ เขาก็พูดดีด้วยขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
มองแวบเดียวก็เห็นถึงพิรุธ ดูท่าทางงานนี้ลีแทจินมีแผนอะไรในใจแน่ๆ