บทที่ 3 เลิกแซว 2

1005 Words
“ขอโทษนะครับที่ต้องพูดออกไปแบบนั้น ผมแค่ไม่อยากให้ใครมารบกวนพี่ ไม่ได้อยากทำให้พี่ไม่สบายใจ…” “พอเข้าใจอยู่น่า ไม่ต้องทำเสียงอ้อนตลอดเวลาก็ได้ แล้วนี่ทำไมมาเร็วนักล่ะ ประชุมตั้งวันจันทร์” “อยากพักบ้างครับ เหนื่อยมาหลายวันแล้ว” พันเดชเหนื่อยเพราะต้องดูแลหลากหลายโปรเจกต์ กระนั้นเขาก็ยังฝืนยิ้มสดใสราวกับไม่ได้รู้สึกอ่อนล้าจนแทบหมดแรง แต่พอเครื่องเทกออฟก็ผล็อยหลับในทันที ในระหว่างนั้นอัญชิตาก็ถือโอกาสจ้องมองหนุ่มรุ่นน้องที่อายุน้อยกว่าเกือบห้าปี ใช่อยู่ว่าเธอเคยจีบเขา แต่ก็เพื่อความสนุกเท่านั้น และอีกอย่างก็คืออยากสอนให้พ่อหนุ่มเนิร์ดมีฤทธิ์เดชสมชื่อ สามารถต่อกรกับคนในบริษัทได้ นึกไม่ถึงว่าเธอจะประเมินเขาต่ำมากเกินไป เขาไม่ค่อยพูดก็จริง แต่บทจะพูดขึ้นมาก็ทำคนฟังสะเทือนทรวงไปเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้เพราะไม่เคยเข้าประชุมด้วย พอได้ร่วมงานจริงๆ จึงพบว่า ‘น้องพัน’ ของเธอไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงเลย ยังจำได้ว่าในวันเปิดตัวพรีเซนเตอร์ เขาเหน็บนักร้องสาวชื่อดังว่าอย่างไรบ้าง ‘ผมว่าคุณพริมควรจะอุดหูนิดหน่อยนะครับเพราะคุณฝันหวานมานู่นแล้ว จากที่คุณปุณณ์เคยเล่าให้ฟัง ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเธอไม่ได้คิดจะพูดเรื่องดีๆ ที่เป็นประโยชน์กับคนอื่น คงคิดจะหาโอกาสเรียกแสงให้กับตัวเองน่ะครับ’ เธอยิ้มกริ่มอย่างภูมิใจที่ได้ต่อเขี้ยวต่อเล็บให้กับเขา เพิ่งมารู้ทีหลังจากนิภาว่าคนในบริษัททรีพี พร็อพเพอร์ตี้ ทราบกันดีว่าคุณผู้ช่วยน่ะ ปากร้ายยิ่งกว่าคุณปุณณ์เวลาโมโหหลายเท่าตัว แต่อยู่กับอัญชิตา พันเดชน่ารักตลอดเลยนะ... “พันตื่นเถอะ อีกนิดก็จะแลนด์แล้ว” “แย่จัง ผมเผลอหลับไป” “เหนื่อยเหรอ?” “นิดหน่อยครับ แต่เห็นหน้าพี่แอนก็ไม่เหนื่อยแล้ว” อัญชิตาอดเบะปากให้กับประโยคหวานๆ ที่เขาหมั่นกล่าวเพื่อเอาใจเธอไม่ได้ ถึงจะดีใจที่ได้ยิน แต่ก็รู้ว่าหากมากกว่านี้คงรับไม่ไหว เพราะเธอไม่สมควรที่จะได้รับมัน เธอไม่ปฏิเสธยามเขาช่วยยกกระเป๋าลงให้ ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ชิดใกล้จนแผ่นหลังของเธอแนบกับอกกว้าง ได้กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายจางๆ กลิ่นเดียวกับที่เธอจำได้ยามอยู่บนเตียงเดียวก่อนเมื่อเดือนก่อน “ผมว่าผู้ชายคนนั้นมองพี่แปลกๆ ไม่ได้รู้จักกันแน่ใช่ไหมครับ” “พี่ว่าไม่นะพัน จำไม่ได้เลยว่าเคยเห็นหน้า” “แต่ผมว่าเขารู้จักพี่นะ ไม่งั้นคงไม่มองด้วยสายตาแบบนั้น ไม่รู้สิ แต่ผมว่าผมไม่ได้คิดมากไป” “สายตาแบบไหนเหรอพัน” อัญชิตาแกล้งถาม ทราบดีแก่ใจว่าผู้ชายแปลกหน้ามองเธอด้วยสายที่ไม่ให้เกียรติ มองจากศีรษะจรดเท้า หากได้นั่งด้วยกันจริงๆ คงต้องมีคำพูดแนวชวนไปวันไนต์สแตนด์ด้วยแน่ๆ “มองแบบที่ผมอยากมองพี่บนเตียง แต่คงต้องรออีกหน่อย...เราไปกันเถอะครับ คนเริ่มขยับแล้ว” พันเดชกระซิบโดยไม่กลัวว่าใครจะได้ยินเพราะในเครื่องบินเสียงค่อนข้างดัง แม้รู้ดีว่าการพูดจาลามกอาจทำให้คนมองเธอไม่ดี แต่พันเดชก็อดใจแซวไม่ได้จริงๆ ส่วนคนฟังก็ได้แต่เงียบ ไม่กล้าตอบโต้อะไรรุนแรง เนื่องจากสถานที่ไม่เอื้ออำนวย ไว้ได้อยู่กันตามลำพังเมื่อไหร่ เธอจะดุเขาให้หลาบจำ ว่าอย่าพูดจาแบบนี้ในที่สาธารณะ อยู่กันสองคนก็ว่าไปอย่าง ไม่สิ! อยู่ที่ไหนก็ห้ามพูดต่างหากล่ะ! อัญชิตารู้ว่าตัวเองกำลังสับสนจึงเลือกที่จะเงียบและไม่ถามอะไร หลังจากถึงโรงแรม พันเดชก็บอกให้เธอนั่งพักและตรงไปแจ้งชื่อกับพนักงาน ก่อนเดินยิ้มร่ามาหาพร้อมบอกว่าได้อัปเกรดห้องพักเป็นห้องสวีต “ห้องติดกันด้วยนะครับ ถ้าพี่แอนเหงาก็เรียกผมได้ แต่ห้ามทำ...” “เอาเรื่องที่พี่เมามาแซวเล่นบ่อยๆ คิดว่าตลกนักเหรอ แล้วก็เรื่องที่พูดบนเครื่องบิน ถ้าคนอื่นได้ยินจะคิดยังไง ทำไมพูดเล่นเยอะแบบนี้ ไหนจะเรื่องอ้อนไม่หยุดอีก” อัญชิตากลั้นใจดุ ซึ่งพ่อตัวดีก็ทำหน้าสลด มองดูแล้วน่าสงสารจนคนพูดต้องทวนประโยคของตัวเองในใจว่าแรงไปหรือเปล่า “ผมขอโทษครับ ทีหลังผมจะไม่แซวพี่อีกแล้ว เดี๋ยวผมขอตัวไปพักก่อนนะ ถ้าพี่แอนหายโกรธ อยากมีเพื่อนออกไปทานมื้อเย็นข้างนอกหรืออยากไปเที่ยว พี่บอกผมได้เลยนะครับ ผมว่าง” “โกรธเหรอที่พี่เตือน...” “ไม่โกรธครับ ผมพูดออกไปแบบไม่รู้จักคิดจริงๆ ถึงจะมั่นใจว่าได้ยินกันแค่สองคนก็เถอะ ส่วนเรื่องที่พูดอ้อนพูดเล่น ขอโทษอีกครั้งนะครับ พอดีผมชอบเวลาที่พี่พูดกับผมแบบนั้น เลยพูดแบบเดียวกันกลับไปบ้าง ไม่นึกกว่าพี่จะไม่พอใจจริงๆ” พันเดชไม่พูดจาหยอกล้อกับเธอแล้ว เขาขอโทษด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนเดินตรงไปยังห้องพัก โดยไม่รอพนักงานโรงแรม ทิ้งให้อัญชิตายืนเคว้งคว้างอยู่ตามลำพัง โชคยังดีที่พนักงานมาเร็ว อัญชิตาจึงเดินตามไปติดๆ และขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกันด้วย แต่กระนั้นพันเดชก็ไม่ยอมมอง แตะคีย์การ์ดหน้าห้องและเข้าไปพักผ่อนอย่างเงียบๆ ‘น้องพันโกรธ?’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD