‘เรื่องมันจะง่ายถ้าเราทำให้ง่าย’
ประโยคนี้ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลกับอัญชิตา เธอยังคิดมากเรื่องที่เขาขอโอกาส แต่ก็ไม่ได้หนีหน้าเหมือนกับที่ผ่านมาแล้ว ยิ่งพันเดชทำตามคำพูดของตัวเองด้วยการไม่ทำให้เธออึดอัด อัญชิตาก็ยิ่งกังวลน้อยลง
แต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
“คุณปุณณ์ฝากบอกคุณแอนด้วยว่างานนี้พลาดไม่ได้ ทางเชียงใหม่เล็งคู่แข่งเราเอาไว้ แต่ถ้าข้อเสนอของเราดีกว่าก็ไม่น่าต้องกังวลอะไร”
พันเดชเข้าประชุมแทนเจ้านายบ่อยครั้ง มีสิทธิ์ออกความเห็นและให้คำแนะนำกับทุกคนได้อย่างเต็มที่ แต่ก่อนหน้านี้โปรเจกต์ที่อัญชิตาดูแลไม่ได้อยู่ในส่วนที่พันเดชรับผิดชอบ เธอจึงไม่เห็นถึงความสามารถของเขามาก่อน
“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ” เขาขอตัวอย่างสุภาพ ไม่ได้มองหน้าเธออย่างที่ทำเป็นประจำ และนั่นทำให้อัญชิตาไม่แน่ใจว่าควรต้องรู้สึกอย่างไร
ดีใจที่ทุกอย่างยังคงเป็นปกติ หรือว่าเสียใจที่เขาทำตัวเฉยชาราวกับว่าไม่เคยรู้จักกัน เคยนอนเตียงเดียวกัน?
“คุณแอนจะแวะกลับไปเอาของที่คอนโดก่อนไหมคะ ให้นุ่มไปส่งที่สนามบินไหม” นิภาอาสาไปส่งเพื่อนร่วมงานที่ตำแหน่งสูงกว่ามาก อัญชิตาเป็นหนึ่งในผู้บริหาร แต่ทำตัวเป็นกันเองกับพนักงานทุกๆ คน มีโอกาสก็ชวนไปเที่ยว ไม่ได้แบ่งแยกหรือทำตัวเหินห่างแต่อย่างใด
แต่กระนั้นทุกคนรวมทั้งตัวนิภาเองกลับเกรงใจเธอเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลางานเพราะอัญชิตาค่อนข้างจริงจังกับทุกอย่าง แม้บางครั้งบุคลิกจะดูเหมือนคนขี้เล่นอยู่บ้างก็ตาม
“ไม่เป็นไรหรอก พี่เอาของใส่รถมาหมดแล้ว เดี๋ยววันนี้เช็กอินเร็วหน่อย แล้วค่อยไปนั่งเล่นรอในเลานจ์ของสายการบิน ยังไงก็ขอบใจนุ่มมากนะ เอ้อ ว่าแต่ได้เรื่องหรือยังว่าใครเป็นตัวแทนของทรีพีที่จะไปคุยงานกับพี่”
“ยังไม่ทราบเลยค่ะ เห็นว่าทางทีพรีจะตัดสินใจบ่ายนี้ นุ่มว่าคงไม่พ้นคุณประภาสแน่เลยค่ะ ช่วงนี้เห็นอาสาทำงาน สงสัยอยากได้ตำแหน่งที่กำลังจะว่าง...”
นิภาหมายถึงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการที่กำลังจะว่างในเร็ววันนี้ เนื่องจากเจ้าของตำแหน่งเตรียมขายหุ้นให้กับคนรู้จักเพราะต้องย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ จึงไม่สามารถทำงานให้กับทรีพี พร็อพเพอร์ตี้ได้อีกต่อไป
ว่าแต่ใครจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่กันนะ?
เจ้าของร่างสูงที่เพิ่งออกจากห้องประชุมเหลือบมองเธอแวบเดียวก็กลับเข้าห้องทำงาน ทำราวกับว่ามองไม่เห็น แต่เธอรู้ว่าพันเดชมองเห็นเพราะสายตาเขาไม่ได้แย่ จำได้จากเมื่อตอนที่ยังรุกจีบน้องหนัก ซึ่งก็ก่อนที่จะเกิดเรื่องนั่นแหละ เขาได้ถอดแว่นตาออกต่อหน้าเธอและสาวๆ ตอนที่สังสรรค์ด้วยกัน
จำได้ว่าตัวเธอเองกรีดร้องเสียงดัง ตะโกนดังลั่นว่าอยากได้น้องมาเป็นแฟน…
“นี่แหละดีแต่ปาก พอเขารุกกลับก็หนีแทบไม่ทัน”
อัญชิตากล้าเสมอยามอยู่ต่อหน้าผู้คน แต่พอได้อยู่สองต่อสองกับผู้ชาย เธอมักเกร็งจนแทบคุมสติไม่อยู่ ซึ่งนั่นก็เป็นผลมาจากความทรงจำในอดีตที่เธอไม่อยากให้ใครล่วงรู้ โดยเฉพาะคนที่ตัวเองแอบชอบ
แอบชอบพันเดช?
ไม่ใช่หรอกน่า… อัญชิตาปลอบใจตัวเอง อีกไม่กี่เดือนอายุก็จะสามสิบห้าปีแล้ว เรื่องความรู้สึกเหลวไหลพวกนี้คงมาจากฮอร์โมน ส่วนคำว่าชอบก็แค่คำเก๋ๆ เอาไว้แซวเด็ก ไม่ได้จริงจังอะไรเสียหน่อย
เธอปลอบตัวเองจนกระทั่งถึงสนามบิน หลังจากจอดรถเรียบร้อยก็จัดการเช็กอินเข้าไปรอในเลานจ์โดยไม่ยอมเสียเวลาอีก
มือเล็กหยิบไอแพดมาตรวจดูรายละเอียดของงาน ไม่อยากทำพลาดให้ใครพูดได้ว่าผู้หญิงไม่ควรยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่อายุยังน้อยสำหรับวงการธุรกิจอย่างอัญชิตา
เธอนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พอเจ้าหน้าที่ประกาศว่าใกล้เวลาบอร์ดดิ้งแล้วจึงเก็บข้าวของ ลากกระเป๋าไปยังจุดหมายปลายทางทันที
“ขอโทษนะคะ”
อัญชิตาเอ่ยขอทางหนุ่มใหญ่ที่ยิ้มให้เธออย่างกะลิ้มกะเหลี่ย ก่อนยกกระเป๋าเก็บตามกฎการบิน ไม่รอให้ใครมาช่วยเพราะถ้าลากมาจากคอนโดมิเนียมได้ก็ต้องจัดการตัวเองยามอยู่บนเครื่องได้ด้วยเช่นกัน
นึกไม่ถึงว่าคนที่ยิ้มให้เธอจะหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ
สายตาของเขาที่จ้องมองมาทำให้เธออึดอัด ไม่ใช่ว่าไม่เคยรับมือกับคนเจ้าชู้ แต่พักหลังมานี้สภาพจิตใจไม่ค่อยปกติ เนื่องจากถูกบิดาขุดเรื่องในอดีตขึ้นมาดุด่า ส่วนอีกเรื่องก็คือสถานที่ที่เธอกำลังจะเดินทางไปประชุม
อดีตของเธอเป็นคนเชียงใหม่…
“ขอโทษนะ ผมว่าคุณนั่งผิดที่แล้ว” น้ำเสียงคุ้นหู ทว่าดุดันทำให้อัญชิตายิ้มออกมาได้ในทันที
“แลกกันได้ไหมคุณ ผมนั่งวินโดว์ซีตนะ 17K เผื่อคุณอยากชมวิวสวยๆ”
“ที่นั่งของผมวิวสวยแล้ว… ผมว่าคุณรีบกลับไปนั่งที่ของตัวเองเถอะนะ ผมจะได้นั่งกับแฟนของผมสักที”
คำว่าแฟนทำให้แขกไม่ได้รับเชิญยอมถอย ส่วนคนที่ถูกเรียกด้วยคำคำนั้นกลับทำหน้าตึง ไม่พอใจที่ถูกตีตราให้เป็นของชายใด แม้เธอจะชอบเขาอย่างมากก็ตาม
ทว่าเสียงกระซิบหลังจากเขาหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ทำให้ความไม่สบายใจจางหายไปอย่างรวดเร็ว