บทที่ 4 ชอบ 1

1164 Words
หลังจากนอนพลิกไปพลิกมาอยู่นาน อัญชิตาก็ยอมแพ้ให้กับเรื่องกวนใจ แน่นอนว่าเป็นเรื่องน้องพันเดชสุดหล่อที่น่าจะกำลังโกรธเธอมาก ยิ่งมีโอกาสได้ทบทวนการกระทำของตัวเอง สาวสวยในวัยใกล้สามสิบห้าปีก็ยิ่งสำนึกผิด เธอทำอย่างที่เขาว่าจริงๆ พูดจาหยอกเย้าทุกครั้งที่เดินผ่าน หลายครั้งกำกวมจนน่าสงสัยว่าต้องการสื่ออะไรกันแน่ “สื่อว่าอยากได้น้อง สรุปว่าก็ชอบน้องนั่นแหละ!” เธอดุตัวเองเบาๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา คิดสะระตะอยู่ได้ไม่นานก็พรมนิ้วส่งข้อความหาชายหนุ่มรุ่นน้องที่เธอเข้าใจว่ากำลังโกรธทันที Ann ? : พันอยู่ปะ กินข้าวกันไหม Pan ? : ร้านไหนดีครับ Ann ? : แถวโรงแรมนี่แหละ เดี๋ยวพี่พาเดินไป อัญชิตาแต่งตัวเรียบง่าย อากาศที่เชียงใหม่ค่อนข้างเย็นสบาย ไม่ร้อนเหมือนกรุงเทพฯ แต่เลือกได้เธอคงไม่มา เพราะว่ามันย้ำเตือนให้นึกถึงเรื่องในอดีตที่ไม่อยากจำ ผู้ชายใจร้ายคนนั้น... เธอสะบัดศีรษะแรงๆ หลังออกจากลิฟต์ พบว่าหนุ่มรุ่นน้องยืนรออยู่ไม่ไกลนัก “รอนานไหม” “ไม่นานครับคุณแอน” “พัน...” หัวใจของอัญชิตาบีบรัดแปลกๆ เขากลับไปเรียกเธอด้วยคำที่ห่างเหินดังเดิมแล้ว แต่ทำไมยังรู้สึกไม่พอใจอยู่อีกล่ะ “บริษัทส่งรายละเอียดของลูกค้าให้แล้วนะครับ เดี๋ยวผมกลับห้องแล้วจะส่งไฟล์ให้ ถ้าคุณแอนสะดวกวันอาทิตย์เราค่อยมาทบทวนทุกอย่างด้วยกันดีไหมครับ” “พรุ่งนี้ก็ได้นะพัน” “ไม่ดีกว่าครับ พรุ่งนี้วันหยุดของคุณแอน ผมไม่อยากรบกวน แต่ถ้าวันอาทิตย์ไม่ว่าง...” “พอได้แล้ว” “พอ? อ่า ครับๆ ผมจะไม่พูดเรื่องงานแล้ว” “พี่หมายถึงเลิกประชดได้แล้ว เรียกพี่แอนจนชินแล้วค่อยเปลี่ยนมาเรียกคุณแอน แบบนี้พี่ไม่โอเคนะพัน” “ขอโทษนะครับ แล้วผมควรเรียกคุณว่ายังไงดี” “พี่แอนเหมือนเดิมนั่นแหละ แล้วก็เรื่องก่อนหน้านี้ พี่ขอโทษนะที่ว่าเรา คือพี่ไม่ชินเวลาถูกแซวกลับน่ะ เคยแต่เป็นฝ่ายแหย่คนอื่น พอตัวเองโดนบ้างก็อึดอัดเหมือนกัน” “ครับ ผมเข้าใจแล้ว” พันเดชยกยิ้มมุมปาก เสยผมยุ่งไม่เป็นทรงที่ยังชื้นอยู่นิดหน่อยเพราะเพิ่งขึ้นจากสระว่ายน้ำได้ไม่นาน แม้จะบอกตัวเองว่าให้รักษาระยะห่างกับคนตัวเล็ก เพื่อไม่ให้เธออึดอัดมากจนเกินไป แต่พอจะข้ามถนนที่มีรถจักรยานยนต์ขับสวนไปมาอย่างประมาท เขาก็อดจับมือนิ่มไว้ไม่ได้อยู่ดี “ขอบใจนะพัน” “ครับ” ชายหนุ่มรับคำ ทว่ายังไม่ยอมปล่อยมือ เดินต่ออีกราวสิบนาทีพันเดชก็พบว่าตัวเองอยู่หน้าร้านอาหารเหนือชื่อดัง มีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดเชียงใหม่ เขายอมปล่อยมือเรียวอย่างไม่เต็มใจ ก่อนเข้าไปจองคิวเพราะโต๊ะยังไม่ว่างสำหรับแขกสองคน “ผมขอเมนูมาให้พี่แอนดูก่อน พนักงานบอกว่าไม่น่าเกินสิบนาทีครับ พี่รอไหวไหม” “มาถึงหน้าร้านแล้ว ไม่ไหวก็ต้องไหวแหละ ว่าแต่พันอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” “พี่เลือกให้ผมดีกว่าครับ ผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องอาหารโลคอล[1]น่ะครับ” “จริงสิ พันใช้ชีวิตที่ต่างประเทศตั้งนาน ได้ข่าวว่าไปตั้งแต่เรียนจบมอต้นเลยไม่ใช่เหรอ” “ครับผม อย่างที่รู้ๆ กันว่าผมสอบได้ทุนของตระกูลทิวานันท์ เรียนจบก็ทำงานต่อที่บริษัทของคุณปณัยเลย” “ครอบครัวของพันไม่คิดถึงแย่เหรอ เท่าที่พี่รู้พันแทบไม่ได้กลับมาไทยเลยนี่นา” เธอถามโดยไม่มองหน้า จดรายการอาหารลงบนกระดาษแผ่นเล็กอย่างรวดเร็ว เพราะแอบดูเมนูมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในโรงแรมแล้ว “ไม่หรอกครับ คุณพ่อของผมเสียตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนคุณแม่ก็แต่งงานมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว ผมเองก็เหมือนกัน มีครอบครัวใหม่แล้วเหมือนกัน” “ครอบครัวใหม่?” อัญชิตาเอียงคอถามอย่างสงสัย เพราะเท่าที่จำได้เขาอยู่ตัวคนเดียวไม่ใช่หรือ “ก็ทรีพียังไงล่ะครับ ครอบครัวใหม่ของผม แต่ถ้าพี่แอน...” พันเดชชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะและส่ายหน้าออกมาเบาๆ เพราะเกือบจะหลุดปากหยอดคำหวานอีกแล้ว “ถ้าพี่อะไร?” “ผมไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวพูดไปพี่จะโกรธผมอีก” “พูดมาเถอะน่า คราวนี้สัญญาว่าจะไม่โกรธ” “ถ้าพี่แอนให้โอกาส ไม่แน่ว่าผมอาจจะมีครอบครัวแบบคนอื่นก็ได้ ไม่ต้องเหงาอยู่คนเดียว...ถึงคิวพอดีเลยครับ เราเข้าไปในร้านกันดีกว่า” พันเดชเปลี่ยนเรื่องพูด ปล่อยให้สาวสวยรุ่นพี่เดินนำเข้าไปในร้าน แต่พอใกล้จะถึงโต๊ะก็เร่งฝีเท้าเพื่อเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างมีมารยาท “ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” “อย่าช้าล่ะ ไม่งั้นพี่กินหมดก่อนด้วย” อัญชิตาแกล้งแซวทั้งๆ ที่ความจริงหัวใจเต้นโครมครามกับคำว่าครอบครัว สิบกว่าปีแล้วที่ไม่เคยมีใครพูดคำคำนี้กับเธอ อย่างมากก็แค่ถามว่าเมื่อไหร่จะพร้อมมีเซ็กซ์กัน ซึ่งอัญชิตาก็ไม่เคยพร้อมสักที เสียงหัวร่อต่อกระซิกของสองสาวที่เดินผ่านโต๊ะเรียกสติของอัญชิตาได้ในที่สุด แต่ไม่ใช่เพราะเสียงหัวเราะที่ทำให้เธอต้องเสียมารยาทเงี่ยหูฟัง หัวข้อที่สองคนนั้นกำลังพูดถึงอยู่ต่างหากที่น่าสนใจ “คุณพันหล่อเนอะ นานๆ จะเห็นแต่งตัวสบายๆ ปกติมาแบบเต็มยศ ใส่สูตผูกไท เห็นแล้วใจเต้นไม่ไหว” “เบาได้เบานะจ๊ะ มีผัวแล้ว ลืมหรือเปล่า” “ผัวไม่ได้มาด้วยแปลว่าโสดค่ะ” “แกนี่นะ ประชุมนอกสถานที่ทีไรหาเหยื่อทุกทีเลย ว่าแต่คุณพันเขาจะเอาแกเหรอ ดูนิ่งจะตาย” “ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้ค่า เอาไว้เจอกันในที่ประชุมวันจันทร์ฉันจะอ่อยให้เต็มที่ ได้ไม่ได้เดี๋ยวจะมารายงาน...” อัญชิตาอยากรู้ว่าสองสาวพูดอะไรต่อ แต่ระยะห่างทำให้เธอไม่ได้ยิน ครั้นจะให้ลุกไปแอบฟังใกล้ๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ เพราะตัวเธอเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ‘ได้ไม่ได้เดี๋ยวจะมารายงาน’ ประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่ทำให้เธอรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ จนอาหารถูกยกมาวางตรงหน้าแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว ต้องให้เจ้าตัวที่ถูกนินทาเรียกนั่นแหละถึงได้สติ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD