เสียงตะคอกจากปลายสายทำให้อัญชิตาหูแทบชา หากคนอื่นสาดถ้อยคำไม่น่าฟังใส่เธอแบบนี้ คงถูกด่าจนลืมทางกลับบ้าน แต่ในเมื่อปลายสายคือผู้ให้กำเนิดที่เหลืออยู่เพียงแค่คนเดียว เธอจึงต้องสงบปากสงบคำให้มาก รวมถึงออกความเห็นให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังจากถูกบ่นมาราธอนจนแบตโทรศัพท์ของบิดาใกล้หมด คนเป็นลูกก็ได้รับอิสรภาพและเมื่อกดดูข้อความที่ส่งเข้ามา อัญชิตาก็ตระหนักได้ว่าเธอลืมอะไรไป
พันเดชตรงเวลา แต่เป็นเธอเองที่ติดธุระ ต้องคุยโทรศัพท์กับทางบ้านเนิ่นนาน กว่าจะนึกได้ว่าตัวเองมีนัดก็เกือบสองทุ่ม จึงรีบตอบกลับข้อความของพันเดชด้วยความเร็วที่ทำให้นิ้วแทบพันกัน
Pan ? : ผมรออยู่ข้างล่างนะครับ
Ann ? : พันยังอยู่ไหมอะ พี่ขอโทษ
อัญชิตาไม่ได้รอคำตอบ เธอรีบสวมรองเท้าและเดินกึ่งวิ่งตรงไปที่ลิฟต์เพื่อลงไปยังล็อบบี้ของคอนโดมิเนียม ใจหนึ่งก็หวังว่าเขาจะกลับไปแล้ว แต่อีกใจก็อยากให้รอ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน
“พัน รอพี่ก่อน!”
เสี้ยววินาทีแรกที่ก้าวขาออกจากลิฟต์ อัญชิตาก็ตะโกนเรียกชายร่างสูงที่กำลังจะเดินออกจากประตู มือเรียวคว้าไหล่เต็มแรงเมื่อคนที่ถูกเรียกไม่ยอมหันมาและปรากฏว่าเขาไม่ใช่หนุ่มรุ่นน้องอย่างที่เธอเข้าใจ
“ขอโทษค่ะ พอดีนึกว่าน้องชาย มองข้างหลังคล้ายๆ กันน่ะค่ะ” อัญชิตาขอโทษซ้ำๆ โชคดีที่เขาไม่ว่าอะไร แต่เธอก็นิ่วหน้าทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากเบื้องหลัง พอหันกลับไปก็เจอกับพันเดชที่ในมือมีถุงอะไรไม่รู้เต็มไปหมด
“พัน! พี่ขอโทษ พอดีเมื่อกี้พี่ติดธุระน่ะ คุยโทรศัพท์นานจนลืมเวลาไปเลย”
“ไม่เป็นครับ ผมเข้าใจเลยออกไปซื้ออาหารกับขนมแถวนี้เข้ามารอ เผื่อว่าพี่แอนจะเหนื่อยจนไม่อยากออกไปข้างนอกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะชอบไหม” พันเดชยกถุงในมืออวดคนตรงหน้าอย่างภาคภูมิใจ
“ขอบใจมากนะ งั้นเราขึ้นไปข้างบนเถอะ”
“แต่ว่า…”
“แต่อะไรล่ะ นั่งรอตั้งนานไม่เบื่อหรือยังไง?”
“พี่ต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ทำอะไรผมแบบวันนั้นอีก รู้ไหมว่ากว่ารอยเล็บจะจาง…”
อัญชิตาไม่เปิดให้พ่อหนุ่มเนิร์ดของเธอพูดเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาอีก รีบลากร่างสูงขึ้นลิฟต์กลับเข้าห้องทันที
“แล้วนี่ซื้ออะไรมาบ้างล่ะ เยอะแยะไปหมดเลย”
“จำได้ว่าพี่แอนชอบทานสลัดมื้อเย็น ผมเลยซื้อสลัดมาสองอย่าง แต่ถ้าอยากทานสเต๊กก็ได้นะครับ” พันเดชถือวิสาสะตรงเข้าไปในครัว หยิบจับข้าวของอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับเข้ามาในห้องของเธอเป็นร้อยครั้งแล้ว
“ไม่เป็นไร พันตัวโต กินสเต๊กไปเถอะ เดี๋ยวไม่อิ่ม”
“ครับผม”
พันเดชจัดจานสวยงามน่ารับประทานและยกมาวางบนโต๊ะเล็กๆ ในห้องครัว พร้อมทั้งส่งยิ้มให้กับคนที่ยังอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นอย่างง่ายๆ ใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางแต่งแต้มทำให้เธอดูอ่อนวัยกว่าทุกวันที่ผ่านมา ตรึงสายตาของเขาได้เป็นอย่างดี
ปกติสวยเฉี่ยว แต่วันนี้อัญชิตาน่ารัก
“มองอยู่ได้ ไม่เบื่อหรือไง”
อัญชิตาเพิ่งรู้ตัวว่าหิวจนตาลายก็ตอนที่เห็นอาหาร จึงรีบจิ้มสลัดเข้าปาก แต่ยังไม่วายบ่นคนที่จ้องเธอไม่วางตา แถมยังยิ้มอ้อนอยู่เรื่อยๆ ราวกับกลัวว่าเธอจะไม่หลงเสน่ห์เนิร์ดๆ ของเขาอย่างนั้นแหละ
“ชอบ ไม่เบื่อหรอกครับ”
“แค่ก แค่ก พัน! พูดมาได้!” เธอสำลัก แต่นอกจากอายนิดหน่อยก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก
“ก็ผมชอบพี่แอน ทำไมถึงพูดไม่ได้ล่ะครับ”
“ชอบพี่ ชอบทำไม ชอบตรงไหน ถ้าชอบเพราะคืนนั้นก็ลืมมันไปเสียเถอะนะ เพราะอะไรก็ตามที่พี่ทำไป พี่ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด”
“เรื่องคืนนั้นไม่ได้ทำให้ผมชอบพี่ได้หรอกนะครับ แค่เสียใจนิดหน่อยที่พี่ไม่ยอมรับผิดชอบผม ทั้งที่สัญญาว่าถ้าผมยอมให้จูบจะคบกันเป็นแฟน”
“พี่พูดออกไปแบบนั้นจริงๆ เหรอ” เรื่องจูบอัญชิตาพอจำได้รางๆ แต่เรื่องบอกว่าจะรับผิดชอบนั้นไม่อยู่ในหัวของเธอเลยจริงๆ
“ผมชอบพี่นะครับ ไม่ได้คิดจะล้อเล่นด้วย อยากคบกับพี่จริงจัง แล้วถ้าถามว่าทำไมผมถึงชอบ ชอบเมื่อไหร่ ทำไมพี่ไม่ลองถามตัวเองดูล่ะครับ ว่าทำอะไรกับผมไว้บ้าง”
“พัน...”
“พี่แวะมาจีบผมทุกครั้งที่มาประชุมที่ทรีพี ซื้อขนมอร่อยๆ มาฝาก เดินผ่านก็หยอดมุกแซวผมไม่เลิก แถมประกาศไปทั่วด้วยว่าอยากได้ผมเป็นแฟน แรกๆ ผมยอมรับนะครับว่าค่อนข้างกลัว แต่พอเวลาผ่านไป...พี่แอนครับ ผมชอบพี่ ชอบมากเลยด้วย เราลองคบกันได้ไหมครับ”
“พัน พี่คงคบกับเธอไม่ได้”
“ทำไมเหรอครับ ในเมื่อพี่ก็ชอบผม อย่าปฏิเสธนะครับว่าไม่ใช่ ไม่อย่างนั้นพี่คงไม่แวะมาจีบผมเรื่อยๆ”
“คือพี่ยังไม่พร้อมน่ะ”
อัญชิตาแถไปเรื่อย เธอมีเรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้ โดยเฉพาะหนุ่มรุ่นน้องที่เธอแอบชอบอย่างพันเดช ในใจก็อยากหัวเราะออกมาดังๆ ที่จีบเขาจนติดแล้ว แต่ตัวเองกลับปอดแหก ไม่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาเลยสักนิด
“ผมก็ไม่ได้บังคับให้พี่พร้อมนี่ครับ ไม่ได้อยากทำให้พี่อึดอัดด้วย เราแค่ทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆ วันไหนพี่ว่าง อยากกินข้าวกับผม เราก็ไปกินด้วยกัน ไม่อยากใช้คำว่าเดตก็ไม่เป็นไร อยากบอกทุกคนว่าผมเป็นน้องชายก็ไม่ว่า ขอให้เราได้มีโอกาสทำความรู้จักกันบ้าง ผมก็ไม่ขออะไรแล้ว”
“พัน เรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”
“เรื่องมันจะง่ายถ้าเราทำให้ง่าย พี่ไม่ต้องห่วงนะครับ ที่ผมพูดออกไปก็แค่ต้องการอธิบายให้พี่ฟังเท่านั้นเอง ว่าผมไม่ได้คิดจะบังคับอะไรพี่ ตามใจพี่ทุกอย่าง...”
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา พันเดชรีบล้วงกระเป๋าเพื่อกดปิดเสียงเตือน ก่อนจะหันมาขอโทษอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“อีกชั่วโมงผมต้องประชุมกับทางยุโรป คงต้องกลับบ้านไปเตรียมตัว ไม่ได้อยู่กวนใจพี่แอนแล้ว ยังไงลองคิดดูนะครับว่าพอจะให้โอกาสผมได้ไหม” พันเดชเห็นอีกฝ่ายเงียบไปก็รีบโฆษณาตัวเองต่อทันที
“ผมเลี้ยงง่ายมาก ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่มีปัญหาเรื่องผู้หญิง รักเดียวใจเดียว ข้อเสียคือทุ่มเทเวลาให้กับงานมากไปหน่อย แต่ถ้าให้พี่ให้โอกาสผม ผมสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวเองและไม่ทำอะไรที่พี่ไม่ชอบ น่ารักแบบนี้แล้วพอจะรับผมไว้พิจารณาได้ไหมครับ”
อัญชิตาพยักหน้าอย่างงงๆ ก่อนโบกมือลาหนุ่มเนิร์ดที่ปกติพูดแทบนับคำได้ แต่วันนี้กลับพูดมากจนน่าตกใจ ราวกับคนมีเรื่องหนักอกที่กักเก็บเอาไว้นานหลายวัน
เธอนั่งนิ่งมองจานสลัดอยู่นาน จนกระทั่งเขาออกจากห้องไปได้เกือบสิบนาทีนั่นแหละ ถึงได้รู้ตัวว่าตกหลุมความช่างอ้อนของหนุ่มรุ่นน้องเสียแล้ว
รอยยิ้มของพันเดชอันตรายมากจริงๆ