หนึ่งเดือนผ่านไป…
สาวๆ ในบริษัททรีพี พร็อพเพอร์ตี้ลือกันทั่วว่าคุณอัญชิตาได้จัดการรวบหัวรวบหางผู้ช่วยของท่านประธานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สังเกตได้จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ไม่ซื้อขนมมาฝากหรือเอ่ยแซวทุกครั้งที่มีโอกาส แทบเรียกได้ว่าทำตัวเหมือนกับคนไม่เคยรู้จักกันเลยด้วยซ้ำไป
“ตายละ! เอกสารที่คุณแอนอยากได้ข้างบนยังไม่ส่งมาเลยค่ะ รอสักครู่นะคะเดี๋ยวนุ่มตามให้”
นิภารีบส่งข้อความถามเผื่อว่าจะมีใครนำเอกสารลงมาให้ได้บ้าง ปรากฏว่าเอกสารยังอยู่ที่ท่านประธานและยังไม่แน่ใจว่าลงลายเซ็นเรียบร้อยแล้วหรือยัง
“คุณแอนขา…” นิภากะพริบตาปริบๆ วันนี้เธอมีนัดกับแฟนที่เพิ่งจะคบกันได้ไม่นาน ไปช้ากว่าเวลาคงไม่ดี
“เดี๋ยวพี่จัดการเอง นุ่มไปเถอะ เที่ยวเผื่อด้วยนะ”
อัญชิตายิ้มกว้าง เธอไม่ได้เที่ยวกลางคืนนับตั้งแต่เกิดเรื่อง เบื่อมากนักก็ซื้อเครื่องดื่มมาฉลองคืนวันศุกร์คนเดียวที่คอนโดมิเนียมหรู แม้จะเหงาแทบขาดใจแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้เกิดเหตุการณ์น่าอายเกิดขึ้นอีกครั้ง
รอยดูด… รอยข่วน ยังชัดเจนเต็มสองตาอยู่เลย
“เลี่ยงไม่ได้สินะ” อัญชิตาพึมพำขณะกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นที่เป็นห้องทำงานฝ่ายบริหารของบริษัททรีพี พร็อพเพอร์ตี้ ต่อให้ไม่อยากเผชิญหน้ากับ ‘เหยื่อ’ แต่มันคงถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องเชิดหน้ายอมรับการกระทำ
ไม่แน่ว่าพันเดชอาจลืมเรื่องทั้งหมด?
“คุณปุณณ์อยู่หรือเปล่าคะ”
อัญชิตาถามพนักงานหญิงคนแรกที่เห็นหลังจากออกจากลิฟต์ เนื่องจากชั้นนี้มีคนไม่มาก ใครไปไหนมาไหนย่อมเป็นที่สังเกต โดยเฉพาะผู้ชายตัวใหญ่และเป็นที่น่าจับจ้องอย่างคุณปุณณ์และคุณปราชญ์ที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของเธอ
“ท่านประธานกลับนานแล้วค่ะ เหลืออยู่แต่คุณพัน ช่วงนี้คุณพันกลับดึกน่ะค่ะ เห็นว่าต้องคุยงานกับทางยุโรปเรื่องโปรเจกต์ใหม่… ถ้าคุณแอนมีอะไรก็สอบถามคุณพันได้เลยนะคะ”
หญิงสาวที่มองดูแล้วเปรี้ยวจัดอย่างมากกระซิบ ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเอ่ยถึงพันเดช แต่มีเรื่องที่หนึ่งที่อัญชิตาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเรียกพันเดชว่า ‘คุณพัน’ ทำราวกับว่าเขามีตำแหน่งอะไรใหญ่โตอย่างนั้นแหละ
“อ๋อ ขอบคุณนะคะ”
อัญชิตาขอตัวอย่างสุภาพ ไม่ได้แวะมาที่นี่นาน ดูเหมือนว่าพันเดชจะได้เลื่อนตำแหน่งจากเลขานุการ ไม่สิ คุณปุณณ์ย้ำเสมอว่าหนุ่มเนิร์ดสวมแว่นกรอบหนาคือผู้ช่วยส่วนตัว ไม่ใช่แค่เลขาฯ ธรรมดาอย่างที่คนพูดกัน
“พันเดช รัตนไพศาล…มีห้องทำงานตั้งแต่เมื่อไหร่นะ?” อัญชิตาอ่านชื่อหน้าห้องกระจกที่มองเห็นด้านในแทบทุกอย่าง แม้ไม่ได้บอกตำแหน่ง แต่การมีห้องทำงานเป็นของตัวเองก็ชัดแล้วว่าพันเดชสำคัญกับท่านประธานมากจริงๆ
“พี่แอน…” เจ้าของร่างสูงที่เปิดประตูออกมาเรียกเธอเสียงเบา ราวกับกลัวว่าจะมีใครได้ยิน แถมน้ำเสียงที่ใช้เรียกยังทำให้คนฟังขนลุกชูชันอย่างน่าประหลาด
“พี่แวะมารับเอกสารน่ะ คุณปุณณ์ฝากไว้หรือเปล่า”
“เชิญด้านในเลยครับ” พันเดชผายมือเชิญอย่างสุภาพ เปิดประตูทิ้งไว้เล็กน้อยเพื่อให้คนตัวเล็กสบายใจ ว่าเขาไม่ได้คิดจะทำอะไรไม่ดีจริงๆ
อย่างน้อยก็ในตอนนี้...
“โปรเจกต์ที่เชียงใหม่ใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ พอดีศุกร์นี้พี่ต้องไปประชุม พันรู้หรือเปล่าว่าทางทรีพีจะส่งใครไป” อัญชิตาชวนคุยแก้เขินขณะเจ้าของห้องเดินอ้อมไปค้นหาเอกสาร แกล้งทำเป็นจำไม่ได้ว่าเมื่อเดือนที่ผ่านมาตัวเองได้สร้างวีรกรรมอะไรไว้บ้าง
นอกจากลวนลามพันเดชจนตัวลายพร้อยไปหมด เธอยังผิดคำพูด ไม่ยอมไปเดตกับเขาตามที่สัญญากันเอาไว้ โชคดีที่อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนชอบตื๊อ ส่งข้อความมาถามวันว่างสองครั้งแล้วถูกปฏิเสธก็ไม่ได้มาตอแยอะไรอีก
เหมือนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
“นี่ครับเอกสารที่พี่อยากได้”
“ขอบคุณค่ะ”
“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นมื้อเย็นได้ไหมครับ แต่ถ้าพี่ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ”
พันเดชฉีกยิ้มอย่างน่ารัก ดวงตาทอประกายวาววับทะลุแว่นกรอบหนาอย่างมีความหวังว่าจะได้รับโอกาสจากผู้บริหารคนเก่งอย่างอัญชิตาสักครั้ง
“พี่ไม่ว่าง...พอดีมีนัดน่ะ” อัญชิตาโกหก
“เอาไว้โอกาสหน้าก็ได้ครับ ว่าแต่เราจะมีโอกาสหน้าใช่ไหมครับ หรือว่าพี่จะปล่อยให้ผมรอเก้ออีก...ความจริงพี่บอกผมมาตรงๆ เลยก็ได้นะว่าไม่อยากคุยด้วยแล้ว”
“พัน...”
“ขอโทษครับ ผมไม่ควรน้อยใจพี่แบบนี้เลย พี่แอนขับรถดีๆ นะครับ หน้าบริษัทซ่อมถนนด้วย ผมเป็นห่วง”
อัญชิตาเกลียดน้ำเสียงออดอ้อนของเขาเหลือเกิน มันทำให้เธอใจอ่อน รู้สึกว่าตัวเองสำคัญ ไหนจะคำว่าตามใจ ไม่อยากบังคับใจนั่นอีก ยิ่งพี่แอนครับ พี่แอนครับบ่อยๆ...
“เดี๋ยวสักทุ่มนึงพันมารับพี่ที่คอนโดละกัน เดี๋ยวพี่ส่งโลเคชันให้ในไลน์ แต่แค่ทานข้าวด้วยกันนะ ไม่ใช่เดต ช่วงนี้พี่อยากเก็บเนื้อเก็บตัวน่ะ เดี๋ยวจะมีคนนินทาว่าเจ้าชู้เปลี่ยนแฟนบ่อยอีก”
“ครับพี่แอน”
เกลียดจริงๆ รอยยิ้มซื่อใสของนายพันเดช เผลอมองทีไรตกหลุมพรางทุกที นี่แหละที่ต้องพยายามหลบหน้า เพราะไม่อยากใจอ่อนง่ายๆ แต่สุดท้ายเขาพูดด้วยไม่กี่คำก็ใจอ่อนยวบ ยอมให้ไปรับถึงที่คอนโดมิเนียม
แค่กินข้าว...ท่องไว้นะอัญชิตา