เท้าเหยียบคันเร่งรถสปอร์ตคู่ใจไปตามทาง มุ่งหน้าไปที่คลับชื่อดังที่พลอยใสไม่ได้สัมผัสถึงสี่ปีเต็ม โดยมีแขไขเพื่อนสนิทนั่งอยู่ข้างคนขับ แล้วตอนนี้ก็เหมือนว่าเพื่อนซี้กำลังขมุบขมิบปากสวดมนต์ หรือท่องบทอะไรสักอย่าง
“ไอ้พลอย ไอ้พลอย เบาคันเร่งลงหน่อย แกจะรีบไปไหนวะเนี่ย เร็วเกินไปแล้ว”
พอสวดมนต์เสร็จแขไขก็หันมาพูด เอ่อ น่าจะเรียกว่าบ่นมากกว่า กับพลอยใส
“เร็วอะไรแข นี่ฉันขับปกติเลยนะ”
“ปกติบ้านแกน่ะสิ ประเทศไทยเขาขับกัน 80-90 แต่ที่แกเหยียบอยู่เนี่ยมันจะ 180 แล้วนะเว้ย”
ปากก็บ่นเพื่อนไปพลาง ส่วนมือก็เกาะอยู่ที่จับเหนือหัวไว้แน่น เอาไงดีล่ะ พลอยใสยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุเสียด้วย
พลอยใสกดเท้าลงบนคันเร่งมากขึ้นไปอีก พอหันหน้าไปมองแขไขก็อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ นางแบบเบอร์หนึ่งของประเทศไทย ที่ตอนนี้กำลังทำหน้าเหวอขั้นสุด
“ไอ้พลอย! โอ้ย นี่ฉันจะต้องเชิญพระเกจิจากวัดไหนมาสิงร่างวะเนี่ย ฉันถึงจะปลอดภัยจากแก”
“ไม่ต้องเชิญ เพราะยังไงพระพวกนั้นก็วิ่งตามรถฉันไม่ทันอยู่แล้ว เกาะแน่น ๆ แล้วก็ทำใจให้สบายนะเพื่อนรัก”
พอตอบคำถามของเพื่อนสนิทเสร็จเธอก็เหยียบคันเร่งลงไปอีก ข้างกันก็ได้ยินแต่เสียงแขไขกรี๊ดกร๊าดไม่หยุด แหม..จะว่าไปเพื่อนคงจะตื่นเต้นละเนอะ ที่ได้เจอกันในรอบสี่ปี
//////////
สองทุ่มตรงพอดิบพอดี รถของพลอยใสก็มาจอดอยู่หน้าคลับชื่อดังที่เมื่อก่อนเธอมาแทบจะทุกวัน ที่จริงคลับนี้อยู่ในเครือของตระกูล เมธาอัครกุล เป็นตระกูลมาเฟียเก่าแก่ และก็เป็นเพื่อนกับพ่อของเธอ
ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด พลอยใสเชื่อแบบนั้น ถึงเจ้าของที่นี่จะเป็นเพื่อนกับพ่อเธอ สุ่มเสี่ยงที่เรื่องจะถึงหูพ่อว่าเธอมาเที่ยวคลับ แต่ว่าพนักงานที่อยู่ในนี้ก็จะดูแลพลอยใสอย่างดีเช่นกัน
“สาบานเลย ว่าฉันจะไม่นั่งรถที่มีแกเป็นคนขับอีกเด็ดขาด”
พอก้าวลงจากรถได้ แขไขก็บ่นไม่หยุด ถามว่าคนโดนบ่นแคร์ไหม ก็ไม่ เพราะพลอยใสชินแล้วล่ะกับการที่โดนแขไขบ่นเรื่องขับรถ
ทั้งสองคนเดินเข้ามาข้างในคลับ ไม่ได้มาสี่ปี ที่นี่เปลี่ยนไปเยอะมาก ทั้งแสง สี เสียง ซึ่งคุณลุงอาร์เดนตกแต่งได้อย่างไม่มีที่ติเลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉันจองโซนวีไอพีข้างบนไว้ จะได้ไม่ต้องรำคาญไอ้พวกผู้ชายชีกอที่ชอบมาลวนลาม”
แขไขพูดพลางเดินนำพลอยใสขึ้นมาโซนชั้นสองที่มีอยู่ไม่กี่โต๊ะ พอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็ไปสะดุดเข้ากับโต๊ะหนึ่ง
เป็นผู้ชายสองคนนั่งอยู่ หนึ่งในสองคนนั้นกำลังจ้องมาที่เธออย่างไม่วางตา หน้าตาก็ดูคุ้น ๆ นะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แต่พอคิดไปคิดมาแล้วพลอยใสคิดว่าคงไม่เคยรู้จักหรอก ไม่ได้อยู่ประเทศไทยตั้งสี่ปี แล้วก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยได้รู้จักผู้ชายที่ไหนด้วย
“ไอ้พลอย แกมองอะไรอยู่วะ” เป็นเสียงแขไขถามขึ้นหลังจากหันไปสั่งเครื่องดื่มเสร็จ แล้วก็มองมาทางโต๊ะที่เพื่อนกำลังมอง
“เปล่าว่ะแก พอดีไอ้ผู้ชายคนนั้นจ้องฉันอยู่นานแล้วน่ะ ฉันก็เลยจ้องกลับ ทีแรกคิดว่าคนรู้จัก แต่มองเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าใคร” เธอตอบพลางหันกลับมามองหน้าเพื่อนที่ได้แต่พยักหน้ารับขึ้นลง
“ใครจะไม่มองแกยะ ดูชุดที่ใส่มาสิ ร้อนแรงยิ่งกว่าแสงแดดเดือนเมษายนเสียอีก” จะว่าไปก็ใช่ ไอ้ชุดสีแดงเพลิงที่เธอใส่มาวันนี้ มันก็ทำให้พลอยใสดูโดดเด่นจริง ๆ
//////////
อีกด้านของโซนวีไอพี ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งดื่มกันอยู่ และหนึ่งในนั้นก็คือพายุ หนึ่งในลูกชายฝาแฝดของอาร์เดน เจ้าของคลับแห่งนี้
“มึงมองอะไรอยู่วะพายุ” เสียงของนพคุณถามขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนตัวเองมองสาวสวยโต๊ะที่อยู่อีกฝั่งสลับกับหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองไปมา
“มองว่าที่เมีย” เขาตอบคำถามพร้อมกับโชว์รูปพลอยใสที่ผู้เป็นพ่อของเธอส่งมาให้เขาเมื่อตอนบ่าย
“คนเดียวกันแน่เหรอวะ ทำไมในรูปดูเรียบร้อย แต่ตัวจริง โอ้โห แต่งตัวอย่างกับแม่เสือสาว”
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยไอ้นพ นั่นมันว่าที่เมียกูนะ”
เมื่อเห็นเพื่อนรักเอาแต่จ้องมองรูปว่าที่ภรรยาตนเองไม่วางตา พายุก็พูดปรามเพื่อนพร้อมกับเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง
“คนนี้ใช่คนเดียวกับที่มึงบอกว่าเป็นคู่หมั้นตั้งแต่เธออยู่ในท้องแม่หรือเปล่าวะ”
“เออ คนนี้แหละ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไม่คิดว่าโตขึ้นจะสวยขนาดนี้ เฮ้ย เดี๋ยวมานะ”
พูดกับเพื่อนเสร็จพายุก็ลุกขึ้นจากโต๊ะเมื่อเขาเห็นพลอยใสลุกขึ้นเดินออกไปทางห้องน้ำ สิบกว่าปีแล้วที่เขาไม่ได้เห็นหน้าเธอ
ครั้งล่าสุดที่เจอกันน่าจะตอนที่พลอยใสอายุสิบขวบ หลังจากนั้นเขาก็ต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและพึ่งกลับมาได้ไม่กี่ปี แต่ตอนที่กลับมาก็รู้ข่าวว่าก้องภพส่งลูกสาวไปดัดนิสัยที่ฝรั่งเศส แล้ววันนี้ตอนบ่าย เขาก็ได้รับข้อความจากก้องภพว่าลูกสาวกลับมาแล้ว พร้อมกับส่งรูปถ่ายมาให้ดู
“อุ้ย! ขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าจะมีคนยืนอยู่ตรงนี้” พลอยใสรีบเอ่ยปากขอโทษ เมื่อเธอเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเกือบชนเข้ากับพายุที่ยืนอยู่ข้างหน้า
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่ คุณคนสวยชื่ออะไรครับ พอจะบอกผมได้ไหม ผมอยากรู้จักน่ะครับ” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวก็คงจะจำตัวเองไม่ได้ พายุเลยอยากจะแกล้งลองใจว่าที่ภรรยาตัวเองดูสักหน่อย ว่านิสัยใจคอในตอนนี้จะเป็นอย่างไร
“ขอโทษนะคะ พอดีไม่สะดวกบอกชื่อกับคนแปลกหน้าค่ะ หลีกทางด้วยค่ะ ฉันจะกลับโต๊ะแล้ว”
“แล้วถ้าผมยืนยันว่าจะไม่หลีกทาง จนกว่าคุณจะบอกชื่อล่ะครับ คุณคนสวยจะทำยังไง”
ดวงตาคู่สวยกรอกมองจนรอบอย่างรำคาญผู้ชายตรงหน้าเต็มที
“ไม่หลีกใช่ไหมคะ ได้ค่ะ ฉันก็จะทำอย่างนี้ไงล่ะ ไอ้คนโรคจิต!”
ปัก! โอ้ย!! หลังจากพูดเสร็จเข่าของพลอยใสก็ลอยกระแทกเข้ากับจุดยุทธศาสตร์ของพายุเต็มแรง ตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอยของคนตัวโตที่เจ็บจุกจนตัวงอ
“ทะ ทำไมต้องทำรุนแรงขนาดนี้ด้วยเนี่ย โอ้ย! สูญพันธุ์หมดแล้วมั้งเนี่ย”
“นายจะได้จำไว้ไงว่าอย่ามาล้อเล่นกับผู้หญิงอย่างพลอยใส ไม่ใช่คิดว่าตัวเองหน้าตาดีแล้วจะมาทำรุ่มร่ามกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ ไอ้โรคจิต!”
สองขาเรียวเดินกระทืบเท้าปึงปังกลับมายังโต๊ะที่มีแขไขนั่งรออยู่ แล้วก็ยกแก้วเครื่องดื่มสีสวยเข้าปากรวดเดียวจนหมดแก้ว
“ไอ้พลอย ไอ้พลอย เบา ๆ หน่อย เดี๋ยวก็เมาหัวทิ่มขับรถกลับไม่ได้พอดี แล้วนี่เป็นอะไร หน้าบูดอย่างกับไปกินข้าวเน่ามาอย่างนั้นแหละ” แขไขรีบเอ่ยห้ามปราม พร้อมกับถามเมื่อเห็นเพื่อนสาวทำหน้าบอกบุญไม่รับต่างกับตอนก่อนจะไปเข้าห้องน้ำอย่างสิ้นเชิง
“ก็ตอนที่ฉันไปเข้าห้องน้ำ ดันไปเจอกับไอ้คนโรคจิตเข้าน่ะสิ”
“โรคจิต?”
“เออ คนโรคจิต นู่นไง ไอ้ผู้ชายที่อยู่โต๊ะนั้นไง”
พลอยใสพูดพลางพยักพเยิดหน้าให้เพื่อนสนิทหันไปมองทางโต๊ะของชายหนุ่มที่เธอพึ่งแทงเข่าใส่จุดผลิตลูกไปหมาด ๆ
“หน้าตาก็ดี ดูท่าทางก็คงรวยไม่เบา ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นโรคจิต” แขไขมองหน้าพายุสลับกับหน้าเพื่อนตัวเองไปมา ความหล่อของชายหนุ่มตรงหน้าทำเอาผู้หญิงหลาย ๆ คนในนี้อ่อนระทวยกันเป็นแถบ
“ความหล่อไม่ได้การันตีว่าจะเป็นคนดีย่ะ” พูดเสร็จพลอยใสก็ยกแก้วเครื่องดื่มแก้วใหม่เข้าปากตัวเองต่อ แต่ก็ยังไม่วายส่งสายตาอาฆาตไปให้พายุที่ยังนั่งมองเธอไม่กระพริบตา
///////////////////