เช้าวันนี้ พลอยใสนอนบิดตัวไปมาอยู่บนที่นอน เนื่องจากมีอาการปวดหน่วงท้องน้อยอย่างไม่ทราบสาเหตุ และแน่นอนว่าในยุคที่อินเตอร์ความเร็วสูงระดับ 5G การหาข้อมูลอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก แค่ถามอากู๋
เธอหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาแล้วกดเข้าหน้าเพจอากู๋ทันที นิ้วเรียวเล็กสไลด์หน้าจอไปเรื่อย ๆ และเปิดอ่านทุกเพจที่พูดถึงอาการปวดหน่วงท้องน้อยแบบเธอ แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งจิตตก เพราะหลาย ๆ เพจมีข้อมูลที่ตรงกันว่า อาการที่พลอยใสเป็นอยู่เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก และมีการแนะนำให้ไปตรวจภายใน
“มะเร็ง ตรวจภายใน เอาไงดีวะเนี่ย” หญิงสาวได้แต่นอนพึมพำครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นถึงลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาล แต่พลอยใสเกลียดการที่ต้องไปโรงพยาบาลที่สุด เธอไม่ชอบกลิ่นยาในโรงพยาบาลเอาเสียเลย
แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือก และกลัวว่าจะเป็นมะเร็งอย่างที่อ่านในอินเตอร์เน็ตจริง ๆ พลอยใสจึงเลือกกดเบอร์โทรหาแขไข เพื่อจะให้เพื่อนมารับไปโรงพยาบาล อีกอย่าง ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมาก จะได้ถือโอกาสออกไปเที่ยวด้วยซะเลย
/ว่าไงยะ คุณหนูพลอยใส/
/แข มารับฉันหน่อยสิ ฉันอยากจะไปโรงพยาบาล รู้สึกปวดท้องน่ะ/
/ปวดท้อง? แล้วทำไมไม่ให้ลูกน้องพ่อแกไปส่งยะ มีตั้งเยอะแยะ/
/ไม่เอาอะ ฉันอยากออกไปเที่ยวด้วย แกมารับฉันหน่อยนะ น้า แขไข/
/ก็ได้ รออยู่ที่บ้านนั่นแหละ ไม่เกินชั่วโมงก็ถึง/
พลอยใสรู้ดี ถึงแม้ว่าแขไขจะขี้บ่น แต่ถ้ามีเรื่องอะไรแล้ว เพื่อนซี้ก็จะยอมช่วยเสมอ ไม่ว่าเรื่องนั้นเธอจะถูกหรือผิดก็ตาม
หลังจากวางสายกับเพื่อนสนิท พลอยใสก็รีบลุกขึ้นจากเตียงอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็เดินลงมารอแขไขที่ห้องนั่งเล่นข้างล่าง แต่ก้องภพผู้เป็นพ่อนั้นนั่งอ่านหนังสืออยู่ก่อนแล้ว จะหันกลับขึ้นไปบนห้องก็คงไม่ทัน เพราะพ่อของเธอวางหนังสือแล้วหันมามองหน้าเธอพอดี
“จะไปไหน วันนี้แต่งตัวเรียบร้อยผิดปกติ” ก้องภพเอ่ยถามลูกสาวคนสวย ที่วันนี้ใส่ชุดเดรสยาวจนเกือบจะถึงข้อเท้า
“จะไปโรงพยาบาลค่ะ หนูปวดท้อง แต่พ่อไม่ต้องสั่งลูกน้องไปส่งหนูนะ เพราะหนูโทรให้แขไขมารับแล้ว” พลอยใสตอบคำถามของผู้เป็นพ่อพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม
“อีกสามวัน คุณลุงอาร์เดน คุณอาพิมพ์ แล้วก็พายุจะมาที่บ้าน มาคุยเรื่องงานแต่งของแกกับพายุ” ก้องภพพูดกับลูกสาวที่ตอนนี้กำลังเบิกตากว้างมองเขาด้วยความตกใจ
ความจริงแล้วที่เขายอมให้พลอยใสกลับมาเมืองไทย ก็เพื่อให้มาแต่งงานกับพายุ ลูกชายของเพื่อนสนิทที่เคยทำสัญญากันไว้เมื่อนานมาแล้ว และเป็นคนที่เขามั่นใจว่าจะกำราบพลอยใสได้
“เดี๋ยวนะคะ หนูไปตกลงตอนไหนว่าจะแต่งงานกับเฮียพายุ โอเค ถึงหนูกับเฮียพายุจะเคยรู้จักกันมาก่อน แต่ครั้งล่าสุดที่เจอหน้ากันก็ตอนที่หนูอายุ 10 ขวบนู่น หน้าเขาหนูก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจู่ ๆ พ่อจะให้หนูไปแต่งงานกับเขานี่นะ หึ ไม่เอาด้วยหรอก”
พลอยใสนั่งกอดอกทำหน้าบึ้งตึงใส่ผู้เป็นพ่อทันทีเมื่อพูดจบ เธอกลับมาครั้งนี้เพื่อใช้ชีวิตอิสระตามต้องการ ไม่ใช่ต้องมาแต่งงานกับคนที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมาตั้ง 14 ปี
“แกจะพูดยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เพราะนี่เป็นสัญญาที่พ่อทำไว้กับลุงอาร์เดนตั้งแต่แกยังไม่เกิด ยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับพายุ อีกอย่าง แต่งงานไปแล้วจะได้เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่เอาแต่เที่ยวตะลอน ๆ อยู่แบบนี้”
ก้องภพพูดจบเป็นจังหวะเดียวกับแขไขมาถึงบ้านพอดี พลอยใสไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่เดินกระทืบเท้าตึงตังด้วยความไม่พอใจออกไปขึ้นรถของเพื่อนที่จอดรอยู่
“นี่หน้าหรือตูดลิง ทำไมมันถึงได้บูดขนาดนี้ยะ” ระหว่าง
ที่กำลังขับรถอยู่แขไขก็ถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“หน้าฉันนี่แหละย่ะ พ่อนะพ่อ จู่ ๆ ก็จะมาบังคับให้ฉันแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้เห็นหน้ากันตั้ง 14 ปี”
“แต่งงาน!!”
พลอยใสได้แต่พยักหน้าตอบเพื่อนที่ดูท่าทางตกใจไม่ต่างกัน แล้วทั้งคู่ก็นั่งเงียบจนมาถึงโรงพยาบาล
/////////
“แล้วนี่แกจะมาตรวจอะไร” แขไขถามขึ้นอีกครั้งระหว่างที่กำลังนั่งรอคิวอยู่หน้าเคาน์เตอร์
“จะมาตรวจภายใน ก็เพราะไอ้อาการปวดท้องน้อยหน่วง ๆ นี่น่ะ มีโอกาสเป็นมะเร็งได้ อากู๋แนะนำให้มาตรวจภายใน” พลอยใสตอบคำถามของเพื่อน แต่ใบหน้าสวยก็ยังคงบึ้งตึงตั้งแต่ที่บ้านจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่คลายลงเลยแม้แต่น้อย
“เออ พลอย ตอนอยู่ในรถแกบอกว่า พ่อแกบังคับให้แต่งงานเหรอวะ” เมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้เพื่อนหน้าบึ้งไม่หาย แขไขก็ถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยความสงสัย
“ใช่น่ะสิ นี่แกคิดดูนะแข คนไม่เคยศึกษาดูใจ ไม่เคยคบกัน มันจะไปแต่งงานกันได้ยังไงวะ สัญญาบ้าบออะไรกันก็ไม่รู้ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องด้วยสักอย่าง อีกอย่างนะ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีตาเฮียพายุอะไรนั่นหน้าตาเป็นยังไง จะแต่งงานทั้งทีอย่างน้อยมันก็ต้องรู้หน่อยไม่ใช่เหรอวะว่ารูปร่าง หน้าตา แล้วก็ไอ้โจ้ยของคนที่แต่งด้วยเป็นยังไง”
พลอยใสตอบคำถามเพื่อนด้วยท่าทีฟึดฟัดไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่ แต่แขไขที่นั่งฟังอยู่กลับทำท่าครุ่นคิดงุนงงมากขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบ
“เดี๋ยวนะพลอย อย่างอื่นฉันพอเข้าใจ แต่ว่าไอ้โจ้ย มันคืออะไรวะ แล้วทำไมมันถึงสำคัญสำหรับการแต่งงานวะ”
“ไอ้โจ้ยเหรอ ก็นี่ไง”
แทนการพูดออกมาตรง ๆ แต่พลอยใสกลับชูนิ้วกลางขึ้นมาให้เพื่อน เพื่อจะบอกว่าไอ้โจ้ยคืออะไร
“ไอ้พลอย!! จะชูขึ้นมาทำไมวะเนี่ย” แขไขรีบดึงมือเพื่อนลงแทบไม่ทันเมื่อรู้ว่าไอ้โจ้ยที่เพื่อนว่า หมายถึงอวัยวะของผู้ชาย
“เอ้า! ก็แกอยากรู้ ฉันก็เลยบอกแกไง” พลอยใสตอบกลับเพื่อหน้าตาเฉย โดยที่ไม่สนใจคนรอบ ๆ ที่กำลังมองมาที่พวกเธอทั้งสองคน
“เออ ตอนนี้รู้แล้ว ว่าแต่ไอ้นั่นมันสำคัญยังไงวะ” แขไขยังคงถามพลอยใสต่อ
“เอ้าแก ถ้าสมมติว่าอีตาเฮียพายุนั่น มีไอ้โจ้ยสั้นนิดเดียว แถมอันน้อยนิดเหมือนของเด็กประถม จะไม่แย่เหรอวะ เรื่องอย่างว่ามันก็สำคัญกับชีวิตคู่นะเว้ย อย่างน้อย ๆ ก็เจอแบบที่มันบึกบึนหน่อยก็ยังดี” คำตอบของพลอยใสทำเอาเพื่อนซี้ต้องนั่งกุมขมับ ก็รู้อยู่ว่าเพื่อนตัวเองค่อนข้างโลดโผน แต่ก็ไม่คิดว่าเพื่อนจะพูดถึงเรื่องอย่างนั้นได้หน้าตาเฉย
ถัดมาไม่ไกลจากที่พลอยใสกับแขไขนั่งอยู่ นายแพทย์หนุ่มพายุ กำลังยืนมองและฟังบทสนทนาที่มีความดังระดับไม่ต้องแอบฟังของทั้งสองคน รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นบนใบหน้า พร้อมกับสายตาที่มองว่าที่ภรรยาของตัวเองอย่างมีเลศนัย
“ไอ้นพ เคสตรวจภายในของ พลอยใส จันทรพิพัฒน์ กูจะเป็นคนตรวจเองนะ” พายุหันไปพูดกับนพคุณเพื่อนสนิท ที่เป็นสูตินารีแพทย์ประจำโรงพยาบาล กำลังเตรียมเอกสารจะเข้าไปตรวจคนไข้ และคนต่อไปก็คือพลอยใส
“เดี๋ยวนะ มึงเป็นหมอรักษาหัวใจไม่ใช่เหรอวะ จะมาตรวจภายในได้ไง”
“กูเคยเรียนเฉพาะด้านสูตินารีแพทย์มาแล้วตอนที่อยู่อเมริกา มึงลืมไปแล้วเหรอ อีกอย่าง คนนี้ว่าที่เมียกู ฉะนั้น กูจะเป็นคนตรวจเอง”
ไม่ต้องรอให้เพื่อนตอบตกลง พายุดึงแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือนพคุณ แล้วก็เดินเข้าไปในห้องตรวจทันที
“คุณพลอยใส เชิญค่ะ” พยาบาลหน้าห้องตรวจเรียกชื่อของพลอยใส พร้อมกับเปิดประตูให้เธอเข้าไปข้างใน
เมื่อเข้ามาข้างใน พลอยใสก็เห็นนายแพทย์หนุ่ม สวมแว่นท่าทางเคร่งขรึม
“สวัสดีค่ะคุณหมอ” หญิงสาวเอ่ยทักทายคนตรงหน้า พร้อมกับพยายามมองหน้าของเขาให้ชัด ๆ เพราะเธอรู้สึกคุ้นหน้าเขาเหลือเกิน
“สวัสดีครับ คุณพลอยใสไปเปลี่ยนชุดแล้วก็มานอนบนเตียงได้เลยนะครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอพอดี พร้อมกับบอกให้ไปเตรียมตัว นัยน์ตาสีเทาที่ขนาดมองผ่านแว่นยังทำเอาเธอถึงกับใจสั่นสะท้าน เขาหล่อ หล่อเกินไปแล้ว
หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จ พลอยใสก็ขึ้นมานอนรอบนเตียง ครู่เดียวนายแพทย์หนุ่มก็เดินมาที่เตียง เขาสวมถุงมือก่อนที่จะออกคำสั่งอีกครั้ง
“วางขาบนขาหยั่งเลยครับ”
เธอทำตามที่คุณหมอสั่งอย่างว่าง่าย แต่ว่ามันก็อายมากอยู่เหมือนกันนะที่ต้องมานอนอ้าขาให้คนที่ไม่รู้จักดู ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นหมอก็เถอะ
“จากการตรวจบริเวณภายนอกด้วยสายตา ไม่มีรอยแดง รอยบวม นะครับ ปกติดี” เมื่อเขาเริ่มตรวจ ใบหน้าขาวของหญิงสาวก็เริ่มเปลี่ยนสีกลายเป็นสีแดงระเรื่อ ให้ตายเถอะนี่ถูกมองไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้
“หมอจะสอดเครื่องมือเข้าไปแล้วนะครับ”
จบคำพูด พลอยใสก็รู้สึกได้ถึงความเย็นของคีมปากเป็ดที่ถูกสอดเข้าไปข้างใน ด้วยความที่ไม่เคยโดนอะไรรุกล้ำมาก่อน ไอ้เครื่องมือนี้มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดอยู่พอสมควร
“ภายในช่องคลอดไม่มีปัญหาอะไรนะครับ” พูดเสร็จเขาก็ดึงคีมปากเป็ดออก พร้อม ๆ กับเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของพลอยใส
“ต่อไปจะเป็นการตรวจร่างกายนะครับ หมอจะสอดนิ้วมือเข้าไปเพื่อตรวจดูภายในช่องคลอดนะครับ”
“ห๊า ! นิ้วมือเหรอคะ” พลอยใสถามย้ำด้วยความตกใจ นี่จู่ ๆ เธอจะต้องโดนคุณหมอใส่นิ้วมือเข้ามาข้างในตัวเธอเหรอเนี่ย
“ใช่ครับ ไม่ทราบว่าคุณพลอยใสมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
“มะ ไม่มีค่ะ”
จบคำพูด พลอยใสก็ได้ยินเหมือนเสียงนายแพทย์หนุ่มดึงถุงมือให้กระชับ แล้วเธอก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กำลังคลืบคลานเข้ามาข้างในร่างกายของเธอ แต่มันไม่เหมือนกับไอ้คีมปากเป็ดเมื่อกี้
ความรู้สึกวูบไหวมันแล่นพล่านไปทั่วตัว เมื่อคุณหมอเริ่มหมุนควงนิ้วอยู่ข้างใน บางครั้งก็รู้สึกเหมือนสะกิดโดนอะไรสักอย่างจนเธอต้องจิกเล็บลงบนเตียง
“เสร็จแล้วครับ คุณพลอยใสสบายใจได้นะครับ ทุกอย่างปกติ ข้างในก็กระชับ ตอดรัดดีครับ”
พลอยใสถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อการตรวจเสร็จสิ้นลงสักที แต่คำพูดของคุณหมอกลับทำเอาเธอหน้าแดงมากขึ้นไปอีก
หลังจากตรวจเรียบร้อย พลอยใสก็เดินฉีกยิ้มกว้างออกมาหาแขไขที่นั่งรออยู่
“ยิ้มขนาดนี้ แสดงว่าไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหมยะ”
“ใช่แล้ว”
“แล้วนี่แกจะไปไหนต่อ กลับบ้านเลยไหม ฉันจะได้ไปส่ง”
“จะรีบกลับไปไหน ออกมาทั้งทีก็ต้องไปสนุกกันสักหน่อยสิยะ” พลอยใสพูดเสร็จก็เดินนำหน้าแขไขไปยังที่จอดรถทันที ตอนนี้ไม่ปวดท้องแล้ว ออกไปหาอะไรทานแล้วก็ไปเที่ยวต่อตอนกลางคืนก็ไม่เลว
/////////////////
เฮียพายุนี่ก็เนียนเลยค่าาา