“เฮลโล!! ไทยแลนด์!! ฉันกลับมาแล้ววว” ความจริงฉันก็อยากตะโกนดัง ๆ ออกไปแบบนี้ทันทีที่เท้าแตะพื้นสนามบินสุวรรณภูมิ แต่เมื่อใช้สายตากวาดมองไปรอบ ๆ แล้วก็คิดว่าตะโกนในใจคงจะดีกว่า ก็คนเยอะยิ่งกว่าตลาดนัดจตุจักรขนาดนี้ คงต้องมีคนหันมามองฉันเพียบแน่ ๆ
ความจริงแล้วฉันชอบประเทศไทย ฉันรักประเทศไทย รักมาก และไม่เคยคิดที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเลยสักครั้ง ถ้าไม่ติดว่าคุณพ่อของฉัน ส่งฉันไปดัดสันดาน เอ้ย! ส่งไปหาประสบการณ์ชีวิตที่ประเทศฝรั่งเศสถึงสี่ปี ให้ตายชีวิตนี้ฉันก็ไม่มีทางไปอยู่ที่อื่นเด็ดขาด และการกลับมาครั้งนี้ฉันจะใช้ชีวิตให้สนุกสุดเหวี่ยง เอาให้คุ้มกับที่ต้องเหี่ยวเฉามาตลอดสี่ปีเลยคอยดู
..แต่ก่อนอื่น ฉันต้องปลีกตัวจากคนพวกนี้ให้ได้ก่อน..
“ยินดีต้อนรับกลับประเทศไทยครับคุณพลอยใส!”
คำกล่าวต้อนรับเสียงดังฟังชัด สมกับเป็นลูกน้องของพ่อฉันจริง ๆ และนี่ก็คือกลุ่มคนที่ฉันต้องหาทางหนีให้ได้ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีทางได้ใช้ชีวิตเป็นอิสระแน่ ๆ
“พวกนายเอากระเป๋าของฉันกลับบ้านไปก่อนเลย แล้วก็เอากุญแจรถมานี่ ฉันจะไปบ้านเพื่อนก่อน” ฉันออกคำสั่งพร้อมกับยื่นมือไปขอกุญแจรถจากลูกน้อง ให้ทายว่าพวกนี้จะฟังที่ฉันสั่งหรือเปล่า ไม่มีทาง!
“ไม่ได้ครับ คุณท่านบอกว่าให้พาตัวคุณพลอยใสกลับบ้านไปด้วยกัน ห้ามให้ไปเถลไถลที่ไหนครับ” นั่นไง คิดแล้วไม่มีผิด ไอ้พวกนี้มันเข้าใจแต่คำสั่งของพ่อฉันเท่านั้นแหละ
“โอ้ย!! กี่ปี ๆ พวกนายมันก็ทำตัวน่าเบื่อเหมือนเดิม น่ารำคาญชะมัด” ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ฉันก็ทำได้แค่เดินกระทืบเท้าปึงปังตามลูกน้องอีกคนไปยังรถที่จอดรอรับอยู่ ให้มันได้อย่างนี้สิ หมดกันความคิดจะไปลัลล้า..
ฉันนั่งอยู่ในรถคันโตราคาเกือบยี่สิบล้าน สายตาได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ สี่ปีที่ฉันไม่อยู่ ประเทศไทยก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกันนะ แต่ที่ไม่เปลี่ยนไปเลยก็คงจะมีแต่พ่อฉันกับพวกลูกน้องซื่อบื้อพวกนี้แหละ
///////////
“ยกกระเป๋าฉันลงมาดี ๆ นะ ถ้าเกิดพังขึ้นมาฉันจะหักเงินเดือนพวกนายให้หมดเลยคอยดู”
“คุณท่านเป็นคนจ่ายเงินเดือนครับ ไม่ใช่คุณพลอยใส”
เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ มีลูกน้อง ลูกน้องก็ไม่เคยเชื่อฟังคำสั่ง อุตส่าห์เกิดมาเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูล จันทรพิพัฒน์ ตระกูลไฮโซเก่าแก่ชื่อดังทั้งที แต่ชีวิตนี้ไม่เคยได้ดั่งใจสักอย่าง ชีวิตพลอยใสทำไมมันอาภัพอย่างนี้วะเนี่ย
“นั่นมันชุดอะไร ทำไมสั้นขนาดนั้น”
เสียงทุ้มที่ฟังทีไรแล้วขนลุกทุกที ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของพ่อฉันเอง คนที่ส่งลูกสาวตัวเองไปลำบากตรากตรำอยู่ต่างประเทศคนเดียวได้ลงคอ ถึงแม้จะส่งเงินให้ใช้ไม่ขาดมือก็เถอะ
“ก็เมืองไทยมันร้อนนี่คะ แล้วอีกอย่างชุดนี้ก็ไม่เห็นจะสั้นตรงไหน” ฉันก้มมองกางเกงยีนส์ขาสั้นที่ยาวจากเอวลงมาประมาณคืบกว่า ๆ กับเสื้อครอปสายเดี่ยว ซึ่งมันก็ดูปกติดี นี่ฉันอุตส่าห์ใส่เสื้อแขนยาวคลุมข้างนอกแล้วนะ ถึงมันจะบางไปหน่อยก็แค่นั้น
“แกนี่นะ ฉันอุตส่าห์ส่งไปเรียนเมืองนอก นึกว่ากลับมาจะเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด”
“หนูไม่ได้เป็นคนอยากจะไปสักหน่อย พ่ออยากจะส่งหนูไปเอง ช่วยไม่ได้” ฉันพูดพร้อมกับยักไหล่ให้พ่อ แล้วก็เดินขึ้นมาชั้นบนของตัวบ้าน ไม่ใช่อยากจะพักผ่อนนะ แต่ฉันจะรีบอาบน้ำแล้วออกไปหาเพื่อนสนิทต่างหากล่ะ
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยด้วยเสื้อผ้าที่เหมาะกับบรรยากาศเมืองไทยสุด ๆ ฉันก็ค่อย ๆ ย่องลงมาจากชั้นบน เพื่อที่จะไม่ให้ไอ้ลูกน้องพวกนั้นเห็นฉัน ส่วนกุญแจรถสปอร์ตคู่ใจ ฉันได้แอบทำสำรองไว้เป็นสิบอัน ต่อให้พ่อจะยึดไปกี่รอบฉันก็ยังมีกุญแจรถเสมอ
“คุณพลอยใส!! หยุดครับ หยุดเดี๋ยวนี้นะครับ” เสียงโวยวายของลูกน้องดังมาแต่ไกล พอวิ่งมาถึงก็รีบทุบรถให้ฉันลงไป แต่อย่างพลอยใสจะฟังเหรอ ไม่มีทาง ฝันไปเถอะ
...พลอยใส แปลว่าอิสระ..ย่ะ
“มีความสุขจริงโว้ย!!” ฉันตะโกนแข่งกับเสียงเพลงแนว EDM ที่เปิดดังกระหึ่มผ่านเครื่องเสียงราคาแพงที่โมดิฟายมาอย่างดี พร้อมกับโยกตัวไปตามจังหวะ เท้าก็เหยียบคันเร่งจนแทบจะมิดไมล์ เพื่อจะไปหาเพื่อนซี้สุดเลิฟ กลับมาทั้งทีมันต้องฉลองกันหน่อยสิ
////////////
ระหว่างที่ขับรถ มือข้างหนึ่งก็กดเบอร์โทรหายัยแขไข เพื่อนสนิทที่ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันตลอดตั้งแต่มัธยมต้น
/ฮัลโหล๊!! ว่ายังไงคะคุณหนูพลอยใส ใกล้จะถึงบ้านฉันหรือยังล่ะค่ะ/ เอาจริง เสียงทักทายของเพื่อนฉันมันก็น่าหมั่นไส้ไม่น้อยเลยนะ
/ใกล้จะถึงแล้ว แกบอกให้คนเปิดประตูรั้วรอเลย แล้วก็นับถอยหลังอีก 2 นาทีเจอกัน/
/ได้เลยเพื่อนเลิฟ/
หลังจากวางสาย 2 นาทีพอดิบพอดีฉันก็เลี้ยวรถเข้าจอดในบ้านหลังใหญ่พอ ๆ กับบ้านฉัน บ้านหลังนี้แขไขอยู่คนเดียว ส่วนพ่อกับแม่อยู่อีกหลังหนึ่ง เห็นไหม ใคร ๆ เขาก็แยกบ้านกันแล้วทั้งนั้น มีแต่ฉันเท่านั้นแหละที่พ่อกับแม่ไม่ยอมให้แยกบ้านสักที แถมยังบอกอีกว่า ต้องแต่งงานเท่านั้นฉันถึงจะมีสิทธิ์ย้ายออกจากบ้านได้ ส่วนเหตุผลนะเหรอ พ่อกับแม่บอกว่ากลัวฉันจะอดตายเพราะทำมาหากินไม่เป็น เฮ้อ!
“เวลคัมแบ็ค! ค่าคุณเพื่อนสุดที่รัก เก่งนี่ที่หนีคุณพ่อจอมโหดออกมาหาฉันได้”
เสียงต้อนรับดังลงมาจากทางชั้นสอง พร้อมกับร่างเพรียวบางฉบับนางแบบเบอร์หนึ่งของเมืองไทยกำลังก้าวลงมาทางบันได
“แกก็รู้ว่าไม่มีใครจะขังฉันได้นานเกิน 5 นาที” ฉันตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มภาคภูมิใจในความฉลาด ที่ฉันสามารถหนีพ่อออกมาได้
“ขังได้ไม่เกิน 5 นาที แต่ดันถูกส่งไปฝรั่งเศสตั้งสี่ปี”
“นี่ยัยแข แกเลิกพูดเรื่องฝรั่งเศสได้ไหม แกไม่รู้หรอกว่ามันโคตรน่าเบื่อ” พูดเสร็จฉันก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาโดยที่ไม่ต้องรอคำเชิญจากเจ้าของบ้าน
“แล้วนี่วางแผนจะไปไหนยะ แต่งตัวมาซะขนาดนี้”
แขไขพูดพลางไล่สายตามองดูชุดเดรสสายเดี่ยวแสนสั้นสีแดงเพลิงที่ฉันใส่อยู่
“ออกมาทั้งที มันก็ต้องสุดเหวี่ยงหรือเปล่า ออกไปเช็คความฮอตที่ไม่ได้ใช้มาตั้งสี่ปีสักหน่อยจะเป็นไร” พูดพลางฉันก็สะบัดเส้นผมยาวสลวยไปมา หน้าตาก็สวยขนาดนี้แท้ ๆ แต่ฉันก็ดันโสดมาจนถึงตอนนี้
“เป็นความคิดที่ดี งั้นแกรอฉันแป๊บหนึ่ง ขอไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเริ่ด ๆ ก่อน แล้วออกไปจับผู้ชายกัน” แขไขรีบวิ่งกลับขึ้นไปข้างบนทันทีที่พูดจบ
..จับผู้ชายงั้นเหรอ.. ก็ดีเหมือนกันนะ เผื่อมีใครถูกใจจะได้ลองอะไรใหม่ ๆ ดูบ้าง ความสาวเนี่ยเก็บนานเกินไปเดี๋ยวจะเหี่ยวทิ้งไปเปล่า ๆ
///////////////////