“แล้วก๊อปล่ะเพลง เขาช่วยได้เท่าไหร่ พี่ว่าสำหรับก๊อปไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ เขาติดต่อมาหรือยังเพลง” โสภาถามด้วยน้ำเสียงที่มีความหวัง
“เพลงติดต่อก๊อปไม่ได้ค่ะพี่โสภา ส่งอีเมล์ไปก็ไม่เห็นตอบกลับมา โทรไปห้องก็ไม่มีคนรับสาย เพลงโทรไปตั้งหลายครั้งแล้วนะคะ ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าค่ะ แล้วพี่โสภาได้ข่าวเขาจากคนอื่นๆ หรือเปล่าคะ”
เธอบอกตามความจริง และถามโสภาขึ้น เพราะรู้ดีว่าโสภาติดต่อกับเพื่อนๆ ที่ยังเรียนไม่จบอยู่เหมือนกัน
“จริงเหรอเพลง พี่ก็ไม่ค่อยได้ข่าวหรอกนะ พอดีรีบคุยเรื่องของเพลงน่ะ ก็เลยไม่ทันได้คิดอะไร เพลงจะให้พี่โทรไปถามเพื่อนมั้ย”
โสภาเสนอ แต่ก็พอจะเดาว่าอะไรเป็นอะไรได้ไม่ยากเลย สำหรับคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย ย่อมรู้ดีว่าสาเหตุที่คนรักของเพื่อนหายหน้าไป ก็คงจะไม่ใช่อะไรหรอกนอกจาก ความเห็นแก่ตัวเห็นแก่เงินของมนุษย์บางกลุ่ม มันทำให้โสภารู้สึกโล่งใจที่ธนากรออกลายมาให้เพื่อนรักเห็นในเวลานี้
เพราะมันก็จะทำให้ระพีพรรณได้เห็นในสิ่งที่โสภาเห็นไปด้วย แต่โสภาก็ไม่แน่ใจนักว่าเธอจะคิดเหมือนกับที่ตัวเองคิดหรือไม่ เพราะด้วยความที่มีมุมมองคนที่ไม่เหมือนกันนั่นเอง โลกของโสภานั้นเต็มไปด้วยความเป็นจริง ความดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด มุมมองในการมองอะไรนั้นจะมีทั้งสองมุมนั่นคือทั้งบวกและลบ
ส่วนโลกของระพีพรรณนั้นจะอยู่ในโลกแห่งความสุขสบาย ความเพียบพร้อม จึงทำให้ระพีพีพรรณมีมุมมองที่ค่อนข้างจะเป็นบวกมากกว่าลบ การมองโลกและคนรอบข้างของเธอจะมองแต่ในแง่ดี หรือจะมีในทางร้ายบ้าง แต่ระพีพรรณก็จะหาเหตุผลต่างๆ นานา มาหักล้างออกให้มันเป็นบวกมาให้ได้ ดังเช่นที่เธอมองธนากรในเวลานี้นั่นเอง
โสภารู้ดีว่าธนากรแค่คบกับระพีพรรณด้วยฐานะทางด้านการเงิน ฐานะทางสังคม ที่เท่าเทียมกับเขาและครอบครัวทางบ้านเท่านั้นเอง และเมื่อเขาได้รับรู้ว่าผู้หญิงที่เขาหมายปองนั้น กำลังมีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือเป็นที่สุด เขาจึงตีตัวออกห่างเสียตั้งแต่ต้น
“อย่าเลยค่ะพี่โสภา เพลงไม่อยากเอาปัญหาส่วนตัวไปสร้างความกังวลให้คนอื่น ถ้ามันไม่มีหนทางอื่นเพลงก็คงจะต้องเลือกทางออกอีกทางที่เขาให้เพลงมาค่ะ” เธอตอบไปตามความคิดที่มีในใจ
“คุณเพลงครับ คุณเพลงแน่ใจแล้วเหรอครับ ลุงไม่อยากให้คุณเพลงทำแบบนี้เลย” โป่งบอกด้วยความห่วงใย
“คงไม่มีอะไรหรอกค่ะลุงโป่ง สัญญาตามที่เขาร่างให้เอามาอ่านก็ดูรัดกุมนี่คะ คงจะไม่มีอะไรมั้งคะ แต่ถึงจะมีเพลงก็ไม่มีทางเลือกแล้วนะคะ”
“เพลง! งานที่เขาให้ทำมันดูจะไม่มีอะไรก็จริงนะ แต่มันทำเกือบทุกอย่างเลย แล้วไหนจะทำตามที่เขาสั่งอีก แล้วถ้าเกิดนายนั่นสั่งให้เพลงไปปีนเขาลงห้วย เรามิต้องทำไปด้วยเหรอ” โสภาไม่วายที่จะห่วง เพราะเคยได้อ่านร่างสัญญาแล้ว
“แต่สัญญาก็บอกว่างานที่เขาจะให้ทำ จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และชีวิตนี่คะ แต่ไม่ว่ายังไงเพลงก็จะทำค่ะ เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่เพลงจะได้ทุกอย่างกลับมา” เธอยืนยันคำเดิม
“แต่ถ้าคุณท่านรู้ คุณท่านจะต้องไม่ยอมแน่ๆ เลยครับคุณเพลง” โป่งกังวล
“ลุงโป่งต้องปิดคุณพ่อนะคะ แค่บอกว่าเพลงไปทำงานใช้หนี้ก็พอ แต่ไม่ต้องบอกว่าไปทำให้ใคร แล้วเพลงจะกลับมาเยี่ยมบ้านทุกอาทิตย์ เพลงคงจะต้องฝากคุณพ่อไว้กับลุงโป่งอีกครั้งนะคะ ถ้าเราได้ทุกอย่างคืนแล้ว เพลงจะไม่ให้ลุงโป่งทำอะไรอีกเลย” เธอไม่ลืมที่จะกำชับ
“คุณเพลงไม่ต้องห่วงครับ ลุงจะดูแลคุณท่านอย่างดี คุณเพลงทำงานให้สบายใจเถอะนะครับ ระวังๆ ตัวด้วยก็แล้วกันนะลุงเป็นห่วง” โป่งให้ความมั่นใจ
“พี่ก็จะมาช่วยดูคุณลุงให้อีกแรงนะเพลงไม่ต้องห่วง แล้วพรุ่งนี้พี่จะไปด้วยนะ จะได้ไปเป็นพยานให้ตามที่นายคนนั้นสั่งไว้ งั้นพรุ่งนี้พี่กับภคินจะมารับสิบโมงนะ เขาให้เราไปบ่ายโมงตรงไม่ใช่เหรอ เผื่อเวลาไว้เยอะๆ แล้วกัน เกิดนายคนนั้นเล่นแง่กับเราอีก” โสภาย้ำกับเธอ
“ค่ะพี่โสภา ขอบคุณมากๆ ค่ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ เพลงจะไปส่งหน้าบ้านค่ะ” เธอบอก
“ไม่ต้องหรอกจ๊ะเพลง พักผ่อนเถอะ แล้วเจอกัน” สิ้นเสียงไม่นานสักเท่าไหร่ร่างโสภาก็หายไปจากห้องนั่งเล่นเอาดื้อๆ ด้วยความเคยชินกับบ้านเธอเป็นอย่างดี ถึงแม้จะมาเพียงไม่กี่ครั้งก็ตาม
“คุณเพลงครับ เอ่อ! ลุงได้ยินมาว่านายดำนี่ ไม่เบานะครับ รอบตัวทีเดียว ไม่อย่างนั้นเขาจะสร้างตัวจนร่ำรวยได้เร็วเหรอครับ” โป่งบอกอีกครั้งเมื่อโสภากลับออกไปจากบ้านแล้ว
“ยังไงเพลงก็จะอดทนค่ะ เขาเป็นไฟมา เพลงก็จะเป็นน้ำกลับ ก็เราไม่มีทางเลือกนี่คะ และอีกอย่าง ถ้าคิดๆ ไปถึงเรื่องที่คุณพ่อกับพี่พีทำกับครอบครัวของเขาไว้ มันก็ไม่น้อยนะคะลุงโป่ง เพลงคิดว่าเพลงพอจะเข้าใจความรู้สึกของเขาค่ะ” เธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“คุณเพลงเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ คงจะพอเอาชนะนายดำได้กระมังครับ งั้นลุงขอตัวก่อนนะ วันนี้ปวดหลังจังเลย สงสัยเพราะไปถางหญ้าหลังบ้านแน่ๆ เลย คุณเพลงก็พักผ่อนนะครับ”
“ค่ะลุงโป่ง เพลงก็จะไปดูคุณพ่อก่อน” แล้วทั้งสองก็แยกย้ายกัน
“เพลงเหรอลูก” เสียงกำพลเอ่ยถาม เมื่อรู้สึกว่ามีมือมาสัมผัสกับใบหน้าเขา ทั้งๆ ที่ดวงตายังคงปิดสนิทอยู่
“ค่ะคุณพ่อ วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ ได้ย้ายมาอยู่ข้างล่างแล้ว ต่อไปต้องให้ลุงโป่งพาไปนั่งรถดูอะไรๆ ข้างนอกบ้างนะคะ อยู่แต่ในห้องมันอุดอู้ค่ะ” เธอบอกเมื่อทำการย้ายที่หลับนอนของเขาลงมาที่ห้องข้างล่าง เมื่อวันก่อน
“จะไปไหนมาไหนมันก็ลำบากเจ้าโป่งมัน ไหนจะไปไหว้วานเพื่อนบ้านอีกล่ะ ไม่เอาหรอก พ่อขออยู่อย่างนี้ก็แล้วกันนะเพลง ถ้ามันจะตายก็ให้มันตายอยู่ในนี้ก็แล้วกัน”
กำพลไม่วายที่จะตัดพ้อ เพราะการที่เขาจะเคลื่อนย้ายตัวเอง ที่เป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงเอวลงไปนั้น เป็นเรื่องที่ลำบากไม่น้อยเวลาจะโยกย้ายตัวเองไปไหนแต่ละที เพราะต้องใช้คนที่แข็งแรงไม่น้อยกว่าสองคน ช่วยกันยกตัวเขา ให้ไปนั่งที่รถเข็น
“ไม่ลำบากหรอกค่ะคุณพ่อ เพลงบอกลุงโป่งไว้แล้ว เพื่อนบ้านเราก็เต็มใจมาช่วยนะคะ คุณพ่ออย่าพูดแบบนี้อีกนะ มันทำให้เพลงฟังแล้วหมดกำลังใจค่ะ” เธอบอกพ่อด้วยใบหน้าที่ยิ้มจางๆ