ตอนที่ 6

1496 Words
6 “เชิญ” เอ่ยอนุญาตเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู โดยที่ยังก้มหน้ามองดูเอกสารในมืออย่างขะมักเขม้น คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน มือแกร่งยื่นไปคว้าปากกามากดและทำเครื่องหมายในเอกสารที่เขาเห็นรายละเอียดปลีกย่อยไม่ชัดเจน พร้อมเขียนซ้ำด้วยว่าต้องการให้เป็นยังไง “ช่วยล็อกห้องให้ด้วย” เอ่ยสั่งโดยไม่หันไปมองคนที่เข้ามา ด้วยเขาต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่อยากให้มีใครเข้ามาขัดจังหวะระหว่างการคุยงาน “ขอโทษนะคะ ฉันทำให้คุณต้องรอ” หญิงสาวเอ่ยปากขอโทษตามมารยาททั้งที่เธอก็ไม่ได้มาสายเพียงแค่จวนเจียนไปเล็กน้อยเท่านั้นเอง “ไม่เป็นไร ยังไม่ถึงเวลานัด” ชายหนุ่มตอบกลับโดยไม่ยอมเงยหน้าจากเอกสาร มือจดรายละเอียดเพิ่มลงไปในสัญญาอีกเล็กน้อย เพื่อให้อีกฝ่ายได้นำกลับไปอ่านและแก้ไขให้เป็นไปตามความต้องการของเขา ‘เสียงนี้!! คุ้นหูจัง’ คิ้วโก่งได้รูปขมวดมุ่นเข้าหากัน รีบลดแฟ้มเอกสารในมือที่ทำให้เธอมองคนพูดไม่ชัดเจนลง ผมสีดำสนิทราวกับนิลหวีจนเรียบแทบไม่มีเส้นใดปลายกระดิกออกมาให้เห็น ลำคอแกร่งและแผ่นหลังกว้าง...คุ้นตามาก คิ้วโก่งได้รูปขมวดมุ่นเข้าหากัน ฟันซี่เล็กขาวสะอาดขบกัดกลีบปากอิ่ม คุ้นอย่างกับเธอเพิ่งเคยเจอคนลักษณะอย่างนี้เมื่อไม่นานนี่เอง นัยน์ตากลมใสแจ๋วไล่มองทั่วร่างใหญ่อย่างไม่รักษามารยาทเอาเสียเลย ด้วยสมองไพล่คิดถึงคนบางคนที่ด่าว่าเธอเสียๆ หายๆ เมื่อวันก่อน แล้วเดินจากไปอย่างไม่ยอมเคลียร์เรื่องราวให้มันจบ เฝ้าภาวนาขออย่าให้คนตรงหน้าใช่คนที่เธอคิดอยู่เลย เพราะไม่อยากมีปัญหาต่อปากต่อคำกับลูกค้า อันจะกลายเป็นประวัติด่างพร้อยที่เธอไม่อยากให้มี “อ้าว...จะยืนค้ำหัว มองอย่างกับไม่เคยเห็นคนอยู่อีกนานไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยหงุดหงิด งานนี้เขาไม่ได้อยากรับมาทำแต่มันมีเหตุให้ต้องลงมาจัดการเอง สายน้ำผึ้งถึงกับอ้าปากค้างอย่างกับคนถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ เมื่อเห็นคู่กรณีชัดเจนเต็มสองตา “คุณ!! คุณมาทำอะไรที่นี่!!” หญิงสาวถามเสียงเข้มออกเค้าดุแข็งอย่างลืมตัว เพลิงอารมณ์เริ่มคุกรุ่นพร้อมควันไฟที่พวยพุ่งขึ้นมาราวกับมีใครเอาถ่านไฟร้อนๆ ไปโยนใส่ฟางแห้งเมื่อเจอคู่ปรับที่ทำให้เธอแพ้ยับเยินมาแล้วครั้งหนึ่ง “เผอิญได้ยินข่าวมา...” ชายหนุ่มกวาดสายตามองไล่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า วันนี้ของเธอไม่ต่างจากวันนั้นเลยสักนิด เสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลอ่อนสวมทับเสื้อเชิ้ตคอปกสีมะปรางอ่อน ปลดกระดุมสองเม็ดบนให้เห็นร่องอกอวบอิ่มรำไร ตัวกระโปรงรัดรูปยาวลงมาปิดแก้มก้นเล็กน้อย ตัวชายกระโปรงจับกลีบสั้นๆ รายรอบ อวดลำขาเสลายาวเรียวยามก้าวเดิน เรียกทุกสายตาให้ต้องเหลียวมองจนต้องเหลียวหลังได้ชะงัด “มีผู้หญิงบางคนอารมณ์เปลี่ยวเหงา หนังหน้าอย่างหนา ยางอายไม่มี สนุกกับการที่ได้เห็นคนอื่นเป็นทุกข์จากการถูกแย่งของรักของหวง ชอบลดแลกแจกให้คนอื่นกินฟรี” ชายหนุ่มเอ่ยย้ำในบางคำ รอยยิ้มแต้มบนมุมปากหยักของดวงหน้าเข้มดุ ไม่สนใจเพลิงโทสะจากสาวร่างโปร่งเพรียวที่แผ่กระจายมา “ก็เลยสงสัย ผู้หญิงคนนั้นจะสวยเลิศเลอสักแค่ไหน ถึงทำให้ผู้ชายแก่ๆ บางคนทุรนทุรายร้อนใจด้วยความอยาก...กินของคาวๆ แต่เห็นหน้าแล้ว...” ตอนได้ฟังคนเป็นป้าร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายพาลูกพี่ลูกน้องสาวอย่างเนตรนพิศมาปรับทุกข์เรื่องสามีไปติดพันผู้หญิงคนใหม่ จนถึงขั้นเอ่ยปากยกเลิกการไปทัวร์ต่างประเทศ เขาชักอยากเห็นแม่ผู้หญิงหน้าด้านคนนั้น จะสวยเลิศแจ่มเลิศราวกับนางฟ้านางสวรรค์มาจากไหน ถึงได้ทำให้ผู้ชายวัยคราวพ่อร้อนรุ่มทุรนทุรายจนแทบเป็นบ้า แต่ได้เห็นแล้ว ศีรษะทุยสะบัดแรงๆ ปากหนาเบะออก... “ผิดหวังเป็นอย่างแรง!!” แค่ได้เจอคนตรงหน้าอย่างไม่คาดฝัน สายน้ำผึ้งก็หน้าหงิกงอบูดบึ้งแล้ว ได้เจอกับคำพูดและสายตาหยามเหยียดเย้ยหยันยัดเยียดในสิ่งไม่ได้เป็นอีก เรื่องเก่ายังไม่ได้เคลียร์ ก็มีเรื่องใหม่มาอีก เพลิงโทสะในกายถึงพุ่งปรี๊ดราวกับน้ำในกาที่ถูกต้มจนเดือดพล่าน ไอสีขาวพวยพุ่งออกทางใบหูซึ่งแดงเถือกราวกับถูกหยิกขยี้อย่างรุนแรง ปัง!! หญิงสาวทิ้งแฟ้มเอกสารในมืออย่างไม่ยี่หระว่าข้าวของภายในจะร่วงปลิวหล่นออกมา ทาบสองฝ่ามือเท้าบนโต๊ะตัวยาว “หุบปากเน่าๆ ของคุณได้แล้วไอ้...” อุ้ย!! นัยน์ตากลมโตเบิกกว้าง ยกมือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน เมื่อรู้ว่าทำอะไรลงไป สายน้ำผึ้งรีบข่มเพลิงโทสะในกายด้วยการท่องคำว่าอดทนเอาไว้ งาน...งาน แต่ก็ยากเหลือเกิน เมื่อในใจร้อนรุ่มราวกับถูกไฟเผาอยู่อย่างนี้ แต่...เจอคนเกลียดมาก็เยอะแยะแล้ว มีเพิ่มอีกคนก็ไม่เห็นทำให้โลกที่ยืนอยู่เปลี่ยนแปลงไปเลยนี่น่า อีกอย่างเธอก็มีวิธีการรับมือพวกปากไม่มีหูรูดเหล่านี้นี่น่า ไหล่กว้างเลิกขึ้น กลีบปากอิ่มสีชมพูระเรื่อคลี่ยิ้ม นัยน์ตาใสแจ๋ววาววับ “เฮ้อ! คุณนี่นะ” หญิงสาวทรุดตัวลงนั่ง แผ่นหลังและลำคอตรงดิ่ง มือเรียวยาวยื่นไปด้านหน้าเล็กน้อย ตวัดลำขาเสลาพาดบนขาอีกข้างอวดต้นขากลมกลึงนวลเนียนน่าจับต้องอย่างไม่สนใจสายตาเข้มดุที่มองมาอย่างกล่าวหา “หน้าตาก็ดีอยู่ แต่ทำไมถึงได้ถูกจูงจมูกได้ง่ายแบบนี้ละคะ มากล่าวหาคนอื่นลอยไม่มีหลักฐานอย่างนี้ได้ยังไงกัน แต่อืม...ฉันจะไปหวังอะไรจากผู้ชายปากเหม็นอย่างกับกินพวกเพ็ดดีกรีเป็นอาหารล่ะจริงไหม” แม้รู้ว่าถูกแขวะกัด ทว่าคนถูกประชดประชันยังตีหน้าเฉยชาไม่สะทกสะท้าน “เขาบอกว่าไม่มีมูลหมามันก็ไม่เห่าไม่ใช่หรือไง แล้วเธอเองก็ทำให้ใครหลายๆ คิดอย่างนั้น หรือจะเถียงว่าไม่จริง” เบื่อเหมือนกันที่ถูกตัดสินใจจากภายนอก เพียงแค่ได้เห็นเสื้อผ้าที่ใส่ ทำไมถึงไม่คิดมองให้ลึกถึงจิตใจกันบ้าง สายน้ำผึ้งเกือบเอ่ยปากปฏิเสธไปแล้วว่าไม่จริง ทว่ารู้ตัวก่อนว่ากำลังทำอะไรอยู่เลยหยุดปากได้ทัน นิ้วยาวเคาะโต๊ะเบาๆ เธอจะไปแก้ตัวให้ไอ้ผู้ชายปากเสียนี่ฟังทำไมกัน พูดไปก็ไม่เชื่อ อีกอย่างก็ไม่เห็นเกี่ยวกันสักหน่อย เธออยากทำอะไรก็เรื่องของเธอ ไม่เห็นจะหนักหัวใครนี่น่า “แล้วยังไงละคะ...ฉันเป็นยังไงมันก็เรื่องส่วนตัวของฉันใช่ไหมล่ะ ก็เหมือนกับที่คุณคิดยังไงมันก็เป็นสิทธิ์ของคุณ ฉันไปกำหนดให้คุณคิดดีๆ ไม่ได้ด้วยซิ” ช่างซิ เขาจะคิดยังไง สนใจไปก็หนักหัวเธอเปล่า อีกอย่างไม่ได้แบมือขอเงินเขามาซื้อข้าวกินสักหน่อย แต่...เจอคนอื่นไม่ชอบหน้า เธอก็เฉยๆ ไม่อยากสนใจนะ แต่กับผู้ชายตรงหน้า ยิ่งแสดงท่าทีหยามเหยียดเกลียดชังมากเท่าไหร่ ต่อมความอยากกลั่นแกล้งและเอาชนะก็กำเริบและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนระงับเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อกี้เขาว่าเธอให้ยั่วยวนให้ท่าผู้ชายแก่ๆ จนร้อนรุ่มทุรนทุรายด้วยความอยากได้ใช่ไหม แล้วถ้ากลับกันล่ะ “ความจริงฉันก็เริ่มเบื่อผู้ชายแก่ๆ ไม่ค่อยมีกำลังวังชาแล้วนะคะ กินของเก่าที่ลีลาก็...” ไหล่กว้างเลิกขึ้นเล็กน้อย พร้อมวงหน้าเบะออกอย่างหยามหยัน “ไม่เห็นจะเด็ดดวงถึงพริกถึงขิงอะไรเลย เหมือนได้กินน้ำเปล่า ฉันไม่เห็นจะสำเริงสำราญแตะวิมานฉิมพลีเลยสักกระติ๊ด” เอ่ยพูดวกวนไปมาพาให้เวียนศีรษะเล่น “แต่ถ้าเป็นคุณ...อืม” ศีรษะทุยเอียงเล็กน้อย ปากอิ่มขยับขยุกขยิกโย้ไปเย้มาซ้ายขวา ก่อนร่างอรชรอ้อนแอ้นผุดลุกจากเก้าอี้ที่นั่งเดินเยื้องย่างด้วยมาดนางพญา โบกสะบัดสะโพกโยกย้ายซ้ายขวาอย่างก่อกวนอารมณ์ลึกๆ ภายในที่เธอค่อนข้างมั่นใจ ผู้ชายมันก็อีหรอบเดียวกันทุกคนนั่นแหละ ปากแข็งไม่เอาไว้ก่อน แต่ภายในนะ แม่ง...ถึงจะไม่มีอะไรดีสักอย่าง แต่โคตรหลงตัวเองเลย แล้วยังเฮงซวยและชอบเอารัดเอาเปรียบผู้หญิงตลอดด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD