5
“เดี๋ยวเอม อย่าพึ่งไป”
“คะ” เฌอเอมหยุดชะงัก ยกเท้าที่ยื่นก้าวลงไปเหยียบพื้นแล้วย้อนกลับขึ้นมาบนรถใหม่ ก่อนจะหันศีรษะและเอียงคอมองหน้าคนเรียกอย่างค่อนไปในทางสงสัย “มีอะไรหรือเปล่าคะพี่น้ำผึ้ง”
“ที่นี่ไม่เหมือนบ้านเรา ยิ่งเอมทำงานวันแรก ต้องตั้งใจฟังสิ่งที่คนเก่าๆ เขาแนะนำนะ มีอะไรไม่รู้ก็ให้ถาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ให้อดทนและ...ระวังตัวด้วยนะ”
งง...เฌอเอมบอกกับตัวอย่างนั้น คำพูดสายน้ำผึ้งฟังดูทะแม่งๆ สั่งความอย่างกับเธอไม่ได้เข้าทำงานแต่เป็นการไปออกศึกอย่างนั้นแหละ คิ้วโก่งขมวดมุ่นเข้าหากัน ส่งสายตาเป็นคำถามไปให้คนซึ่งนั่งประจำตำแหน่งคนขับ ซึ่งความจริงแล้ววันนี้ต้องไปติดต่อคุยงานกับลูกค้า แต่กลับขับรถเพื่อมาส่งเธอทำงานวันแรก จนเธอรู้สึกอุ่นใจไม่โดดเดี่ยวอ้างว้าง
สายน้ำผึ้งยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีอะไรหรอก เผอิญพี่เป็นพวกปากอยู่ไม่สุข ชอบติโน่นตินี่ตลอด จนบางคนไม่เห็นเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่เห็นเป็นศัตรู กลัวว่าจะเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาลงที่เอม ทำให้ปวดเศียรเวียนเกล้านะซิ” ไม่ได้อยากบอกให้เฌอเอมตกใจหรอกนะ แต่ถ้าหากน้องสาวร่วมบ้านต้องเจอกับฤทธิ์วาจากระทบกระเทียบแดกดันจากบางคนจะได้รู้ถึงสาเหตุที่ไปที่มา
“อ๋อ...” เฌอเอมหัวเราะคิก จนดวงหน้าผุดผ่องพรรณกระจ่างสดใสราวดอกไม้แรกแย้ม เสริมด้วยนัยน์ตากลมใสเป็นประกายเจิดจรัสวาววับราวกับดวงดาวนับสิบส่องสว่างทำให้น่ามองมากขึ้น
“เฌอเอมรับทราบแล้วค่ะ และก็จะสู้ไม่ถอยด้วย พี่น้ำผึ้งไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” เฌอเอมฉีกยิ้มจนแก้มป่องเห็นฟันซี่เล็กๆ ในปากแทบหมดทุกซี่ พร้อมยกมือชูขึ้นสองนิ้วให้คนช่วยหางานคลายความกังวล
“จ้า...พี่รู้ งานหนักงานเบาเราไม่เกี่ยง แต่อยากให้ระวังตัว อย่าลืมว่าคนเรา รู้หน้าไม่รู้ใจ บางคนปากปราศรัยแต่น้ำใจเชือดคอนะ เห็นหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสแต่ลับหลังอาจคิดคดทรยศหาเรื่องทำร้ายให้เราเจ็บเจียนตายก็ได้”
ไม่ได้ขู่แต่อยากเตือนให้เฌอเอมรู้จักดูแลตัวเองและระมัดระวังตัวไม่ให้เกิดเหตุเภทภัยร้าย ด้วยโลกจากบ้านที่จากมากับโลกภายในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นต่างจากโลกแห่งการทำงานชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยทีเดียว ที่บ้าน...จะพบแต่คนที่หวังดีกับเราจริง ๆ ในมหาวิทยาลัย เพื่อนที่จริงใจและหวังดีกับเรา คนที่คอยดูแลและจับมือของเราเพื่อก้าวเดินไปด้วยกันหาได้ไม่ยาก แต่ในที่ทำงาน...น้อยนักที่จะได้เจอเพื่อนแท้ที่ดีที่จริงใจกับเราอย่างที่สุด ยิ่งต้องพบเจอกับผู้คนมากหน้าหลายตา แล้วเขาเหล่านั้นก็ต่างความคิด ต่างนิสัย บวกกับความเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัวที่สามารถเปลี่ยนคนดีให้เป็นคนชั่วได้ในพริบตา เธอจึงอยากให้เฌอเอมระมัดระวังตัวไว้ อย่าเชื่อใจใครง่าย ๆ
“ค่ะ” เฌอเอมพยักหน้ารับ “เอมจะจำไว้” รับปากอย่างแข็งขัน ถึงไม่ได้เจอด้วยตัวเอง ทว่าสี่ปีที่จากบ้านมา เธอพบเจอเรื่องทั้งดีและไม่ดีหลายเรื่องอยู่ อีกทั้งสายน้ำผึ้งเองก็เล่าถึงนิสัยผู้คนที่เธอไปประสบพบเจอมาให้ฟังอยู่บ่อยครั้ง จนค่อนข้างกลัวใจเขาเหล่านั้นที่สามารถแต่งเติมเสริมเรื่องราว กลับคำพูดจากผิดเป็นถูกได้อย่างไม่มีความอายเลย
“ดีแล้ว ไปเถอะ”
“อ้าว...แล้วพี่น้ำผึ้งไม่ไปตอกบัตรเข้างานก่อนเหรอคะ” เอ่ยถามอย่างนึกขึ้นได้
“ความจริงวันนี้เป็นวันหยุดพี่นะ แต่เผอิญมีลูกค้านัดคุยรายละเอียดเรื่องงานที่จะมาใช้บริการโรงแรมเราจัดงานน่ะ” ทำงานมาหกวันก็อยากพักเหมือนกัน แต่ติดว่าลูกค้ารายนี้มีคิวว่างวันนี้ ก่อนต้องเดินทางไปธุระยังต่างประเทศ กลับมาอีกครั้งก็ก่อนวันงานสามถึงห้าวัน ซึ่งนั่นอาจทำให้แผนงานที่มีอยู่ก่อนมีปัญหาลามมาถึงงานนี้ที่อาจผิดพลาดด้วย ซึ่งเธอยอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้
“อ๋อ...ค่ะ”
“เดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับนะ”
“เอ่อ...ไม่ต้องก็ได้คะ” ตอบกลับด้วยความเกรงใจ มาส่งแล้วยังมารับอีก
“เรานี่ยังไงนะเอม ยังเกรงใจอยู่อีก พี่ไม่คุยกับเราแล้ว คุยทีไรชอบมีข้ออ้าง ข้อแม้เยอะแยะไปหมด ปวดหัวทุกที ไป...ไปทำงานได้แล้ว” เอ่ยไล่เสียงนุ่มพร้อมส่งยิ้มให้กำลังใจสาวน้อยที่ก้าวลงจากรถหน้าตาค่อนข้างจืดเจื่อนด้วยเริ่มขาดความมั่นใจอีกแล้ว
“เดี๋ยวเอม” ร้องเรียกอีกครั้งก่อนเฌอเอมจะปิดประตู
“มีอะไรอีกเหรอคะพี่น้ำผึ้ง”
“จำที่พี่สอนได้ไหม” สายน้ำผึ้งถามย้อนถึงเรื่องที่เธอติวเข้มหลังเลิกงานให้เป็นเวลาสามวันให้กับเฌอเอมเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตนเอง “มั่นใจว่า...ฉันเก่ง ฉันสวย ทำฉันได้ ยิ้มหวาน...แล้วเชิดหน้าขึ้น”
“ค่ะ” เฌอเอมตอบกลับและทำตามคำแนะนำสีหน้าค่อนไปทางเบะแหย ก้าวเดินกระหย่องกระแหย่งด้วยไม่ชินกับรองเท้าส้นสูง กระโปร่งสั้นเต่อและค่อนไปทางกระชับเน้นรูปร่างเพรียวอรชร จนต้องใช้นิ้วหยิบดึงตัวผ้าให้ยาวลงมาอีกนิด
สายน้ำผึ้งถึงกับส่ายศีรษะอย่างเอ็นดูระคนระอิดระอาใจเล็กน้อย เมื่อเฌอเอมยังคงมีท่าทางขาดความมั่นใจอยู่ แต่ก็ดีกว่าเก่ามิใช่น้อย ถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอใช้แล้วกัน
“ตายแล้ว!!” มัวแต่มองเฌอเอมจนไปว่ามีนัด ยิ่งก้มมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือก็แล้ว...สายน้ำผึ้งรีบเคลื่อนรถออกไปอย่างเร็วแทบไม่เห็นฝุ่น
“บ้าจริง! จะรีบไปตายที่ไหนยะ” สายน้ำผึ้งสบถเสียงขุ่น สองมือจับพวงมาลัยรถเอาไว้แน่นจนเส้นเอ็นปูดโปน เมื่อเลี้ยวรถเข้าที่จอดซึ่งหมายตาเอาไว้กลับต้องเหยียบเบรกอย่างแรง ด้วยว่ามีรถอีกคันพุ่งเสียบเข้ามาแย่งที่อย่างไม่มีมารยาท เธอเลยจำเป็นต้องเลี้ยววนหาที่จอดรถใหม่อีกครั้ง กว่าจะได้ก็จวนเจียนเวลานัดหมายเต็มที
สายน้ำผึ้งคว้าแฟ้มเอกสารที่กองสุมไว้หลังรถขึ้นมากอดอกไว้ ก่อนล็อกรถจนเรียบร้อยแล้วสาวเท้าวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปในร้านจำหน่ายจิลเวอร์รี่กึ่งบริษัทนำเข้าและส่งออกทางด้านข้างซึ่งใช้สำหรับผู้มาติดต่อเรื่องอื่นใดที่ไม่ใช่การซื้อเครื่องประดับอย่างรีบเร่ง
“ขอโทษนะคะ ดิฉันมาพบคุณประพันธ์ ชลรักษ์ค่ะ”
“คุณประพันธ์ไม่อยู่ค่ะ”
“อ้าว...ก็ไหนท่านนัดดิฉันให้มาพบเองนี่คะ” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงแหลมเล็ก ด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่พุ่งลิ่วขึ้นมา แต่จำต้องข่มกลั้นใจไว้ด้วยถือคติลูกค้าถูกเสมอ
‘บ้าจริง! ไหนว่าเป็นนักธุรกิจมือทอง เวลาเป็นเงินเป็นทองไง แล้วทำไมถึงได้ผิดนัดอย่างนี้’
“แล้ว...ท่านไปไหนคะ จะกลับเมื่อไหร่ ท่านสั่งอะไรไว้ถึงฉันบ้างหรือเปล่าคะ ฉันสายน้ำผึ้ง รงรองค่ะ” แม้จะระงับความโกรธเอาไว้อย่างที่สุดแล้ว ทว่าดวงตากลมโตก็ยังเปล่งประกายวาวเจิดจ้าอยู่ดี ก็เธอยอมไม่หยุดงานเพื่อมาพบอีกฝ่ายโดยเฉพาะ ทำกับเธออย่างนี้ได้ยังไง ไม่ว่างหรือติดธุระอะไรก็โทรบอกกันหน่อยซิ จะได้ไม่เสียเวลาพักผ่อน
“รอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวตอบกลับเสียงหวานนุ่มและเย็นใจ ดวงหน้านวลเนียนเรียบยังคงผ่องใสขณะเปิดค้นเอกสารไล่สายตาหาชื่อสายน้ำผึ้ง ปากอิ่มนุ่มคลี่ยิ้มหวานละมุนส่งยิ้มให้คนอารมณ์ไม่ดี
“ท่านสั่งงานไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญคุณน้ำผึ้งทางนี้” พนักงานเอ่ยบอกเสียงหวาน ลุกจากเก้าอี้ที่นั่งพาสายน้ำผึ้งเดินผ่านพนักงานสาวอีกสามสี่คนซึ่งนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขะมักเขม้นไปที่ประตูกระจกใส “คุณเดินตามเส้นทางนี้ไป สุดปลายทางก็ให้เดินขึ้นบันไดไปชั้นสองห้องแรก ห้องประชุมเล็กนะคะ”
สายน้ำผึ้งมองตามร่างโปร่งที่สะบัดหน้าเชิดเดินกลับไปทางเดิม ไหล่กว้างเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจกับความไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายส่งมาให้ รีบก้าวเดินฉับๆ ไปตามเส้นทางที่ได้รู้ ทว่า...
“บ้าจริง! ยิ่งรีบก็ยิ่งช้า วันนี้มันวันซวยอะไรของเธอนะ ถึงได้เจอแต่อุปสรรคตลอดเลย” บ่นพึมพำขณะก้มลงเก็บเอกสารที่หลุดร่วงออกจากอ้อมแขนและรีบเดินไปยังห้องประชุมเล็กอย่างเร็ว