ตอนที่ 7

1694 Words
7 แม้สีหน้าจะเรียบเฉยไม่ใส่ใจ ทว่าสมองกลับประมวลผล เพื่อไล่ตามความคิดของผู้หญิงตรงหน้าให้ทัน ยิ่งได้เห็นนัยน์ตากลมโตวามวาวคล้ายมีเลศนัยอยู่ก็ยิ่งเชื่อว่าคิดไม่ผิด ผู้หญิงหน้าสวยแต่ใจโสมม สิ่งที่คิดและทำอยู่ต้องเป็นไปในทางไม่ดีแน่ คิดแล้วก็เหนื่อยหน่ายใจ เขาไม่ได้อยากเอาตัวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักนิด แต่ทนเสียงด่าทอแกมบ่นน้อยใจจากคุณป้ารุจาไม่ไหว ได้ยินแล้วมันรำคาญชวนปวดหัวด้วย ไหนจะหลานๆ อีกสองคนที่นั่งหน้าหมองเศร้าไร้สุข เมื่อต้องมาเห็นพ่อกับแม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันไม่เว้นแต่ละวัน สาเหตุมาจากผู้หญิงมักมาก เห็นแก่ความสุขของตัวเอง จนมองไม่เห็นไม่รู้ว่าสิ่งที่กระทำอยู่นั้นทำให้คนอื่นเขาทุกข์แค่ไหน อย่างนี้เขาเลยต้องพาตัวเองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงสกปรกโสโครก เธอต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสมที่สุด! กลีบปากอิ่มคลี่ยิ้มเป็นแสยะ จากตอนแรกคิดแค่ทาบมือบนโต๊ะ แล้วโน้มหน้าลงไปคุยกับอีกฝ่ายพอให้เห็นร่องอกอิ่มรำไร แต่...เปลี่ยนใจดีกว่า ยั่วยวนแค่นั้นกับผู้ชายปากจัดดูเหมือนมีอคติกับผู้หญิง ติไปหมดอย่างนี้ คงต้องทุ่มเยอะกว่าที่เคยเสียหน่อย มือเรียวดึงเอาเก้าอี้ซึ่งมีคนตัวใหญ่นั่นอยู่ โชคดีว่ามีล้อเลื่อน เลยทำให้เธอไม่ต้องออกแรงมากในการขยับให้เขาหันมาประจันหน้าด้วย และทรุดร่างอรชรนุ่มนิ่มหอมละมุนด้วยเครื่องประทินผิวแบบเด็กๆ บวกน้ำหอมเล็กน้อยพอเย้ายวนใจคนได้กลิ่นให้ถวิลหา “คุณว่าฉันหน้าด้าน ชอบให้ฟรี...” ก็คนมันตรง ชอบพูดอะไรตรงๆ นี่น่า อยากมาบ้ากับเธอก่อนทำไมละ หน็อย...นัดมาคุยเรื่องงาน ดันปากเสียหาเรื่องด่าว่าเธอซะได้ “สนใจรับของฟรีไปทดลองใช้สักครั้งสองครั้งไหมละคะ ฉันจะได้รู้ว่าผู้ชายอย่างคุณ...” สายน้ำผึ้งกวาดสายตามองกายแกร่งราวกับว่ากำลังประเมินราคาของสักชิ้น คุ้มค่าที่จะพาตัวเองไปคลุกคลีหรือเปล่า ปลายนิ้วยาวเรียวยกขึ้นไล้บนแก้มหนาแกร่ง “กับคนแก่บางคน ใครจะให้รสชาติแซบจัดจ้านลีลาถึงใจดีกว่ากัน หรือจะเป็นพวกนกกระจอกไม่ทันจะกินน้ำก็...ไม่ไหวเสียแล้ว” กลีบปากหนาหยักยกขึ้นเล็กน้อย หลุบสายตาลงมองร่องอกอิ่มสลับมองปากอิ่มสีชมพูระเรื่อยื่นแย้มเชิญชวนให้ลองลิ้ม นิ้วยาวลากไล้จากปลายแขนขึ้นไปทีละน้อยจวบจนถึงลาดไหล่กลมกลึง จึงค่อยๆ ตวัดไกล่เกลี่ยชายเสื้อให้เคลื่อนหลุดออกโดยที่คนบนตักก็ไม่ได้ขัดขืน มิหนำซ้ำยังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจนสาบเสื้อสูทหลุดออกจากบ่า วงหน้าคร้ามแกร่งโน้มไปคล้ายประทับปากหนาบนซอกคอนวลระหง ทว่ากลับหยุดใกล้ใบหูเล็ก “ของฟรีใครก็อยากได้ แต่ไอ้ของเน่าเฟะมีหนอนตัวใหญ่ชอนไชบ่อยครั้งนี่ กลัวไม่ทันอ้าปากกิน กลิ่นเหม็นเน่าก็แตะจมูก ชวนให้คลื่นไส้อาเจียนเสียก่อนแล้ว” ชายหนุ่มวางมือบนไหล่กว้างผลักร่างเพรียวนุ่มนิ่มออกจากตักอย่างรังเกียจและสะอิดสะเอียน เหมือนถูกตีแสกหน้า เคยมีแต่คนรุมล้อมหน้าล้อมหลังคอยถามไถ่เอาใจ แต่ผู้ชายตรงหน้ากลับทำราวกับว่าเธอเป็นหนอนที่ชอนไชบนซากสัตว์ที่ตายแล้ว สายน้ำผึ้งกำหมัดจนปลายเล็บแหลมคมทิ่มแทงไปบนเนื้อนิ่มๆ ประกายในดวงตากระจ่างวาบด้วยเพลิงโทสะที่ห่อหุ้มจนร้อนราวไปนั่งอยู่กลางกองไฟ แต่ดวงหน้านวลผ่องก็สดชื่นแจ่มใส กลีบปากอิ่มสีชมพูระเรื่อยังคลี่ยิ้มอยู่ราวไม่สะทกสะท้านกับคำพูดที่ต่อว่ามา “อุ้ย!! คุณนี่ปากหมา...เฮ้ย! ไม่ใช่ๆ ปากหวานจริงๆ เลยนะคะยังไม่ทันได้ชิมเลย มาพูดอย่างนี้ได้ยังไงละคะคุณขา ใครจะไปรู้ล่ะ เกิดคุณได้...” ยกนิ้วยาวเรียวทาบบนปากอิ่มนุ่ม “จูบฉันแล้วอาจเปลี่ยนใจ รีบจับมัดพาขึ้นเตียงก็ได้ ไม่มีใครรู้อนาคตนี่น่า จริงไหม” อยากรู้นัก จะทนเธอยั่วยวนได้สักกี่น้ำ แต่เชอะ...ผู้ชายปากเสียอย่างนี้ เธอไม่ยอมพลาดท่าเสียทีให้แอ้มฟรีๆ หรอกยะ หนังหน้าเธอยังไม่หนาและด้านพอ ปากหนาคลี่ยิ้ม มีความมั่นใจในตัวเองนะดี แต่มากมายเกินอย่างนี้มันน่าสมเพช ยิ่งเกี่ยวกับเสนอตัวให้ผู้ชายนี่...ติดน่ารังเกียจและชวนสะอิดสะเอียนเชียวล่ะ อีกอย่างถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจเปลี่ยนใจลิ้มลองดู มีดีแค่ไหนถึงได้ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งถึงกับแทบเป็นบ้า แต่กับผู้หญิงตรงหน้านี่...เขาว่า ได้ไม่คุ้มเสีย “ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากถูกหนอนเกาะและชอนไชไปในร่าง” “แหม...เสียดายจัง” ยิ้มทั้งที่หัวใจเจ็บจี๊ดและใบหน้าถึงกับชาไปเป็นแถบๆ กับคำด่าเนิบนาบเยือกเย็นจากชายหนุ่มไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อน ไหล่กว้างเลิกขึ้นอย่างไม่แคร์ หนังตาอ่อนๆ หลุบลงปกปิดดวงตาที่ฉายความเจ็บปวดและหนังหน้าที่มันชา ก็เคยถูกสับเละแทบเป็นเลาะหน้าอย่างนี้เสียที่ไหนกันละ “คิดว่าจะได้เก็บผู้ชายลงสต๊อกอีกสักคน เป็นแบบนี้เห็นทีต้องกลับไปหาของเก่า ทุ่มหนักอย่างเดิมอีกแล้ว อ่า...เสียดายจัง” สายน้ำผึ้งทาบมือบนไหล่กว้าง ดันร่างหนาให้ถอยห่าง พร้อมลุกขึ้นยืน ทว่ารวดเร็วอย่างที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ แขนแกร่งก็สอดเข้ามารัดรอบเอวคอดกิ่ว “ในเมื่อเธออยากลอง เดี๋ยวฉันจัดให้ แต่...ไม่ถึงใจหรือเกินเลยไปก็อย่าว่ากันนะ” สายน้ำผึ้งได้แต่อ้าปากค้าง นัยน์ตาเบิกกว้าง ไหนว่าไม่สนใจและรังเกียจเธอไง แล้วมาทำอย่างนี้กับเธอได้ยังไง อารามตกใจไม่ทันได้ระวังตัวเปิดโอกาสให้คนตัวใหญ่ดึงเอาชายเสื้อเชิ้ตออกจากกระโปรง พร้อมนิ้วสะกิดกระดุมหลุดออกจากรัง กว่าสายน้ำผึ้งจะดึงสติกลับมาได้ ก็เมื่อเสื้อเชิ้ตร่วงหล่นออกจากกาย และสายตาเข้มดุที่กวาดมองไปทั่วก่อนแบะปากบอกถึงความผิดหวัง หึหึ...คิดว่าตัวเองจะได้เห็นเนื้อนวลเนียนของเธอใช่ไหม กลีบปากอิ่มคลี่ยิ้มอย่างสะใจ เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้อย่างต้องการ ด้วยเมื่อสวมใส่ชุดทำงานค่อนข้างสั้นรัดรูป เธอชอบใส่สลิปป้องกันตัวเองไว้อีกชั้นหนึ่ง “แหม...เป็นประเภทอยากให้แปลกใจก็ไม่บอก อยากได้แบบไหนละคะ ฉันพร้อมจัดให้นะเออ แต่ว่า...” ไม่ใช่ไม่อายกับการเกือบเปลือยต่อหน้าผู้ชาย! แต่...ใครจะยอมให้เล่นงานอยู่ฝ่ายเดียวเล่า มันต้องเล่นกลับซิ นิ้วยาวเรียวยกขึ้นลากไล้บนสันแก้มบึกบึน “อยากได้...ก็ต้องแลกกัน ฉันไม่ยินดีให้ฟรีๆ อย่างที่คุณกล่าวหาหรอกนะคะ” “ถ้าฉันจะเอาฟรีๆ โดยไม่แลก” นอกจากรูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ทรวงอกอวบอิ่มกลมกลึง รับกับเอวเล็กคอดและลำขาเสลายาวเรียวแล้ว ก็ยังมีถ้อยวาจาหวานนุ่มและลูกล่อลูกชนแพรวพราว รู้จักหลบหลีก อย่างนี้จะไม่ให้ผู้ชายโง่ๆ หลงติดกับและหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นได้ยังไงกันเล่า “งั้นคุณก็คงต้องเสี่ยงกันหน่อยล่ะ คุ้มหรือเปล่ากับการต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาล ข้อหาทำอนาจารลวนลามผู้หญิง” “กับผู้หญิงอย่างเธอนี่นะ...คงไม่มีใครเชื่อหรอก แต่งตัวยั่วฉันจนเกือบอนาจารอยู่แล้ว ใส่อย่างนี้...” ตวัดสายตาไล่มองตามเรือนกายอรชรน่าสัมผัส “ไม่ใส่ดีกว่ามั้ง แล้วอีกอย่างที่นี่มันที่ไหน...จำได้ไหมล่ะ เธอต้องมาพบเพื่ออ้อนวอนขอให้ฉันเซ็นเอกสารให้ แต่เผอิญฉันไม่ยอมเซ็นเอกสารที่มีข้อผิดพลาด ผลประโยชน์ที่ได้รับก็น้อย เธอเลยต้องหาข้ออ้าง ข่มขู่บีบบังคับให้เซ็นด้วยการยอมเปลื้องเนื้อตัวเอง” เออ...ลืมไปว่าเธออยู่ในถิ่นเขา ฟันขาวขบกัดกลีบปากอิ่ม “แล้วคุณผู้ชายหูเบาต้องการอะไรละ...คะ” ทิ้งคำลงท้ายด้วยให้อ่อนลงเล็กน้อย คนเราต้องหัดฉลาด ก็เพลี่ยงพล้ำอยู่ ไม่ควรดึงดันถามหาชัยชนะที่เส้นทางมีแค่น้อยนิด “เลิกยุ่งเกี่ยวกับคุณประพันธ์ซะ แล้วฉันจะเซ็นสัญญาให้และไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธอ แต่ถ้าไม่...ฉันไม่รับประกันว่านับจากนี้เธอจะโดนอะไรบ้าง” ไม่ได้อยากรังแกผู้หญิง...แต่บางคนสมควรโดนสั่งสอน! “ยุ่งเกี่ยวที่คุณว่านี่ เป็นแบบไหน ยังไงล่ะ” เธอไม่ได้ฉลาดไปซะทุกเรื่องหรอกนะ บางเรื่องก็โง่เง่าเต่าตุ่นเชียวล่ะ แล้วอีกอย่างสายน้ำผึ้งก็จำได้ว่าตนเองเพิ่งได้นัดเจอกับนายประพันธ์นี้เป็นครั้งแรกด้วย แล้วมาเจอกับการยัดเยียดข้อกล่าวหาที่ห่วยแตก เธอยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แบบนี้ก็...มึนงงซิคุณ! “ต้องให้ฉันสาธยายให้ฟังด้วยหรือแม่คุณ ไปทำระยำตำบอนอะไรไว้น่ะ” “อืม...มั้ง แต่ก่อนอื่น ช่วยบอกอะไรฉันสักอย่างสองอย่างก่อนได้ไหม คุณเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับคุณประพันธ์ และคุณ...คุยกันตั้งนานสองนาน ยังไม่แนะนำตัวให้ฉันรู้จักเลยนะ” ความจริงก็รู้ชื่ออีกฝ่ายแล้วนะจากเฌอเอม ถึงจำได้แต่ก็ไม่อยากเอ่ยทักเขาด้วยชื่อที่รู้จากปากคนอื่น แบบว่า...กลัวเขาตอกใส่หน้า ‘ผมไม่ยินดีที่ได้รู้จักคุณ’ อย่างนี้ก็แย่น่ะซิ ไม่อยากหน้าแตกซ้ำสองซ้ำสาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD