ตอนที่ 9

1473 Words
9 สายน้ำผึ้งตกใจจนหัวใจหล่นหายไปกองที่ปลายเท้า เย็นวาบราวกับมีน้ำแข็งปกคลุมร่างกาย นัยน์ตาเบิกกว้าง อ้าปากค้างแต่ไม่มีเสียงหลุดออกมา เคยแต่ยั่วยวนให้อยากแล้วจากไป แต่ไม่เคยโดนเข้าถึงเนื้อถึงตัวจับต้องอย่างใจต้องการ โดยเธอตั้งตัวรับไม่ทันและทำอะไรไม่ถูก กว่าจะเรียกสติที่ขาดหายไปกลับคืนมาได้ก็เมื่อสองแขนถูกจับมัดไพล่หลัง ถูกรัดด้วยเนกไทที่อีกฝ่ายดึงออกจากคออย่างรวดเร็ว ไม่ทันได้ขัดขืนกายอรชรเคลื่อนขึ้นไปนั่งบนโต๊ะตัวยาวใหญ่ ในสภาพหมิ่นเหม่อย่างน่าเกลียดที่สุดนับตั้งแต่เกิดและเติบโตมาจนอายุย่างยี่สิบแปดปี เพลิงไฟโทสะและอับอายในกายพุ่งลิ่วขึ้นไปรวมตัวกันที่ดวงหน้า จนสายน้ำผึ้งคิดว่าหน้าเธอคงแดงก่ำยิ่งกว่ากุ้งถูกต้มสุกด้วยความเดือดดาล “คุณ!! ไอ้ผู้ชายบ้า ปล่อยฉันนะ!” “ฉันไม่เหมือนผู้ชายที่เธอเคยเจอหรอกนะ ไอ้ประเภทโง่เง่าเต่าตุ่น ยอมทำตามความต้องการไปเสียหมด พอเธอบอกอยากได้สร้อยเพชรก็รีบไปซื้อให้อย่างลนลาน อยากเที่ยวชายหาดก็รีบหาโรงแรมเลิศหรูให้อยู่ฟรีไม่คิดเงิน เพียงเพื่อแลกกับร่างกายเน่าเหม็นน่ารังเกียจสะอิดสะเอียน” รายงานหลายชิ้นส่งมาถึงมือ เรื่องการใช้เงินเติบของใครบางคนที่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไม่คิด พร้อมคำด่าอีกกระบุงโตจากพายุทอร์นาโดรุจา โน้มหน้าไปทาบปากร้อนระอุบนผิวนวลเนียนหอมนุ่มน่าลูบไล้ไปถ้วนทั่ว “แต่เป็นคนที่ต้องการอะไรแล้วต้องได้ แต่ถ้าไม่อยากได้...ฉันไม่เพียงขยี้ให้แหลกละเอียดเหมือนแก้วแตก แต่จะฝังดินกลบไม่ให้เหลือซาก!” เอ่ยน้ำเสียงแข็งกร้าวดุดัน นัยน์ตาเปล่งประกายราวกับมีเพลิงลุกไหม้อยู่ “โอ๊ย!! ไอ้บ้า ฉันเจ็บนะ หยุด!!” รีบร้องห้ามเสียงสั่น เมื่ออีกฝ่ายสัมผัสกายกลมกลึงบีบบี้อย่างรุนแรงราวกับกายอรชรคือผลส้มที่เขาต้องการให้แหลกละเอียดในอุ้งมือ โดยที่เธอขัดขืนไม่ได้ด้วย ความขลาดกลัวทำให้ยิ่งต้องต่อสู้เพื่อหนีจากมือใหญ่ “หยุดนะไอ้บ้า! ต้องการให้ฉันทำอะไรก็บอกมา แล้วปล่อยฉันด้วย ฉันเจ็บ!” เจ็บจนน้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าแล้ว แต่อีกฝ่ายดูจะสะใจมากกว่าสงสาร เพราะยิ่งเธอแสดงความร้าวรวดออกไปมากเท่าไหร่ เขาก็เพิ่มน้ำหนักการจับต้องจนผิวเนื้อนวลแดงจ้ำเป็นช้ำ พยายามขยับกายหนีแต่ก็ติดแขนกำยำโอบรัดรอบเอวบางอย่างกับต้องการหักเป็นสองท่อน “แค่นี้คนหนังหนาหน้าโปกปูนทับ ไร้จิตสำนึกผิดชอบชั่วดีอย่างเธอไม่เจ็บหรอก เพราะถ้ารู้จักเจ็บเป็นยังไง อายเป็นยังไง คงไม่กล้าทำเรื่องไร้ยางอาย แย่งชิงสามีชาวบ้าน ทำให้เขาเจ็บปวดรวดร้าว ครอบครัวถึงกับแตกแยก เมียต้องหย่ากับผัว...ลูกต้องขาดพ่อขาดแม่” ฤทธิ์ฝ่ามือหนาที่บีบเคล้นไปบนกายอรชรทำเอาสายน้ำผึ้งสะดุ้ง ฟันขาวขบไปบนกลีบปากนุ่มจนได้กลิ่นเลือดปะแล่มๆ ในปาก “หยุดทำบ้าๆ นะไอ้คนเลว! ฉัน...” “หุบปากเน่าๆ ของเธอซะแม่ตัวดี ถ้ายังไม่อยากให้ฉันจับโยนออกไปบนถนนให้คนเขารุมขย้ำ หมาแทะไม่เหลือเหลือกระดูก” สายน้ำผึ้งขบกลีบปากอิ่มขบเม้มจนแบนราบเรียบ อยากเถียงใจจะขาด เธอไม่รู้เรื่องที่เขาพูดมาสักนิด จะยัดเยียดกล่าวหาใคร ทำไมถึงไม่ตรวจสอบความจริงให้แน่ใจก่อน ว่าใช่! ที่ได้ยินเรื่องราวมาน่ะ ทว่าเธอก็ได้แต่อึดอัดคับแค้นใจด้วยพูดออกไปไม่ได้ เพียงแค่มีเสียงหลุดออกจากปาก สัมผัสจาบจ้วงที่อยู่บนเรือนกายก็รุนแรง เจ็บเสียจนร้าวจนผิวเนื้อปริแตก อับอายและคั่งแค้นจนใจเหมือนถูกบีบจนหายใจไม่ออก ที่เธอต้องสะกดกลั้นน้ำตาไม่ยอมไหลออกมา เพราะสิ่งนั้นทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจและสะใจที่ทำร้ายเธอได้! “จะให้ฉันทำตามที่คุณต้องการ คุณก็ควรบอกให้ฉันเข้าใจด้วย นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันไม่ใช้ผู้วิเศษที่จะไปตรัสรู้เรื่องของชาวบ้าน!” หญิงสาวกัดฟันพูดเสียงลอดออกมาทางไรฟัน อัดสูดลมหายใจเข้าปอด เพื่อเรียกเรี่ยวแรงพลังสู้รบกับอีกฝ่ายให้ถึงที่สุดและต้องเอาชัยชนะมาให้ได้ด้วย! “เรื่องผู้หญิงหน้าด้าน ชอบแย่งผัวชาวบ้าน” ข้อหาอุกอาจฉกาจฉกรรจ์จนเธอรับไม่ได้ แต่พออ้าปากจะโต้เถียงกลับต้องขบฟันขนกลีบปากเต็มแรง เมื่อบัวตูมไหวกระเพื่อมถูกกอบกุมและเฟ้นคลึงคล้ายเขาขยี้มดแมลงให้แบนคามือ  ไฟร้อนผ่าวที่เคลื่อนอยู่บนหน้าท้องแบนราบเรียบไต่ไล่ขึ้นไปทีละน้อย จนถึงปลายยอดบัวชูชัน สายตาเข้มดุกร้าวสบกับดวงตากลมโตฉายแววตื่นตระหนกขลาดกลัวระคนโกรธแค้นขุ่นเคือง มุมปากหนาหยัดยกขึ้นก่อนทาบปากบนปทุมถันกลมกลึง ขบเม้มจากฐานรากจรดปลายยอดเชอร์รี่สีชมพูอ่อนจาง “ไม่นะคุณ หยุดนะ!!!” สายน้ำผึ้งแผดร้องห้ามน้ำเสียงหลง สองมือจิกโต๊ะสุดแรงด้วยความตื่นตระหนก พลางขยับพากายโอนเอนไหวคล้ายเธอยืนอยู่บนเส้นเชือกที่ผูกระหว่างสองตึกสูงหนี ทว่า... เหลือบขึ้นมองได้สบกับดวงตากลมใสแจ๋วฉายแววตื่นตระหนกและขลาดกลัวคล้ายเขาคือโจรร้ายที่ต้องการจะทำลายพรหมจารีผู้หญิง ทำเอาคนที่กำลังลงทัณฑ์ด้วยความรังเกียจถึงกับงุนงงสงสัย ผู้หญิงกร้านโลก เชี่ยวชาญเชิญมารยาอิสตรีทำให้ผู้ชายหลงใหลอยากครอบครอง ถึงได้ตื่นกลัวอย่างกับถูกกระทำชำเรา ทว่า...กลิ่นกายเธอหอมจรุงใจ ผิวเนื้อนวลเนียนนุ่มจนเผลอตัวไปไม่น้อย ทว่าชายหนุ่มก็เลือกไม่สนใจรับรู้ ด้วยคำที่บางคนพูดกรอกหูนั้นดังมากกว่า นิ้วยาวยกขึ้นไปทาบบนกลีบปากอิ่มห้ามไม่ให้พูด ขณะปากร้อนผ่าวขบเม้มทั่วก้อนเนื้อนุ่มหอมกรุ่น “ความจริงเธอนี่ก็น่าสนใจดีนะ...ฉันคงต้องคิดใหม่เสียแล้ว มีอะไรกับเธอก็ไม่แปลก ยังไงฉันก็ผู้ชายไม่เสียหายอะไรเลยนี่ จริงไหม” ชายหนุ่มรั้งกายนุ่มนิ่มลงมาเล็กน้อย เพื่อเขาจะได้ลิ้มรสเจ้าเม็ดทับทิมอย่างถนัดถนี่โดยไม่จำเป็นต้องชะเง้อคอให้เมื่อย กล้ามเนื้อหน้าท้องแบนราบเรียบขมวดมุ่น สั่นสะท้านไหวยะเยือกไปทั้งกาย ทั้งความเย็นราวถูกเกล็ดหิมะพัดมาแตะต้องเรือนกายพร้อมกับไฟร้อนผ่าวโอบรายรอบ ก้อนเนื้อนุ่มไหวราวต้นหญ้าที่โบกสะบัดพลิ้วไหวไปตามกระแสลม ปลายยอดทับทิมหดเกร็งตามเรียวลิ้นอุ่นชื้นที่ลากไล้ทั่ว “ไม่นะคุณ! หยุด ฉันยอมแล้ว” สายน้ำผึ้งเอ่ยตอบไปอย่างลนลาน รับปากไปก่อน เพื่อพาตัวออกจากเหตุระทึกชวนหวั่นไหวพาทำอะไรไม่ถูกนี่แล้วค่อยหนี แต่นั่นต้องเป็นหลังจากที่เธอเอาคืนไอ้ผู้ชายสารเลว ที่ยังไม่ทันฟังอะไรก็ยัดเยียดข้อกล่าวหาที่ไม่ได้ทำให้หน้าด้านๆ “มาพูดตอนนี้ มันสายไปแล้วล่ะ...เผอิญฉันกำลังมีความต้องการ อยากสนองความ...!” สายน้ำผึ้งน้ำตาตกไหลย้อนกลับไปในอก มีคนไม่ชอบมากมายที่พูดจาหยาบคายใส่หน้า แต่ไม่เคยถึงขั้นถูกด่าใส่หน้าจนเย็นเป็นชา น้ำตาเริ่มร่วงพรูลงมาราวกับน้ำไหลจากก๊อก เล็บแหลมยาวจิกลงไปในผิวเนื้อนุ่ม แต่ก็ไม่เจ็บเท่าหัวใจที่ถูกเหยียดหยาม จะไม่ว่าเลยถ้าเขารู้จักเธอดีพอ แต่นี่ไม่รู้จักกันสักนิด กลับกล่าวหาและมองเธอเป็นของสกปรกโสโครก “ไม่!!!” เสียงห้ามกลายเป็นเสียงกระอึกกระอักในลำคอ เมื่อมีกระแสลมอุ่นๆ เคลื่อนไหวกึ่งกลางช่องท้อง ก่อนพุ่งลิ่วราวจรวดไหลลามไปทั่วกาย จนเธอต้องรีบขบกัดฟันบนกลีบปาก เพราะไม่ต้องการให้มีเสียงแปลกๆ หลุดออกไป ศีรษะทุยสะบัดแรงๆ จนเส้นผมที่ขมวดไว้อย่างดีหลุดลุ่ยออกจากมวย พยายามบังคับตัวเองไม่ให้รู้สึกหวั่นไหวไปกับสัมผัสร้อนผ่าวคลุกเคล้าด้วยความวาบหวามซาบซ่าน ทว่าแผ่นหลังแบบบางกลับแอ่นโค้งเข้าหาอุ้งปากร้อนผ่าวที่ขบเคลื่อนดื่มด่ำกับปลายยอดเชอร์รี่รสหวานนุ่ม “อือ... ‘ไม่นะ!!’  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD