8
“อุ้ย!!” เฌอเอมร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อเดินเลี้ยวลับมุมถนนมาเจอเข้ากับสาวสวยสองนางซึ่งคอยพูดจากระแนะกระแหนตลอดทุกครั้งที่เธอเดินผ่าน ขณะนี้ได้ยืนเอนแผ่นหลังอิงกับผนังห้อง ดวงหน้าเนียนเรียบฉายความเย็นชาไม่แพ้ดวงตาเปล่งประกายแข็งกร้าว...
หาเรื่องเธออีกแล้วสินะ ดีนะสายน้ำผึ้งเตือนมาแล้ว ทำให้พอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ถูก ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะต้องงมโข่งอยู่ในกะลา ปล่อยให้เขาด่าฟรีๆ อยู่ฝ่ายเดียว
“ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่าคะ” เฌอเอมเอ่ยถามเสียงหวาน ดวงหน้าอิ่มเอิบมีสีชมพูระเรื่อเพราะทำงานหนักยังยิ้มแย้มแช่มชื่น ตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้กับความไม่ชอบใจที่สองสาวส่งมาให้ ก็ไปสนใจเรื่องหมูหมากาไก่ให้ปวดหัวทำไมกันล่ะ เขาอยากโกรธอยากเกลียดก็เป็นที่เขาที่ทุกข์เอง เธอยังอยู่ได้สบายกายใจและมีความสุขดีอยู่
“เธอเป็นพนักงานล้างห้องน้ำคนใหม่ใช่ไหม” แม่สาวร่างสูงโปร่งอกใหญ่ ป้ายเหล็กตรงหน้าอกบอกว่าชื่อนิลาวัลย์เอ่ยถามน้ำเสียงค่อนไปทางดูถูกดูแคลน
“ไม่น่าถามเลยลาวัลย์ หน้าตาเอ๋อเซ่อซ่าอย่างกับพวกไม่เต็มบาทแบบนี้ ได้แค่พนักงานล้างส้วม! ก็ดีแค่ไหนแล้ว” สาวร่างอรชรอ้อนแอ้นอีกคนป้ายบอกชื่อนวลนุชร่วมผสมโรง
“ใช่คะ” เฌอเอมถามเสียงสูงลิ่ว เอียงศีรษะเล็กน้อย
“ดูซิ บอกแล้วยังจะมายืนทำงงอย่างกับเด็กปัญญาอ่อนอีก ทำไมถึงไม่รีบไปทำล่ะย่ะ ไม่รู้หรือไง นี่นะห้องน้ำสำหรับให้แขกมาใช้บริการ ต้องให้สะอาดเอี่ยมอ่องอยู่เสมอ เธอนี่...ไม่แค่เอ๋อเซ่อ แต่สมองทึบ ปัญญายังเท่าหางอึ่ง” นวลนุชพูดรัวเร็วราวกับต้องการเอาใจสาวอีกคน
“ทำงานแย่ ไม่รับผิดชอบอย่างนี้ คงต้องรายงานคนดูแลมากกว่า” วิลาวัลย์เอ่ยราวกับว่าตัวเองมีอำนาจหน้าที่ตัดสินได้จะรับใครเข้าทำงานบ้าง
เฌอเอมยังคงยืนนิ่งและยิ้มหน้าระรื่น “ขอโทษนะคะ คือฉันจำได้ว่าห้องน้ำนี้เพิ่งทำความสะอาดไปไม่ถึงสิบนาที เป็นไปไม่ได้ที่จะสกปรกโดยการใช้งาน ยกเว้นมีพวกคนปัญญาอ่อน สมองฝ่อและน้อยยิ่งกว่าพวกวัวควายแถวบ้านฉันที่ต้องมีคนจูงไปไหนมาไหนเป็นคนทำนะคะ”
ดวงตากลมใสแจ๋วราวกับลูกแก้วไล่มองสองสาวทีละคนอย่างเชื่องช้า “เห็นการหางานให้คนอื่นทำเป็นเรื่องสนุก”
“แก!” โทสะพุ่งลิ่วจนดวงหน้าอิ่มเอิบแดงระเรื่อ วิลาวัลย์ชี้มือสั่นระริกใส่หน้าเฌอเอม
“มันด่าเรานะลาวัลย์” เอ่ยบอกเพื่อนด้วยความร้อนใจ ด้วยตัวเองเป็นคนทำให้ห้องน้ำสกปรก
วิลาวัลย์หน้าตึง “รู้แล้ว ไม่ต้องย้ำ ไม่ได้โง่” ก้มหน้า ทำตาดุกราดเกรี้ยว ต่อว่าลูกคู่สาวที่ไม่น่าให้ร่วมแผนการเลยให้ตายซิ ไม่ยอมรับเสียอย่างใครจะทำไงได้ หลักฐานก็ไม่มีสักอย่าง
“หน้าตาหงิมๆ แต่ไม่คิดว่าปากจัด แสดงว่ายายปากเสียบางคนเคี่ยวเข็ญสอนมาอย่างดีซินะ แต่ปากอย่างนี้ระวังทำงานที่นี่ได้ไม่ยืนน่ะย่ะ” กัดฟันกรอดๆ
“ขอบคุณค่ะที่หวังดีช่วยบอกกล่าว เอ่อ...พอดีฉันค่อนข้างโง่นะคะ คุณช่วยบอกหน่อยได้ไหม ทำงานที่นี่เขาตัดสินกันที่ฝีปากจัดๆ หรือดูที่การทำงานคะ หรือว่า...ดูจากการใช้รูปร่างหน้าตา...”
“มันด่าเธออีกแล้วลาวัลย์”
“เงียบนะ!!” วิลาวัลย์หันไปตวาดลูกคู่ที่คอยซ้ำเติมเธอเสียมากกว่า
“อีกอย่างที่คุณสองคนยังไม่รู้ คือว่า...ฉันไม่ได้เป็นพนักงานล้างห้องน้ำอย่างที่เข้าใจหรอกค่ะ” พูดน้ำเสียงราบเรียบแผ่วเบาคล้ายเด็กที่ขลาดกลัวการออกไปยืนหน้าชั้น เพียงแค่ได้ยินเสียงอะไรนิดก็สะดุ้งโหยง จนวิ่งกลับไปซุกอยู่ในซอกมุมซึ่งตัวเองคิดว่าปลอดภัยที่สุด
“ฉันเป็นแม่บ้านทำความสะอาดห้องแขกค่ะ เงินเดือนอาจน้อยนิดเดียว” ยิ้มจนแก้มป่อง นัยน์ตาพร่างพราววาวใส “แต่มีเกียรติมากกว่าพนักงานบางคนที่ชอบใช้...” ไม่พูดแต่ใช้การมองที่ทำเอาคนถูกมองถึงกับเนื้อตัวสั่นเทิ้มด้วยเพลิงโทสะ
“แก!!” วิลาวัลย์ตัวสั่นเทิ้ม ยกมือชี้หน้าเฌอเอมที่ยังยืนนัยน์ตาใสแจ๋วใสซื่อ ฉีกยิ้มกว้าง ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ อย่างเด็กทำผิดแล้วต้องปกปิดซ่อนเร้นไม่ให้พ่อแม่ล่วงรู้
“คุณสองคนมีอะไรกับฉันอีกหรือเปล่าคะ แบบว่า...ฉันคงต้องรีบไปเรียกพนักงานมาทำความสะอาดห้องน้ำที่พวกโรคจิต...” เน้นคำพูดหนักๆ ด้วยน้ำเสียงชัดเจน “ทำเอาไว้นะคะ”
ไม่รอให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบอะไรเฌอเอมก็หันหลังเดินจากไปแต่ก็ไม่วายทิ้งคำพูดเอาไว้ “ไม่น่าเชื่อเลย คนเราหน้าตาก็สวย หน้าที่การงานหรือก็ดี แต่ทำไมถึงได้สมองนิ่ม หรือสมองคิดได้แต่ว่าจะทำร้ายคนอื่นเขายังไง ด่าว่าคนอื่นเขายังไง โดยไม่ยอมมองดูว่าตัวเองทำผิดอะไรบ้าง เฮ้อ!! ทำไมถึงปัญญาไม่เต็มเต็ง ทำเรื่องไร้สาระอย่างนี้ก็ไม่รู้ น่าเบื่อจริง!”
“ว่าไงล่ะคุณ” ปกติเธอเป็นคนมีความอดทนสูง ไม่ว่าเจอเหตุร้ายแรงแค่ไหนก็รับและแก้ไขได้ทุกสถานการณ์ ทว่าอยู่กับผู้ชายคนนี้แล้ว...ไม่รู้ทำไมเธอถึงเหมือนถูกกระตุ้นเพลิงโทสะตลอดเวลา ทำอะไรก็เพลี่ยงพล้ำไปเสียหมด สติแทบไม่เหลือ ต่อมความอดทนต่ำจนเหลือติดลบศูนย์
“เรื่องอะไรล่ะ” ชายหนุ่มถามพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ชอบที่ได้เห็นอีกฝ่ายร้อนรนกระวนกระวายจนหาทางรับมือไม่ถูก นิ้วยาวเรียวลากไล้ผิวเนื้อนวลเนียนราวกับแพรต่วนเนื้อดี ไม่อยากยอมรับเลยว่าผิวเธอนุ่มลื่นน่าลูบไล้จริงๆ แล้วทรวงอกอิ่มไหวกระเพื่อมก็นะ...ทำให้เขาอยากสัมผัสลิ้มลอง ไม่แพ้กลีบปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อที่ขยับขึ้นลง
เขาไม่ค่อยสนใจผู้หญิงมือสองที่ใช้ร่างกายแลกสิ่งของที่ตัวเองต้องการสักเท่าไหร่ ไม่อยากตีตราประทับรอยใคร แต่กับผู้หญิงบางคน เมื่อเสนอตัวมา ไอ้เราจะไม่ตอบสนองความอยากให้หรือ อืม...อย่างนี้เขาก็เป็นคนใจดำนะซิ ไหนๆ เธอก็ยั่วเขาแล้วนี่น่า จัดให้หน่อยคงไม่เป็นไรน่า
“ตกลง คุณ...” จิ้มนิ้วยาวเรียวไปบนอกกว้างแรงๆ “จะเอายังไงกับฉันกันแน่...ไอ้คนเฮงซวย!” สายน้ำผึ้งเข่นเขี้ยวก่นถาม นัยน์ตาเริ่มลุกวาวเจิดจ้า นี่มันชักจะมากเกินแล้วนะ เห็นเธอเป็นอะไรกันแน่ ถามเรื่องงานทีไรก็หุบปากเงียบสนิท แค่นั้นไม่พอยังพาออกนอกเรื่อง ทำให้เธองุนงงและปวดสมองกับการต้องจับต้นชนปลายให้ติดอีก
มือเล็กยกขึ้นทาบบนขมับ เมื่อรู้สึกปวดศีรษะริ้วๆ ขึ้นมา ไหนท้องอีกที่ส่งเสียงร้องประท้วง ทำให้นึกขึ้นได้ว่ามัวแต่วิ่งวุ่นเรื่องของคนอื่น พอตักอาหารเข้าปากก็พอดีที่สายตาเหลือบไปมองนาฬิกามุมตรงมุมห้อง บอกต้องรีบทำเวลา เพื่อขับรถออกจากบ้าน ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันส่งเฌอเอมเข้างานอีก อาหารเช้าที่อีกฝ่ายทำให้เลยเป็นหมัน
“ไม่เอายังไง แค่อยากบอกให้รู้”
น้ำเสียงที่พูดเอื่อยเฉื่อยราวกับไม่สนใจอะไร ทว่าคนฟังกลับหนาวยะเยือกเข้าไปถึงหัวใจ ไหนมือใหญ่ที่เคลื่อนไหวอยู่บนเรือนร่างอีก ทำให้สายน้ำผึ้งคิดไม่ตก แก้ไขและรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เห็นเป็นสาวมาดมั่นอย่างนี้ แต่เธอไม่เคยมีประสบการณ์ใกล้ชิดกับผู้ชายอย่างแนบชิด พัดพาความรู้สึกแปลกประหลาดคล้ายอาการที่อยู่รายรอบร้อนหรือหนาวราวกับจับไข้ แต่บางครั้งก็เหมือนมีไฟลุกเรืองรองอยู่มาก่อนเลย
“ถ้าฉันทำอะไรรุนแรงไป ก็อย่าโทษใคร ให้โทษตัวเธอเอง ที่ไม่ยอมรับปากทำตามความต้องการของฉัน ก็เท่านั้นเอง!” ชายหนุ่มคลี่ปากแย้มยิ้ม ลูบไล้ปลายนิ้วบนลำแขนกลมกลึงและอย่างรวดเร็วที่ชายหนุ่มกระชากดึงเอาผ้าส่วนบนของกายสาวร่วงหล่นลงมาอย่างเร็ว ก่อนฝ่ามือร้อนผ่าวทาบทับเฟ้นคลึงปทุมถันกลมกลึงแทบเป็นขยี้