จากนั้นก็ขับรถออกเดินทางไปยังไร่ชาของตนที่อยู่ห่างไปประมาณสามสิบกิโลเมตร
“เอ่อ...หนูต้องทำอะไรบ้างคะ” ม่านรดาถามขึ้นหลังจากที่ อีกฝ่ายขับรถออกมาได้สักพัก
“หยิบมือถือของผมขึ้นมา แล้วกดต่อสายหาอีธาน” มักซิมิเลียนหันไปสั่งงานเลขาสาวด้วยสีหน้านิ่งๆ
“ค่ะ” ม่านรดาขานรับก่อนจะทำตามที่เจ้านายอย่างเป็นทางการบอก
ตู๊ด...ตู๊ด... เสียงรอสายดังขึ้นอยู่สองครั้ง ปลายสายก็กดรับ
[สวัสดีครับบอส] อีธานทักทายผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงสดใส
[ช่วยส่งไฟล์เอกสารการตรวจงานในไร่ชากับไร่กาแฟมาให้หน่อย] มักซิมิเลียนสั่งการคนสนิทอย่างไม่รอช้า
[บอสจะเอาไปทำอะไรครับ?] อีธานถามอย่างสงสัย
[จะเอาให้เลขาส่วนตัวคนใหม่] มักซิมิเลียนตอบพลางหันไปมองใบหน้างดงามของสาวข้างๆ
[บอสได้เลขาเมื่อไหร่ครับ]
[เมื่อวาน ช่วยบอกคุณนิดาด้วยว่ายกเลิกการรับสมัครให้หน่อย]
[ครับ เดี๋ยวผมจะส่งไฟล์ตัวอย่างของเอกสารให้ทางอีเมล]
[โอเค นายคุมงานที่บริษัทต่อไปยาวๆ แล้วกัน ช่วงนี้ฉันจะเข้าไปคุมงานในไร่]
[ครับบอส]
[แค่นี้แหละ] มักซิมิเลียนพยักหน้าให้เลขาป้ายแดงกดวางสาย
“เรียบร้อยค่ะ” ม่านรดากดวางสายเสร็จก็เงยหน้าขึ้นบอกเจ้านายอย่างรู้สึกตื่นเต้นนิดๆ
“เดี๋ยวรอเช็กอีเมลในมือถือของผม หากอีธานส่งมาก็ส่งต่อไปยังอีเมลของคุณได้เลย” มักซิมิเลียนบอกพลางจ้องมองท้องถนนเบื้องหน้า
“ค่ะบอส” เธอขานรับและทำตามทันที
“เรียกคุณเมสซี่ดีกว่า” มักซิมิเลียนเอ่ยแก้อย่างรู้สึกขัดใจนิดๆ
“ค่ะคุณเมสซี่” ม่านรดาเอ่ยเรียกเจ้านายใหม่อีกครั้งอย่างรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า
“ว่าแต่...แฟนของคุณไม่ว่าอะไรเหรอที่จะไปทำงานกับผม”
“หนูยังไม่มีแฟนค่ะ” เธอกลั้นใจตอบไปตามตรง
“จริงดิ สวยๆ แบบนี้ไม่มีใครมาจีบบ้างเลยเหรอ?” เขาถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ค่ะ” เธอพยักหน้ารับเบาๆ แม้ว่าจริงๆ แล้วจะมีอยู่คนหนึ่งที่เธอแอบคิดว่าเขาชอบเธอ แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดของเธอเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น เพราะเขาเป็นเสหมือนของที่อยู่สูง และเธอไม่มีทางจะ เอื้อมถึง
“เหลือเชื่อชะมัด” มักซิมิเลียนส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆอย่างชอบใจในคำตอบ
“เชื่อเถอะค่ะ หนูไม่ได้สวยขนาดที่จะทำให้ใครตกหลุมรักได้หรอก” เธอบอกเสียงอ่อน
“รู้อะไรไหม? ตอนแรกผมคิดว่าคุณเป็นเด็กสาวที่โลกสวย” เขาบอกพลางหันไปมองใบหน้างามครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองที่ถนน
“หนูโลกสวยจริงค่ะ เฉพาะบางเรื่อง เช่น สายลม แสงแดด ท้องฟ้า ทุ่งกว้าง แต่สำหรับผู้คน ทุกอย่างจะเดินอยู่บนหลักของเหตุและผลเสมอ” ม่านรดาเอ่ยแก้
“เช่น...?”
“มีเพื่อนสาวคนหนึ่งเข้ามาตีสนิทกับหนู เขาขอความช่วยเหลือมากมายในการทำรายงาน แล้วเขาก็ทำดีกับหนูมาก มากยิ่งกว่าพี่น้องร่วมสายเลือด และหนูก็คิดว่าเขาเป็นอย่างที่เขาแสดงออกจริงๆ แต่พอวันหนึ่ง...หนูบังเอิญไปได้ยินเขาพูดถึงหนูให้คนอื่นฟัง มันเหมือนเขาไม่ใช่คนที่หนูเคยรู้จัก มันฟังดูแย่มาก แย่จนรู้สึกได้ว่าจริงๆ เขาเกลียดหนู แต่ที่ทำดีด้วยเพราะผลประโยชน์เรื่องเรียน”
ม่านรดาเอ่ยพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อหวนนึกไปถึงอดีตเพื่อนสนิท ที่ตอนนี้กลายมาเป็นศัตรูอย่างเต็มตัว ทั้งใส่ร้าย ป้ายสี เรื่องนั้น เรื่องนี้ ตลอดเวลา จนเธอรู้สึกอยากจะย้อนเวลากลับไป แล้วขอไม่ข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องเสียความรู้สึกเหมือนเช่นตอนนี้
“แล้วจัดการกับเขายังไง” มักซิมิเลียนถามต่ออย่างอยากรู้
“ก็ปล่อยให้เขาพูดต่อไปจนจบค่ะ แล้วเดินจากไปเงียบๆ”
“แค่เนี้ยนะ?”
“แค่นั้นแหละค่ะ”
“ทำไมล่ะ น่าจะเดินไปแสดงตัวให้รู้ว่า เฮ้! ฉันก็อยู่ตรงนี้นะ” มักซิมิเลียนบอกอย่างไม่โอเค เพราะในชีวิตของเขาไม่เคยปล่อยผ่านเรื่องแบบนี้ไปเลยสักครั้ง ทุกอย่างต้องตาต่อตาฟันต่อฟันเสมอ
“ไม่ค่ะ เพราะหนูยังอยากจะเห็นเขาแสดงละครต่อ” ม่านรดาบอกสิ่งที่อยู่ในใจ
“อำมหิตใช่เล่นเลยนะเราเนี่ย” มักซิมิเลียนหัวเราะขึ้นเบาๆ อย่างชอบใจในคำตอบ
“ตั้งแต่นั้นมาหนูก็มักจะขีดเส้นกั้นกับเพื่อนๆ ทุกคนเสมอ เอาแค่พอดี มีเพื่อนเยอะ แต่ไม่สนิทกับใคร”
“ใช่ว่าคนทุกคนจะเป็นเหมือนกันไปหมดนะว่าไหม”
“มันก็ใช่ค่ะ หนูแค่ไม่อยากเสียความรู้สึกแบบนั้นอีก”
“ผมจะแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มข้างหน้า จะกินอะไรหน่อยไหม”
“เอ่อ...คุณอยากได้กาแฟสักแก้วไหมคะ” เธอถามความเห็น
“ขออเมริกาโน่เย็นแล้วกัน” มักซิมิเลียนบอกก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่เติมน้ำมัน
“ได้ค่ะ” ม่านรดาขานรับก่อนจะเตรียมลงจากรถ
“เดี๋ยวเอาเงินไปด้วย” เขารีบบอกพร้อมกับล้วงธนบัติส่งให้
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเกรงใจ
“รับไปเร็วยัยเด็กดื้อ” มักซิมิเลียนบอกด้วยสีหน้าตึงๆ
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ม่านระดารับเงินมาอย่างเสียไม่ได้
สิบนาทีต่อมา...หลังจากที่เติมน้ำมันจนเต็มถังมักซิมิเลียน ก็ขับรถไปจอดยังร้านกาแฟดัง เพื่อรอรับหญิงสาว อยู่ๆ ก็มีสายเรียกเข้าจากคนสนิท โทร. เข้ามา ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
[ว่าไง] มักซิมิเลียนเอ่ยถามทันทีที่กดรับสาย
[สะดวกคุยไหมครับ] อีธานเอ่ยถามเสียงอ่อน
[สะดวก ตอนนี้เธออยู่ในร้านกาแฟ ว่ามาได้เลย]
[บอสมั่นใจแล้วใช่ไหมครับว่าจะให้คุณม่านรดาเป็นเลขาส่วนตัว]
[มั่นใจสิ]
[แต่ผมว่ามัน...]
[ฉันคิดดีแล้ว นายทำงานของนายไป ทางนี้ฉันจะจัดการเอง อ้อ! อย่าบอกใครนะว่าฉันคุมงานอยู่ที่ไร่] มักซิมิเลียนรีบกำชับคนสนิท
[หมายถึงสาวๆในสต๊อกของบอสเหรอครับ] อีธานเอ่ยเย้า ผู้เป็นนาย
[ใช่] มักซิมิเลียนตอบพลางกลอกตาอย่างเซ็งๆ
[ได้ครับ ผมจะบอกว่าบอสไปดูงานที่ต่างประเทศแบบไม่มีกำหนด]
[ดีมาก แค่นี้นะเธอมาแล้ว] มักซิมิเลียนรีบกดวางสายทันทีที่เห็นหญิงสาวเจ้าเข้ามาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม จึงรีบเปิดประตูก้าวออกจากรถไปช่วยถือของ
“นี่กาแฟของคุณเมสซี่ค่ะ” ม่านรดาส่งแก้วกาแฟไปให้อีกฝ่าย
“นั่นอะไรเอ่ย?” มักซิมิเลียนรับแก้วกาแฟของตัวเองมาถือก่อนจะเอ่ยอย่างสงสัยเมื่อเห็นหญิงสาวหยิบบางอย่างออกมาจากถุงกระดาษ
“เคบับเนื้อค่ะ หนูเห็นมันน่าทานก็เลยซื้อมาด้วย” ม่านรดาบอกก่อนจะส่งไปให้เจ้านาย
“งั้นเราไปนั่งทานตรงนั้นดีไหม?” เขาชี้ไปยังโต๊ะที่ยังว่างอยู่
“ค่ะ” ม่านรดาพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะออเดินตามร่างสูงไปอย่างรู้สึกหิวนิดๆ
มักซิมิเลียนนั่งลงยังม้านั่งก่อนจะวางแก้วกาแฟเอาไว้ใกล้ๆ เช่นเดียวกับสาวเจ้า จากนั้นก็แกะเคบับเนื้อทานอย่างอารมณ์ดี “รสชาติใช้ได้นะ ตอนเรียนอยู่ที่ต่างประเทศผมกับเพื่อนๆ ทานกันบ่อยมาก”
“หนูเพิ่งจะเคยทานครั้งแรกค่ะ” ม่านรดาบอกก่อนจะแกะทานตามอย่างอยากจะรู้ในรสชาติ
“อร่อยไหม?” มักซิมิเลียนเมื่อเห็นสาวเจ้าทำหน้าฟินๆ หลังจากที่กัดทานไปได้สองคำ
“อร่อยค่ะ เมื่อกี้ระหว่างรอกาแฟหนูเปิดดูไฟล์งานแล้วนะคะ” เธอตอบก่อนจะชวนคุยเรื่องงาน
“เป็นไงบ้าง พอไหวไหม” มักซิมิเลียนยิงคำถามรัวๆ
“สบายมากค่ะ แค่ลงรายละเอียดตอนที่คุณเมสซี่ตรวจงานเหมือนกับในตัวอย่างที่ส่งมาใช่ไหมคะ”
“ใช่” มักซิมิเลียนพยักหน้ารับทันใด
“ไม่มีปัญหาค่ะ ว่าแต่...มีบ้านพักให้หนูใช่ไหมคะ”
“ไม่มี”
“อ้าว! งั้นหนูจะพักที่ไหนล่ะคะ”
“ก็พักที่บ้านของผมไง แบบ...อยู่ไปก่อน เพราะบ้านพักของคนงานตอนนี้เต็มหมดทุกหลัง” มักซิมิเลียนบอกด้วยสีหน้านิ่งๆ
“ค่ะ แต่คนงานจะไม่นินทาคุณเมสซี่เอาเหรอคะ ที่ให้หนูพักอยู่ด้วย” เธอถามอย่างรู้สึกเป็นกังวล
“ก็อาจจะมี แต่มันคงจะดีกว่า หากคุณต้องไปพักอยู่ท่ามกลางคนงานผู้ชาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโสดและเปลี่ยวมาก” มักซิมิเลียนข่มขวัญเลขาป้ายแดง
“แหม ฟังดูน่ากลัวจังเลยนะคะ”
“อยู่ใกล้ผม แล้วคุณจะปลอดภัยจากทุกอย่าง”
“ค่ะ” เธอขานรับก่อนจะหยิบแก้วกาแฟเสาวรสของตัวเองขึ้นมาจิบเบาๆ ก่อนจะทานเคบับต่อ
มักซิมิเลียนอมยิ้มบางๆ อย่างรู้สึกขำ เพราะในชีวิตไม่เคยนั่งทานอาหารกับสาวคนไหน ที่ม้านั่งข้างทางแบบนี้มาก่อน ท่าทีที่แสนจะเรียบง่าย ของสาวตรงหน้า ทำให้เขาไม่รู้สึกกระดากอายกับสายตาของผู้คนที่หันมามองอย่างให้ความสนใจ ใช่! ส่วนหนึ่งก็เพราะความสวย ของเธอ และอีกส่วนก็คงจะเป็นเพราะความหล่อของเขา ซึ่งมีบอดี้ที่ เพอร์เฟกต์เกินชายไทยทั่วๆ ไปนั่นเอง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...ไร่ชาดารัน
ม่านรดาที่มองต้นชาซึ่งถูกตกแต่งเป็นอย่างดีตลอดสองข้างทางอย่างรู้สึกทึ่งกับความงดงามเบื้องหน้า “สวยจังเลยค่ะ”
“วันนี้ไปพักและศึกษางานจากไฟล์ที่อีธานส่งมาก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าค่อยเริ่มทำงาน” มักซิมิเลียนบอกหลังจากที่เห็นสาวเจ้าเอาแต่หันมองทางซ้ายและขวาด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น
“ค่ะ” ม่านรดาขานรับอย่างปลื้มใจที่ได้มาเที่ยวชม ไม่สิ! ที่ได้มาทำงานในสถานที่ที่เฝ้าฝันถึงมาตลอดว่าวันหนึ่ง เธอจะได้มาวิ่งเล่นและชื่นชมไร่ชากับไร่กาแฟอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางไอหมอก ขุนเขาและแสงแดดอ่อนๆ
“คุณทำอาหารเป็นไหม?” มักซิมิเลียนถามก่อนจะเลี้ยวรถไปตามทางเข้า-ออกเฉพาะส่วนบุคคล (ทางไปบ้านพักที่อยู่บนเนินเขา ซึ่งสามารถมองเห็นวิวในไร่ชาได้ทั่วทั้งหมด)
“เป็นค่ะ” ม่านรดาพยักหน้ารับอย่างอายๆ
“เยี่ยม แม่ครัวของผมเพิ่งจะลาออกไป” มักซิมิเลียนบอกยิ้มๆ อย่างเข้าทาง ไม่ได้คาดหวังให้อีกฝ่ายทำอาหารเลิศหรูอะไรมากมาย แค่อาหารเมนูง่ายๆ ก็โอเคแล้ว