ทันทีที่ได้ยินรายงานจากบ่าวหัวคิ้วของเฉิงซือห้าวขมวดคิ้วดกดำของตนเข้าหากันจนเกือบแน่นก่อนจะคลายออก พยักหน้าเบาๆ พึมพำว่าอย่างนั้นคงเป็นนางสนมในวัง
แล้วอย่างไร
หากตนจะรับเข้าสกุลก็มิน่าเป็นเรื่องยากเย็น
“นั่น ๆ เจ้าได้ยินเหมือนข้าหรือไม่”
นางกำนัลผู้หนึ่งสะกิดเพื่อนร่วมทางที่เดินผ่านตำหนักร้างด้วยกันให้หยุดฟังเสียงที่ผ่านเข้ามาในหูขณะเดินกลับไปยังหอนอนของพวกตน
“ข้าไม่ได้ยิน เจ้านะเจ้า เหตุใดต้องถามตอนที่เราเดินผ่านตำหนักนั่นด้วย ข้ายิ่งกลัวอยู่”
“ใช่เสียงพระสนมที่ว่ามีคนลือนั่นใช่หรือไม่”
“นางเป็นใครหรือ” นางกำนัลที่เพิ่งเข้าวังมาใหม่เข้ามาสะกิดถามอย่างอยากรู้อยากเห็น คนอยู่ก่อนมองตากันแล้วก็มองไปรอบข้างเห็นว่าไม่มีผู้ใดก็ดึงเข้ามาใกล้ตัวแล้วเล่าสิ่งที่ได้ยินมาอีกทอดหนึ่งให้ฟัง
“นางเคยเป็นสนมที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กขององค์ฮ่องเต้หลี่ไห่ถัง”
คนที่พอรู้เล่าแล้วหยุดไปครู่ก่อนเปิดปากเล่าต่ออย่างที่ตนเคยได้ยินมา
“ใครต่างก็คิดว่านางจะต้องได้อภิเษกสมรสกับองค์ฮ่องเต้ แล้วก็มีองค์ชายสืบทอดตำแหน่งรัชทายาท แต่เจ้ารู้หรือไม่ หลังจากนางตั้งครรภ์และอุ้มท้องจนผ่านเวลาเหนื่อยยาก แต่นางกลับคลอดออกมาเป็นธิดา ซ้ำร้ายยังถูกจับได้ด้วยนะว่านางไม่ได้อุ้มท้องเลือดเนื้อของมังกร แต่นางลอบคบชู้ ชู้นั่นไม่ใช่ใครอื่นคือแม่ทัพคนก่อนนั่นไง”
“แล้วอย่างไร เป็นอย่างไรต่อ เล่ามาอีก”
“นางจำนวนด้วยหลักฐานแล้วก็ถูกโบยด้วยไม้จนเนื้อที่หลังแตกเลือดอาบเต็มลาน ก่อนจะถูกพาตัวไปขังไว้ที่คุกเย็น นางร้องโหยหายตลอดทั้งวันแล้วก็พึ่งตายเมื่อไม่นานนี่เองนะ”
“ใช่อย่างที่ข้าเคยได้ยินใครพูดกันว่านางท้องพร้อมกับองค์ฮองเฮาหลี่จื่อเหยา ใช่ผู้นั้นหรือไม่”
“ใช่ ผู้นั้นแหละ เจ้าอย่าได้ปากมากไปล่ะ”
“ฮองเฮาเสด็จ”
เสียงแหลมตะโกนมาตามทางทำเอาวงของนางกำนัลกลุ่มนั้นแตกฮือออกราวกับแมลงแตกรังก่อนจะก้มหมอบลงที่พื้น รอจนขบวนขององค์ฮองเฮาเดินผ่านหน้าไปก็ค่อยก้มหน้าเดินกลับไปยังที่พักของตน
เสียดายที่หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ร่างงามสง่าของฮองเฮาหลี่จื่อเหยาเอียงหน้าลงฟังคำของนางกำนัลข้างกายที่บังเอิญผ่านไปได้ยินเรื่องพวกนั้นเข้าพอดี นางค่อยๆเชิดใบหน้างามหยดนั้นขึ้น
“โบยพวกปากมากนั่นแล้วไล่ออกไปจากวัง”
นางกำนัลที่นำความกล่าวทูลน้อมรับทันที “เพคะ”
“ถ้ายังมีใครพูดเรื่องนี้อีกก็ทำให้มันหายตัวไปให้หมด อย่าทิ้งร่องรอยให้ใครตามเจอ แล้วก็อย่าให้มีหน้าไหนมาปากมากได้อีก”
หลังจากสั่งการออกไปแล้วหลี่จื่อเหยาก็ตรงไปยังตำหนักทางทิศเหนือ สายตาของนางทันได้เห็นพระสนมซิ่วหรงออกมาจากตำนักของสวามีเข้าพอดีก็มองนิ่ง รอจนอีกฝ่ายคำนับนางแล้วก็พยักหน้าเบาๆ ข่มอารมณ์ริษยาที่เดือดพล่านในใจจนมันมั่นคงดีแล้วถึงได้ก้าวเดินไปยังเบื้องหน้าต่อจากนั้น
“ฮองเฮาเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”
หลิวกงกงเข้ามาทูลความกับองค์ฮ่องเต้ที่ด้านใน หลี่ไห่ถังวางม้วนฎีกาเก็บก่อนตอบออกไปว่า “ให้เข้ามาได้”
แทบไม่ต้องรอนาน ทันทีที่กล่าวอนุญาตว่าเข้ามาได้ ร่างงดงามของฮองเฮาหลี่จื่อเหยาก็มาปรากฏโฉมที่โต๊ะทรงงานของฮ่องเต้หลี่ไห่ถัง
“จริงเท็จเพียงใดเพคะที่ทูตแคว้นฉู่ต้องการสานสัมพันธ์กับเรา”
“สตรีอย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับราชกิจ”
ฮองเฮาจื่อเหยาหาได้สนใจนางเดินเข้ามาบีบแขนสามีอย่างเอาใจแล้วเอ่ยไปว่า “หากจริง ยิ่งต้องสนองความต้องการของทางนั้น จะปล่อยให้เป็นเรื่องบาดหมางมิได้นะเพคะ”
ฮ่องเต้ไห่ถังมิได้ตอบ
“ปีนี้เยี่ยนถิงเลยวัยแต่งงานมาก็มากแล้ว หม่อมฉันเพียงแต่คิดห่วงใยนาง ขอเพียงฮ่องเต้เมตตานางบ้างที่ไร้แม่ดูแลมาแต่เล็ก มองหาชายดี ๆ สักคน หรือไม่ก็สมควรส่งนางไปที่แคว้นฉู่ดีหรือไม่เพคะ มีแต่ได้กับได้ มิได้เสียตรงไหนเลย”
สายตาเรียบนิ่งของฮ่องเต้ ไม่มีเสียงตอบกลับมาอย่างใด หลี่จื่อเหยาจึงกล่าวต่อ
“ตอนที่หม่อมฉันตรงมาที่นี่ บังเอิญได้ยินเหล่าขุนนางคุยกันถึงความสามารถของแม่ทัพจางว่าทั้งฉลาดและกล้าหาญ เก่งวางแผนกลศึกตั้งแต่อายุยังน้อย” นางเหลือบมองสามีก่อนเอ่ยต่อด้วยเสียงเนิบนาบ “นี่ก็เห็นว่าปราบโจรภูเขาได้แล้วเพียงไม่กี่วันเท่านั้น มิสู้องค์ฮ่องเต้มอบความดีความชอบให้แม่ทัพจาง ดีหรือไม่เพคะ”
“เราจัดการเรื่องนั้นอยู่แล้ว ฮองเฮาอย่าได้กังวลไป”
“หม่อมฉันย่อมต้องกังวลสิเพคะ เกรงว่าพระองค์จะมอบรางวัลให้แม่ทัพจางไม่เหมาะสม”
ฮ่องเต้หลี่ไห่ถังมองฮองเฮาด้วยสายตาว่าให้นางพูดมาให้จบ เมื่อเห็นสัญญาณว่าให้พูดได้ หลี่จื่อเหยาจึงพูดไปว่า
“อย่างนั้นแล้วก็ทรงมอบการอภิเษกสมรสระหว่างแม่ทัพจางกับเหลียนฮวาด้วย ไม่ดีหรือเพคะ”
“ฮองเฮาความคิดของเจ้าดีนี่ ดีมาก ดีมากๆ”
ฮ่องเต้กล่าวชมไม่หยุดปากเมื่อได้ยินว่าควรให้แม่ทัพเอกแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวเสียที
แล้วจะดีเพียงใดหากฮูหยินของจางซงหยวนคือธิดาของตน
องค์หญิงเจ็ดงดงาม หาผู้ใดเปรียบได้ในใต้หล้า เหมาะสมยิ่งนักหากได้ครองคู่กับจางซงหยวน
เจ้านั่นหัวดื้อนัก หากได้เมียสักคน รับรองได้ว่าต้องอ่อนข้อลงกว่านี้ ควบคุมได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน แล้วจึงเรียกให้หลิวกงกงเข้ามา สั่งให้จัดการ เตรียมการเรื่องนี้ต่ออีกทอดหนึ่ง สั่งให้ม้าเร็วออกไปส่งข่าวตามแม่ทัพจางซงหยวน หากกลับมาถึงก็ให้เรียกตัวเข้าเฝ้าในทันที
จางซงหยวนมองออกไปยังทหารนายกองภายในค่ายที่ดื่มกินฉลองชัยหลังจบศึกปราบโจรภูเขาเมื่อเช้าวานนี้ แต่ในหัวของเขากลับหวนคิดถึงร่างเล็กบางที่เขาพานพบนางในค่ำคืนวันนั้น
เรื่องสาส์นเขารู้ข่าวนี้มาแล้วจากสายสืบ ไม่คิดว่าจะเป็นองค์หญิงสามที่ถูกใช้ให้เป็นผู้ส่งสาส์น ทันทีที่ได้พบ เขาจึงชิงเอาสาส์นนั่นมาไว้กับตัว แล้วความถือเอาความดื้อเงียบของนางเป็นคำตอบ นำพาองค์หญิงหลี่เยี่ยนถิงไปที่จวนของเขา
นางดิ้นรนสู้เขาสุดกำลังก่อนจะหมดสติไป เขาจึงให้คนช่วยดูแลที่ในห้องพักภายในจวน แล้วให้คนนำสาส์นไปส่ง ตั้งใจจะกลับเข้าจวน กลับมีราชโองการเป็นคำสั่งจากฮ่องเต้ให้ออกเดินทางไปปราบโจรภูเขาภายในคืนนั้น
ร่างในชุดดำขี่ม้าฝุ่นตลบลงมาจากหลังม้าส่งมอบของที่ได้รับคำสั่งให้หามาให้ แล้วถึงได้กล่าวรายงานความเคลื่อนไหวของผู้คนที่เขาให้คอยเฝ้าติดตาม ตั้งแต่สนมคนใหม่ขององค์ฮ่องเต้ องค์ชายห้า จนไปถึงองค์หญิงสาม
เรื่องราวถูกถ่ายทอดออกจากปากอย่างละเอียด เนื้อความที่พูดคุย เรื่องราวทั้งหลายล้วนทยอยเข้าหูของจางซงหยวนทีละเรื่อง
จางซงหยวนฟังถ้อยคำจากผู้ติดตามที่ให้คอยเฝ้าองค์หญิงหลี่เยี่ยนถิงแล้วเงียบไปอึดใจ
“นานเพียงใด”