7

1310 Words
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น” หลี่หยางหยางตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่นแบบที่เขามักทำเสมอหากต้องพบหน้าผู้คน แต่เมื่อกลับเข้าตำหนักของตนใบหน้าเช่นนั้น รอยยิ้มอย่างที่ปั้นแต่งก็ค่อย ๆ จางหายไป ตนเพียงต้องการเป็นรัชทายาท ต้องการเป็นมากกว่านั้น เพราะมั่นใจว่า “น้องสามเกิดมาก็ไม่มีใครคอยดูแล โตมากับสาวใช้เบื้อใบ้นั่น แม่ยังถูกกล่าวหาว่าลักลอบมีชายชู้ มิสู้นางเถียงสุดใจแต่ก็ถูกจับได้ว่าเป็นเรื่องจริง เสด็จพ่อจึงได้ขังนางไว้ในคุกจนกลายเป็นบ้าแล้วก็ตายไปเหมือนหมาตัวหนึ่ง นอกจากเรา ใครจะให้ข้าวให้อาหารน้องสาวได้อย่างเรา” “กระหม่อมได้แต่หวังว่าองค์หญิงสามจะรักษาความโง่เอาไว้แบบนี้ให้นาน ที่สำคัญต้องไม่แปรพักตร์เป็นอันขาด” “น้องสามจะแปรพักตร์ไปหาผู้ใดในเมื่อเราคอยดูอยู่แบบนี้” เฉินเสี่ยวหมิงสบจังหวะเหมาะรีบพูดออกไป “มีคนพบว่าองค์รัชทายาทเคยให้คนนำเนื้อสัตว์และผักไปให้องค์หญิงสามเมื่อหลายวันก่อนพ่ะย่ะค่ะ” “แค่ผักแค่เนื้อ แน่จริงก็ให้มากกว่านั้นเถอะ เราเลี้ยงน้องสามมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่ผักแค่เนื้อที่เราให้ จะมีใครให้มากกว่าเราอีกอย่างนั้นหรือ คิดจะเอาน้องสามไปใช้งานต้องผ่านเราไปก่อน” หลี่หยางหยางบอกด้วยน้ำเสียงหมายมาด “เกิดก่อนแล้วอย่างไร ต้องเกิดก่อนเท่านั้นหรือจึงได้ครองแผ่นดิน” ไม่นานเกินรอ อำนาจทั้งหมดจะอยู่ในมือขององค์ชายอย่างข้า ฮ่องเต้หลี่ไห่ถังผู้เป็นบิดาไม่เคยไว้ใจข้าเลย สายตามองเห็นแต่บุตรที่เกิดก่อนและแต่งตั้งเป็นรัชทายาท หลี่หยางหยางยืนนิ่งนึกถึงภาพฝันอยู่ครู่ค่อยเดินหายเข้าไปภายในห้อง ตรงไปยังนางสนมที่เปลือยกายรอคอยอยู่บนเตียง หลังจากนอนคิดอยู่สองวันสองคืนเต็ม หลี่เยี่ยนถิงก็ตัดสินใจใช้เส้นทางเดิม เพื่อออกไปยังด้านนอกวังอีกครั้ง นางตรงไปยังตลาดขายเครื่องเย็บปักผ้า ด้าย ไหม ผ้าหลากสีสันล้วนวางอยู่เต็มหน้าร้านสวยงามไปหมด นางมาเพื่อหาดูของมาปักผ้าชิ้นสวยสักผืน ประจวบเหมาะเหลือเกินที่นางได้ผ้าหลายผืนมาจากพี่ห้า เสียดายแต่ว่าขาดอุปกรณ์ที่จะปักผ้าชิ้นงามอีกหลายอย่าง ร้านขายผ้าที่นอกรั้ววังมีหลากหลาย หลี่เยี่ยนถิงมองแล้วก็เข้าออกถามอยู่หลายร้าน จนในที่สุดนางตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านเล็กๆร้านหนึ่งที่นางเดินผ่านไปแล้วสองรอบ ทันทีที่เถ้าแก่ร้านนั้นเห็นนางก็ตรงเข้ามาถามต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี “สนใจชิ้นไหนหรือขอรับคุณหนู” ปากถามตาก็มองนางอย่างสำรวจไปในที หลี่เยี่ยนถิงมองของในร้านที่นางคิดว่าจะใช้กับผ้าที่ได้มาจากพี่ห้า ก็ค่อยถามเถ้าแก่เจ้าของร้านไป “ที่ร้านมีด้ายสีทองหรือไม่” นางถามหาด้ายและของปักที่ต้องใช้ตกแต่งชิ้นผ้าอยู่ห้ารายการเมื่อได้ตามที่ต้องการแล้วก็รีบเก็บของที่ได้มาไว้กับตัวอย่างดิบดี ตั้งใจว่าจะรีบกลับ เพื่อที่จะได้ปักผ้าให้เสร็จทันวันคล้ายวันเกิดของท่านลุง แต่แล้วก็ชนเข้ากับร่างสูงสง่าของชายคนหนึ่งเข้าเสียก่อน นางไม่กล้ามองใครด้วยซ้ำ รีบก้มหน้าขอโทษเขาแล้วตั้งท่าจะเดินจากไปแต่แล้วกลับถูกพัดรูปทรงสวยงามขวางหน้าไว้ ทั้งยังถูกดึงข้อศอกข้างหนึ่งเอาไว้อีกต่างหาก “คุณหนูจากสกุลใด ท่านทำของหล่น” หลี่เยี่ยนถิงเม้มปากน้อยๆ มองของในมือของอีกฝ่ายพบว่าเป็นปิ่นหยกแกะสลักลวดลายเล็กน้อย ดูสวยงามอ่อนช้อยดี แต่นั่นไม่ใช่ของนาง จึงแย้งเสียงเบาตอบไป “ท่านคงเข้าใจผิดแล้ว นั่นไม่ใช่ของเรา” นางตอบแล้วรีบหันหลังเดินจากชายผู้นั้นไป มิวายที่ชายผู้นั้นจะเดินตามนางมาอีก อีกฝ่ายกวาดสายตามองสำรวจด้วยสายตาแพรวพราวเจ้าชู้ “มิใช่คุณหนูจากสกุลถังหรอกหรือ” หลี่เยี่ยนถิงไม่ได้ตอบ ไม่มีใครให้ความสนใจนางเช่นนี้มาก่อน เมื่อเห็นแล้วว่านางคงเดินไปตามทางนี้ไม่ได้อีกเป็นอันขาดหากยังมีคนตามมาอยู่อย่างนี้จึงเดินเลี่ยงไปยังอีกทาง แต่แล้วชายผู้นั้นก็ยังคงเดินตามนางไม่เลิกรา “ไม่มีสาวใช้คอยติดตาม มิใช่ว่าแอบออกมาจากบ้านโดยไม่บอกใครหรอกหรือ” “มะ ไม่ เราไม่...” องค์หญิงสามตกใจกับคำพูดสันนิษฐานของชายผู้นั้น แม้นางจะไม่ใช่องค์หญิงสูงศักดิ์ ควรค่าแก่การนับถือของชาวบ้านชาวช่อง แต่นางก็ยังเป็นองค์หญิง นางพึมพำเบาๆ หน้าออกร้อนเล็กน้อยก่อนเงยหน้าขึ้นเมื่อเขาตรงมาขวางที่ทางด้านหน้า “ไม่ยอมตอบ” “คุณชายขอรับ” เสียงเรียกหาดังมาถึงก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งกระหืดกระหอบมาถึงเสียอีก ชายผู้นั้นหันไปมองชั่วขณะพลางถามอย่างหงุดหงิดใจที่ถูกขัดจังหวะป้อยอคุณหนูแปลกหน้าที่ตนกำลังให้ความสนใจอยู่ในตอนนี้ “มีอะไรก็รีบพูดมา” หลี่เยี่ยนถิงอาศัยที่มีคนเข้าไปคุยทักชายผู้นั้นเข้าพอดี นางจึงได้หลีกเร้นหนีออกมาได้แบบเฉียดฉิว “ผ้าและเครื่องประดับที่ส่งมาทางเรือส่งมาถึงแล้วนะขอรับ” “เรื่องเท่านี้จะต้องมารายงานด้วยหรือ แล้วมีเรื่องใดอีก” ชายผู้นั้นเป็นถึงบุตรชายคนโตของพ่อค้าที่รวยที่สุดของเมืองหลวงนามว่า ‘เฉิงซือห้าว’ ส่งเสียงรำคาญใจ พอหันไปมองทางหญิงที่ตนสนใจเมื่อครู่ก็เห็นเพียงชายผ้าไหวๆ หายไปตามตรอกเสียแล้วจึงลนลานชี้มือบอกบ่าวให้ตามไป “เจ้าไปตามดูให้ข้าว่ามาจากสกุลใด จะได้ให้แม่สื่อตามไปทาบทามสู่ขอ” “ขอรับ” แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าให้ตามข่าวของสหายรัก อีกฝ่ายกลับไม่ยอมรายงานตนจึงยกพัดในมือขวางหน้าคนรับใช้แล้วถามเสียงร้อนรนไปออกไป “แม่ทัพจางจะได้กลับเข้าเมืองหลวงเร็ววันนี้หรือไม่” “บ่าวยังไม่ได้ยินว่ากลับในเร็ววันนี้นะขอรับ” “อย่างนั้นก็รีบส่งข่าวไป บอกว่าให้รีบกลับ ข้าเจอหญิงงามที่อยากแต่งด้วยแล้ว สหายรักของข้าต้องหยุดรบ หยุดทำศึกก่อน เพื่อจะได้มางานแต่งของข้าเสียก่อนจึงค่อยกลับไปทำศึกต่อ” “เป็นคุณหนูเป็นจากสกุลใด เรายังไม่รู้เลยนะขอรับ” “เห็นเพียงหน้าก็พอ เมืองหลวงเล็กเท่านี้ไม่นานข้าต้องรู้จนได้ว่าเป็นคุณหนูบ้านไหน จากสกุลใด รีบตามนางไป!” มิวายที่เฉิงซือห้าวสั่งเสียงร้อนรนบอกบ่าวผู้นั้น ได้ยินเจ้านายสั่งก็วิ่งตามไปอย่างไว ทันได้เห็นหญิงงามที่นายของตนสนใจหายไปยังเส้นทางเล็กๆที่เป็นทางเข้าไปในวังหลวงพอดิบดีก็ไม่ได้ตามไปอีก ทันทีที่ได้ยินรายงานจากบ่าวหัวคิ้วของเฉิงซือห้าวขมวดคิ้วดกดำของตนเข้าหากันจนเกือบแน่นก่อนจะคลายออก พยักหน้าเบาๆ พึมพำว่าอย่างนั้นคงเป็นนางสนมในวัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD