5

1370 Words
ดีอย่างแน่นอน สาส์นนั่นกล่าวถึงสิ่งใดกัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์ชายห้าไหว้วานให้นางทำเรื่องทำนองนี้ พี่ห้าอาศัยที่นางรู้ช่องทางหลบหลีกออกไปยังด้านนอกและไม่ใคร่มีผู้ใดรู้จักหน้าค่าตานางมากนัก ต่อให้รู้จักก็หาได้สนใจนางไม่ องค์หญิงหลี่เยี่ยนถิงกำลังจะอ้าปากเอ่ยไปว่านางทำไม่สำเร็จ แต่แล้วกลับถูกพี่ชายตรงเข้ามาหาแล้วยกมือกุมไหล่ทั้งสองข้างของนาง พร้อมชมไม่หยุดปาก “น้องรัก เจ้านำสาส์นไปส่งได้ทันกาลพอดี ไม่เสียแรงที่รักและไว้ใจ” หลี่เยี่ยนถิงกะพริบดวงตาด้วยอาการงุนงง กล่าวถามย้ำเสียงแผ่วเบา ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “อะ อะไรนะเพคะ” “สาส์นที่พี่ให้เจ้านำไปส่งอย่างไรเล่า เจ้านำไปถึงทันกาล หากไม่มีเจ้าคงแย่ หมอท่านนั้นเก่งมาก หากไม่ได้เจ้าช่วยพี่คงแย่ ขอบใจเจ้ามากนะน้องสาม” “ทันกาลอย่างนั้นหรือเพคะ” องค์ชายยังกล่าวชื่นชมไม่หยุดปาก หลี่เยี่ยนถิงย่อตัวลงถวายคำนับต่อองค์ชายผู้พี่เพื่อรับคำขอบคุณจากอีกฝ่าย ก่อนที่พี่ชายจะเข้ามาดึงตัวนางขึ้นอย่างนุ่มนวล “ส่วนเรื่องข่าวไม่ดีของเจ้าก็อย่าได้กังวลใจเกินไป พี่จะช่วยปิดปากพวกที่มันพูดมากพวกนั้นเสียให้สิ้น” “ขอบพระทัยเสด็จพี่” “เอาเถิดๆ จะต้องมาขอบใจอันใดกันนักหนา เราพี่น้อง ยุ่งยากไปไยกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้” องค์ชายห้ามองนางด้วยสายตาอบอุ่นพร้อมชมเชยนางไม่หยุดปาก ก่อนจะให้คนยกอาหารสดและอาหารที่ปรุงไว้จนเย็นชืดหมดแล้ว ขณะรอนางกลับเข้ามาที่ตำหนัก ไหนจะยังมีผ้าทออย่างอีหลายผืนกับเครื่องประดับอีกหลายหีบวางลงให้นางก่อนพากันจากไป สาส์นนั่นไปถึงผู้รับได้อย่างไร ในเมื่อจางซงหยวนช่วงชิงเอาไปจากนาง ท่านแม่ทัพผู้เลื่องชื่อลือนามช่วยส่งสาส์นนั่นให้ผู้รับอย่างนั้นหรือ เขารู้ได้อย่างไรว่านางจะไปส่งให้ผู้ใด และไปส่งยังที่แห่งหนไหน มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเขาพูดจาวางท่า วางอำนาจใส่นางว่าจะนำสาส์นนั่นถวายเสด็จพ่ออยู่เลย หลี่เยี่ยนถิงคิดอยู่เป็นนานก็ยังไม่ได้คำตอบให้ตนเองจวบจนเย็นของวันนั้น นางจึงนึกขึ้นได้เมื่อเห็นข้าวของของพี่ห้าวางขวางที่หน้าตำหนักร้าง จึงสั่งให้สาวใช้เพียงคนเดียวจัดการข้าวของที่องค์ชายห้านำมาให้เอาไปเก็บยังด้านใน จนเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้ว ทางนั้นก็ทำมือไม้ชี้ไปยังฟืนที่อยู่ทางด้านหลัง ตรงนั้นเหลือท่อนฟืนไม่กี่ชิ้น เพราะต้องเอามาทำเป็นเชื้อเพลิงปรุงอาหาร ไหนจะเอามาต้มน้ำเพื่อใช้ชำระล้างหน้าและอาบอีกด้วย หากหมดไม่มีเลยสักชิ้นพวกนางคงลำบาก จึงพยักหน้าตอบรับไป สาวใช้ใบ้ผู้นั้นจึงอ้อมไปที่ลานฟืนที่ด้านหลังของตำหนักท้ายวังอีกทอดหนึ่ง หลี่เยี่ยนถิงรอจนสาวใช้ใบ้กลับมาแล้วค่อยออกไปรอฟังเสียงนกร้องตรงจุดเดิม อย่างที่นางเคยทำเสมอ เงาดำร่างหนึ่งเคลื่อนตามหลังของนางไป พร้อมด้วยเสียงถามเสียงหนึ่งแหวกเสียงลมพัดเข้ามาในโสตประสาทของนาง “เจ้าหายไปไหนมาทั้งคืนจวบจนเช้า จนบ่ายก็ยังไม่กลับเข้าวังมาอีก” องค์หญิงหลี่เยี่ยนถิงนิ่งไปเพียงลมหายใจเข้าออกเดียวเท่านั้นค่อยหันไปยังเจ้าของเสียงถามนั้น ที่แท้เป็นขององค์ชายจิ้นหยาง องค์ชายในลำดับที่สามที่มาพร้อมองค์หญิงเหลียนฮวาหรือองค์หญิงเจ็ดกับองค์หญิงไป๋ฮวาหรือที่เรียกกันว่าองค์หญิงสิบเอ็ด ทั้งสามคือบุตรธิดาของอดีตฮองเฮาหลี่ซือหย่าที่สวรรคตไปเพียงสองปี แล้วก็มีการแต่งตั้งฮองเฮาองค์ใหม่นั่นคือฮองเฮาหลี่จื่อเหยา องค์หญิงและองค์ชายทั้งสามพระองค์มาพร้อมเพื่อนของนางที่มักคบหาธิดาของเหล่าเสนาบดีขุนนางชั้นสูงเสียเป็นส่วนใหญ่ หากจะเป็นคนธรรมดาก็ต้องเป็นวาณิชชนิดที่ร่ำรวยมาก ๆ เพียงเท่านั้น สายตาของหลี่เยี่ยนถิงนิ่งเรียบจะว่าไร้อารมณ์ก็ว่าได้ นางหลุบสายตาของตนลงมองพื้น ยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงหวานขององค์หญิงเจ็ดก็ดังขึ้น “หากเสด็จพ่อรู้เข้าว่าพระธิดาของท่านหายออกไปจากตำหนักบ่อยครั้ง บ้างก็หายไปทั้งวันทั้งคืน ไม่แน่ว่า…” “ไม่แน่ว่าอะไรอย่างนั้นหรือเพคะ” หลิวอี๋ซิน บุตรสาววาณิชที่เพิ่งได้เข้าวังครั้งแรกเพียงถวายเครื่องประดับล้ำค่าหายากให้องค์หญิงทั้งสองพระองค์ รีบเอ่ยถามอย่างรู้จังหวะข่มผู้อื่นเป็นอย่างดี องค์หญิงเจ็ดได้ทีก็ยิ้มแล้วตอบเป็นการกระทบทีเดียวได้สองคนในคราเดียวไปเลย “ก็ไม่แน่ว่าคงหาพวกวาณิชแก่ๆที่รวยหน่อยแต่ไร้เกียรติแล้วจับแต่งออกไปให้พ้นวังน่ะสิ” หลิวอี๋ซินหน้าเจื่อนไม่น้อยเมื่อได้ยินถ้อยคำขององค์หญิงเจ็ด ฟังไม่ผิด จับความหมายไม่ผิด อีกฝ่ายต้องการพูดข่มตนเช่นกัน ไม่น่าเลย ไม่น่าเปิดช่องให้พวกนางเหล่านี้ แต่ให้ทำอย่างไรได้ อยากคบค้ากับองค์หญิงองค์ชายเหล่านี้ก็ต้องยอมกดหัวตัวเองลงต่ำยอมให้พวกนางหน่อยจะเป็นไรไป เสียงหัวเราะขององค์หญิงสิบเอ็ดดังขึ้นอย่างสะใจก่อนพูดออกไปบ้าง “เสด็จพ่อคงไม่สนใจหรอกว่าจะหายไปไหน หรือไปกับผู้ใด” “สี่จรรยาที่พระองค์เพิ่งเรียนไปเมื่อเช้า องค์หญิงไม่ได้ขาดเพียงงานบ้านงานเรือน แต่มธุรสวาจาก็ยังขาดข้อนี้อีกด้วย” เสียงทุ้มกล่าวท้วงดังมาจากทางด้านหลังขององค์หญิงหลี่เยี่ยนถิง ทั้งหมดนิ่งไป จะมีก็แต่องค์หญิงเจ็ดเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นที่หาได้สนใจฟังคำกล่าวนั่น หลี่เหลียนฮวาชี้นิ้วไปยังคนผู้นั้นพร้อมใบหน้าสวยบิดเบ้ร้องเสียงดังขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ท่าน! นี่ท่านกล้าอย่างนั้นหรือ!” ร่างสูงงดงามของเจียวต้าหลิงเข้ามาตรงหน้าองค์หญิงสิบเอ็ดก่อนถวายคำนับเคารพนางตามฐานะศักดิ์ของราชนิกุล “เอาล่ะๆ พูดจาข่มผู้อื่นแล้วกลับไปยังตำหนักเถอะ ทบทวนโคลงที่กระหม่อมถวายไปให้ดี ถึงคราวต้องสอบหากไม่ได้อีก รอบนี้คงต้องทูลให้ฮ่องเต้หาอาจารย์คนใหม่มาสอนพวกท่าน” “ข้าจะฟ้องเสด็จแม่” “กระหม่อมน้อมรับที่เป็นอาจารย์ไม่ดีพอจะสั่งสอนองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ” หลี่เยี่ยนถิงมองขบวนหญิงงามที่พากันเคลื่อนย้ายผ่านหน้านางไปแล้วค่อยหันมายิ้มให้ชายตรงหน้านางด้วยสายตาขอบคุณ ก่อนถอนลมหายใจออกมายาวเลยทีเดียว แล้วคำนับอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะถวายคำนับนางเสียอีก “ขอบคุณอาจารย์เจียวต้าหลิง” นางเรียกชายที่เป็นบุตรคนเดียวของท่านราชครูด้วยน้ำเสียงเลื่อมใส นางไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนเหมือนองค์ชายองค์หญิงในวัง เพียงเพราะนางคือตัวกาลกิณี ไม่เหมาะที่จะได้รับความรู้ จะฆ่านางให้ตายก็ไม่ฆ่า อาหารการกินหากไม่ได้พี่ห้านางคงอดตายไปแล้ว หลี่เยี่ยนถิงแอบไปฟังเจียวต้าหลิงสอนหนังสือบ่อย ๆ นางอยากอ่านออก อยากเขียนหนังสือได้ ครั้งที่นางไปแอบฟังพวกองค์ชายองค์หญิงพี่น้องของนางล่ำเรียนกันอยู่นั้นก็บังเอิญถูกพี่หกจับได้แล้วก็ลากนางออกมาจากที่ซ่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD