1

1339 Words
ปิ่นหยกที่สลักลายแบบง่าย ๆ ชิ้นนั้นบนเส้นผมดำเงาของร่างเล็กเสื้อผ้าเก่าเหม็นอับคือสมบัติล้ำค่าชิ้นเดียวที่นางมี กระนั้นกลับดูไร้ค่าในสายตาองค์หญิงองค์อื่น ๆ รวมถึงองค์หญิงสี่และองค์หญิงเจ็ดอีกด้วย “ไหนใครพูดว่าพี่สามมิได้เป็นที่รักของเสด็จพ่ออย่างไรล่ะ เหตุใดนางจึงมีปิ่นสวยเช่นนั้นเป็นของขวัญด้วย” “เจ้าต้องอิจฉาไปไย ข้ามองจากตรงนี้ก็รู้ว่าปิ่นนั่นไร้ราคา” คนพูดกล่าวจบก็ดึงเอาแขนน้องสาวให้ก้าวไว ๆ เดินตามหลังไปแล้วช่วยกันดันร่างเล็กที่มีปิ่นหยกชิ้นนั้นบนศีรษะจนนางตกลงในบ่อน้ำด้านข้าง พริบตาเดียวก็มีคนตะโกนขึ้นว่า “ช่วยด้วยมีคนตกน้ำ” “ใครตกน้ำอย่างนั้นหรือ” “เห็นว่าเป็นองค์หญิงสามนะ” “อย่างนั้นก็ปล่อยนางให้จมไปเถอะ ถึงช่วยนางขึ้นมาก็หาได้มีความดีความชอบอะไร” เด็กหนุ่มที่กำลังฝึกยิงธนูมองคนพูด ก่อนจะวางคันธนูลง ก้าวเท้าตรงไปยังสระที่มีเหล่านางสนมและขันทียืนมุงกันอยู่ พุ่งตัวกระโจนลงไปในบ่อน้ำแล้วนำเอาร่างเล็ก ๆ ที่เปียกปอนหมดสภาพอีกทั้งยังกินน้ำไปเกือบครึ่งสระ นำขึ้นมาที่ขอบฝั่งด้านบน “เจ้าอย่าได้แตะต้องตัวนางเชียวนะ” “เหตุใดจึงแตะไม่ได้ มีคนจมน้ำให้ยืนเฉย ๆ อย่างนั้นหรือ” เสียงห้าวแตกพานเนื่องจากเพิ่งเข้าวัยหนุ่มตอบกลับ ทำเอาเพื่อนร่วมฝึกนึกฉงน เนื่องจากอีกฝ่ายมิใช่พวกช่างพูด อีกทั้งยังเป็นพวกที่ไม่ยอมแหย่เท้าเข้าสอดหาเรื่อง เพื่อช่วยเหลือใครมาก่อน หรือเห็นเป็นหญิงแรกรุ่นในรั้ววัง จึงได้ทำตัวเป็นยอดชาย แต่อย่างน้อยควรต้องรู้และต้องเลือกช่วยคนบ้าง “นี่เจ้าไม่รู้หรือ” “หากพวกเจ้าไม่คิดช่วยคน ก็จงอย่าได้ปากมาก” เสียงห้าวกล่าวจบ กระโจนตัวลงในสระน้ำทันทีแล้วว่ายจ้ำดำลงไปพาร่างเล็ก ๆ หาอยู่ไม่นานก็พบ จึงลากขึ้นมาบนฝั่งจากนั้น เด็กหนุ่มที่เนื้อตัวเปียกปอนหาได้สนใจตอบคำถามนั้นไม่ จัดแจงช่วยเหลือร่างเล็กที่ซีดไปทั้งตัวให้นอนลง ใช้มือของตนบีบปากปิดจมูกแล้วก้มลงเพื่อจะช่วยให้ร่างเล็กที่จมน้ำไปเป็นนานฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง คนที่ยืนมุงเห็นอย่างนั้นบางคนก็เบือนหน้าหนี บางคนกระซิบคุยด้วยถ้อยคำวาจาสนุกปาก “คราวนี้นางเรียกร้องด้วยการกระโดดสระน้ำหรือ” “เหตุใดจึงต้องเรียกร้องความสนใจจากฝ่าบาทด้วยการกระโดดลงสระน้ำด้วยเล่า ไม่คิดสั้นไปหน่อยหรืออย่างไร” “ใครก็รู้กันทั้งนั้นว่านางเป็นธิดาในองค์ฮ่องเต้ที่ไม่ได้รับความรัก ความใส่ใจเลยแม้แต่นิดเดียว” “นางฟื้นหรือไม่” “ข้าว่านางไม่ฟื้น” “น่าจะคงตายไปแล้วล่ะข้าว่า” เด็กหนุ่มนี่เป็นใครกันจึงได้กล้าโผงผางพูดเช่นนี้ “ซงหยวน ไยเจ้ามาอยู่ตรงนี้ แล้วทำไมตัวเปียกปอน” “ไป เร็วเข้าซงหยวน นายกองเรียกแล้ว หากช้าอยู่ พวกเราได้โดนวิ่งลากซุงและปีนผาตรงหุบเขาหลิวหลิงอีกเป็นแน่ ไป เร็วเข้า” เด็กหนุ่มมองร่างเล็กที่ตนเพิ่งช่วยขึ้นจากสระน้ำด้วยสายตาเรียบนิ่ง แม้เขาจะเป็นคนเฉยชา แต่ไม่เคยเห็นความเป็นความตายของคนอื่นเป็นเรื่องที่ทำเพิกเฉยได้ ยิ่งเป็นแม่นางน้อยผู้นี้แล้วด้วย เขาทำเช่นนั้นมิได้ จางซงหยวนยังคงไม่ไปไหน เขารอจนเห็นว่านางสำลักน้ำออกมาอีกและกำลังฟื้นสติขึ้น จึงได้คลายใจลง ยอมหันหลังแล้วเดินออกจากตรงนั้นไป “จะไปแล้วหรือ เดี๋ยวสิ รอข้าด้วย” ร่างเล็กที่ถูกผลักตกน้ำด้วยมือที่มองไม่เห็นค่อย ๆ สำลักเอาน้ำออกมาจากปอด ก่อนจะดันตัวลุกนั่งอีกครั้ง “ไม่ตายหรอกหรือ” “น่าจะตายตามแม่ของนางไปนะ อยู่ก็เปลืองข้าวเปลืองน้ำของฝ่าบาท” เสียงใสเย่อหยิ่งจากการเลี้ยงดู เบ้ปากเมื่อเห็นว่าคนที่ตกน้ำรอดชีวิตขึ้นมาแล้ว ก็เตรียมหันหลังจากไป พร้อมกล่าวกับน้องสาวที่ยืนขนาบข้าง “ไปกันเถิด” ผู้เป็นน้องรั้งแขนแล้วพยักหน้าให้รอ “เดี๋ยว รอดูอะไรสนุกก่อนเถิดท่านพี่” เมื่อเห็นว่าหลี่เยี่ยนถิงลุกขึ้นมาแล้วก็เอ่ยกับนางกำนัลที่ยืนมุงยืนมองตรงนั้นด้วย “เจ้าจงนำเรื่องนี้ไปเล่าต่อในทั่ว” นางในตรงนั้นค้อมตัวรับคำสั่งทันที “เรื่องใดหรือเพคะ” “เรื่องนี้อย่างไรเล่า เรื่องที่องค์หญิงสามลักลอบเล่นสนุกสนานตาม บ้ากาม เล่นรักตามประสาชายหญิงกับพวกทหารชั้นต่ำ” หลี่เยี่ยนถิงยืนกอดตัวเองด้วยความหนาวสั่นนางอ้าปากเล็ก ๆ อย่างยากลำบากกล่าวแทนตนเองออกไปเป็นประโยคแรก “เหตุใดจึงได้กล่าวเช่นนั้น ข้าไม่ได้…” “ดูที่ขาเจ้าเถอะ น้ำเลือดไหลอาบขาขนาดนั้น สนุกมากหรือไม่เล่าเมื่อครู่นี้” เหล่านางกำนัลที่เพิ่งเดินมาตรงนั้น ได้ยินคนพูดเรื่องสนุกเข้าหูตนเช่นนั้น ก็รีบเข้าร่วมวง มามุงแล้วกล่าวถามทันที “ตายแล้ว เรื่องจริงอย่างนั้นหรือเพคะองค์หญิง” “ดูเลือดที่ขาของนางเป็นอย่างไร” องค์หญิงเจ็ดได้ทีรีบพูดบ้าง “ทุกคนจงฟังข้า เมื่อครู่ข้ามาทันได้เห็นองค์หญิงสามลักลอบเล่นสนุกกับทหารชั้นต่ำพอดี จนเลือดอาบไปทั้งขา นางช่างน่ารังเกียจนัก หญิงบ้าตัณหา” หลี่เยี่ยนถิงส่ายหน้า ร่างเล็กที่ซีดไปทั้งตัวหอบเอาร่างอมน้ำลุกจากพื้นเดินโซซัดโซเซกลับไปยังวังร้างที่ท้ายสุดของทิศตะวันตก หญิงใบ้ บ่าวเพียงคนเดียวที่ถูกลงโทษให้มาอยู่ในตำหนักแห่งนี้แสดงสีหน้าระอาใจเมื่อเห็นสภาพของเด็กสาว ก่อนจะลากสายตาลงมายังปลายเท้าของนาง สายตาเศร้ากวาดมองตามก่อนที่หัวใจจะแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นว่ามีเลือดไหลออกมาเป็นทางปนน้ำที่ไหลหยดจากชุดของนางเป็นทางยาว หลี่เยี่ยนถิงลืมตาตื่นพร้อมกับอาการปวดเมื่อยไปทั้งร่าง นางเจ็บเนื้อตัวไปหมด นางขยับจะลุกก็เจ็บแปลบตรงร่างกายท่อนล่างของนางเอง เกิดเหตุอันใดขึ้น หลี่เยี่ยนถิงคิดทบทวนช้า ๆ เหตุใดเมื่อสติของนางกลับคืนมาแล้วนั้นจึงได้มีอาการปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวเช่นนี้ อีกทั้งเนื้อตัวยังเปลือย ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว เห็นสภาพของตนแล้วก็นึกอดสู เท่าที่จำได้เมื่อคืนนี้นางพบกับจางซงหยวนที่ทางลัดออกนอกวัง แล้วเขาก็ดึงเอาสาส์นของนางไปแล้วยัง...ยังพานางออกจากนอกวัง ตอนนั้นสติของนางดับวูบไป “ตื่นแล้วหรือเจ้าคะคุณหนู” เสียงถามอ่อนโยนเอาใจดังมาจากประตูห้องที่นางนอนพัก หลี่เยี่ยนถิงขยับตัวนั่งใหม่ดึงเอาผ้าปิดตัวจนมิดชิดยิ่งกว่าเดิมด้วยท่าทางตกใจ ตั้งแต่เกิดจนโตไม่เคยมีใครมาคอยถาม ไม่มีใครมาคอยรอให้นางตื่นหรือหลับมาก่อน ไม่เคยมีเสียงพูดคุยด้วยอย่างใส่ใจ อย่างจงรักภักดีเช่นนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD